xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ยืดเก็บภาษีดีเซลอีก3เดือน ช่วยลดค่าครองชีพแม้รัฐรายได้วูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.ปู แจกอีก ยืดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือน สิ้นสุด 31 ธ.ค.54 หวังช่วยลดค่าครองชีพและตรึงภาคขนส่ง แม้รัฐจะสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท นักวิชาการอัดยืดภาษีไร้เหตุผล ทั้งๆ ที่เป็นช่วงน้ำมันขาลงและก่อนหน้าลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปแล้ว ซีอีโอปตท.ใหม่ โวน้ำมันลด 2 วันติด สะท้อนการทันเกม
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ก.ย.) ได้มีมติอนุมัติการต่ออายุมาตรการในการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือน โดยให้สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2554 เพื่อเป็นการช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับประชาชนและภาคขนส่ง ซึ่งเมื่อใกล้ครบกำหนดในช่วงสิ้นปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน จะมีการหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสมเสนอให้ครม.พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ตามปกติจะมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันดีเซลในอัตราลิตรละ 5.30 บาท หรือคิดเป็นรายได้เข้ารัฐปีละ 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลชุดก่อนได้มีมาตรการลดการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนด 6 เดือนในวันที่ 31 ก.ย.นี้ และที่ผ่านมา ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไปแล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และมติครม.ล่าสุดที่ให้ขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้เพิ่มอีกราว 2.7 หมื่นล้านบาท
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่ครม.มีมติให้ยืดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือนจากเดิมที่จะครบกำหนดในช่วงสิ้นเดือนก.ย.นี้ว่า ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่รัฐจะทำเช่นนั้น เนื่องจากน้ำมันตลาดโลกขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง และที่ผ่านมา รัฐยังมีการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้แล้ว ซึ่งการยืดเก็บเงินภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือน จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ไปประมาณเดือนละ 9,000 ล้านบาท หรือหายไปประมาณ 27,000 ล้านบาท ขณะที่แต่ละโครงการรัฐมีแต่รายจ่ายแทบไม่เห็นรายได้เข้ามา
“จริงๆ เวลานี้ น้ำมันขาลง ควรใช้จังหวะนี้เก็บเงินเข้ารัฐได้ด้วยซ้ำ เพราะที่สุดแล้ว ภาระดังกล่าวจะไปตกประชาชนอยู่ดี รัฐไม่ได้จ่าย ซึ่งคงจะอยู่ที่คลังว่าจะหารายได้เพิ่มที่ไหนมา”นายมนูญกล่าว
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในแง่ของผู้ค้าน้ำมันคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็มีความเป็นห่วงว่าในช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ ราคาน้ำมันดีเซลจะมีการปรับตัวสูงขึ้นจนเกินระดับเพดาน 30 บาทต่อลิตรหรือไม่ เพราะปกติปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดีเซลช่วงหน้าหนาวจะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-4% รวมทั้งยังเป็นห่วงว่าจะยิ่งทำให้ไม่เกิดการประหยัด เพราะเห็นว่าราคายังถูกอยู่แล้วหันมาใช้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยลดราคากลุ่มแก๊สโซฮอล์ลงลิตรละ 40 สตางค์ เบนซิน 91 ลงลิตรละ 60 สตางค์ และดีเซลลงลิตรละ 50 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่ 05.00 น. ของวันนี้ (14 ก.ย.) ส่งผลให้ราคาขายปลีกนำมันตามสถานีบริการของ ปตท. และบางจาก ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 36.27 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 36.27 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 33.24 บาท แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ลิตรละ 32.24 บาท แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ลิตรละ 21.82 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 27.99 บาท
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า สาเหตุที่ ปตท. ลดราคาน้ำมัน 2 วันติดต่อกัน เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดในโลกช่วงปรับตัวลดลง จึงปรับราคาในประเทศให้สอดคล้องกัน สะท้อนให้เห็นว่า ปตท. มีการปรับราคาน้ำมันได้ทันกับสถานการณ์
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท กล่าวเสริมว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายปลีกในประเทศลดลงตามไปด้วย และคงจะแกว่งตัวอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยขณะนี้อยู่ที่ 1.60 บาทต่อลิตร ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม โดยยอดขายน้ำมัน หลังที่รัฐบาลลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะทำให้ยอดจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพราะประชาชนที่เคยใช้แก๊สโซฮอล์ 95 หันมาใช้น้ำมันเบนซินมากขึ้น ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 91 ยังคงมียอดจำหน่ายตามปกติ แต่เชื่อว่าในระยะยาวราคาแก๊สโซฮอล์จะถูกกว่าเบนซิน ทำให้ประชาชนหันกลับมาใช้แก๊สโซฮอล์เหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น