เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (8 ก.ย.) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มารับฟังการบรรยาย แถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร ของนักศึกษา 5 สถาบัน ประกอบด้วย นักศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 2553 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพบก วิทยาลัยการทัพเรือ และวิทยาลัยการทัพอากาศ ซึ่งเป็นการนำผลประโยชน์แห่งชาติและนโยบายความั่นคง ด้านการป้องกันประเทศของนักศึกษามาจัดทำพัฒนาขึ้นเป็นยุทธศาสตร์ทหารแสดงถึงความสัมพันธ์การใช้กำลังทหารสนับสนุนรัฐบาลร่วมกับกำลังอำนาจแห่งชาติด้านอื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของชาติ
สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ ปี พ. ศ.2555-2559 คือการทำฐานรากกำลังอำนาจแห่งชาติให้แข็งแกร่ง สู่การเปลี่ยนแปลงที่ฉลาด และนักศึกษามองภาพของประเทศในห่วงระยะเวลา 5 ปีข้างหน้าจะมีภัยคุกคามความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญ และต้องเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกำหนดยุทธศาตร์ด่วน คือ การบูรณาการ ระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ที่มีแน้วโน้มเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรง โดยเสนอให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ. รมน.) ผนวกเป็นหนึ่งหน่วยงานแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ และยุทธศาสตร์การพร้อมเผชิญสภาวะวิกฤติโลกเรื่องอาหาร ในเร็ววันนี้ และถือเป็นโอกาสแห่งความมั่งคั่งของประเทศหากเตรียมการรับมืออย่างเหมาะสม รวมถึงยุทธศาสตร์การเตรียมประเทศขั้นสูงสุด เพื่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพไทย ต้องตอบสนองภาระกิจความมั่นคงในทุกรูปแบบ ทั้งภาระกิจหลักของกองทัพ และสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐด้านอื่นๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงการตอบสนองภาระกิจการช่วยเหลือประชาชน
กองทัพบก ต้องปรับปรุงโครงสร้างและอัตราการจัดยุทธโธปกรณ์ให้มีความทันสมัยและเหมาะสม และเกื้อกูลในการประกอบกำลังให้สอดคล้องกับขีดความสามารถทางทหารที่ต้องการ ปัจจุบันโครงสร้างงานของกองทัพบก ถือว่ามีความเมาะสม เพียงแต่ต้องปรับโครงสร้างระดับกรม และลักษณะกำลังรบผสมที่มีความยืดหยุ่น และรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนประกอบกำลัง จำนวนหน่วนสนับสนุนการรบ ต้องมีการเพิ่มเติมบางส่วน ได้แก่ หน่วยบินให้มีโครงสร้างจาก 1 กองพันบิน เป็น 1 กรมบิน ซึ่งจะเพิ่มอำนาจในการดำเนินกลยุทธ์ ความคล่องแคล่ว รวดเร็วต่อกำลังทางบก
กองทัพเรือ ต้องเสริมสร้างกำลังรบให้มีขีดความสามารถทันสมัย เท่าเทียมกับกำลังรบประเทศเพื่อนบ้าน การปฎิบัติการรบผิวน้ำ ต้องทำได้อย่างรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาดเพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความได้เปรียบ ตลอดจนใช้การลาดตระเวนไกลฝั่ง และควบคุมทะเล เพื่อควบคุมการคมนาคมเข้าออกประเทศให้ได้อย่างต่อเนื่อง
ในกรณีของเรือดำน้ำ จะเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการป้องปราม และการป้องกันเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ จะเพิ่มขีดความสามารถในการปฎิบัติภาระกิจใต้น้ำ ให้กับกำลังทางเรือ ทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามัน
ปัจจุบันกองทัพเรือ มีอำนาจรบและขีดความสามารถอยู่ในระดับหนึ่ง จำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงยุทธโธปกรณ์ที่มีอยู่เดิม ให้มีขีดความสามารถที่ต้องการดังนี้ 1 กองเรือดำน้ำ 1 กองกำลังทางเรือเคลื่อนที่เร็ว 1 ฝูงบินโจมตีทางดิ่ง 1 ฝูงบินอากาศยานไร้นักบิน 1กองพันยกพลขึ้นบกนาวิกโยธินเคลื่อนที่เร็ว 1 กองพันต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งเคลื่อนที่เร็วสมรรถนะสูง มีระบบเครื่อข่ายเป็นศูนย์กลาง
กองทัพอากาศ ในยุคใหม่ต้องเน้นหนักในเทคโนโลยี กำลังทางอากาศที่ทันสมัย โดยเฉพาะระบบดิจิตอล และระบบการใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะสามารถบูรณาการใช้กำลังร่วมกับเหล่าทัพอื่นได้ทุกมิติ กองทัพอกาศ ต้องเตรียมกำลังทางอากาศ ดังนี้
อากาศยานรวม 21 ฝูงบิน ประกอบด้วย 5 ฝูงบินขับไล่เอนกประสงค์ รวมทั้งอากาศยานแบบต่างๆ อาทิ เครื่องบินลำเลียง เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงในอากาศ เฮลิคอปเตอร์รับส่งบุคคลสำคัญ เครื่องบินฝึก และอากาศยานไร้นักบิน ระบบบัญชาการและควบคุมพร้อมระบบเชื่อมโยงข้อมูลยุทธวิธี โดยมีสถานนีเรดาร์ในที่ต่างๆ 9 สถานี และแบบเคลื่อนที่อย่างน้อย 2 สถานี เรดาร์ควบคุมการยิงในระบบป้องกันทางอากาศอย่างน้อย 6 ชุด กำลังอากาศโยธินประจำฐานบินต่างๆ รวมถึงหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ชุดปฎิบัติการพิเศษ ระบบบัญชาการ และควบคุมการป้องกันภาคพื้น และการป้องกันภัยทางอากาศ จรวด และปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ทันสมัย
**"ยิ่งลักษณ์"ย้ำ 2 คำ "Change-Risk"
ต่อมาเวลา 15.10 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ในการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร ว่า ตนยินดีที่สุดที่ได้มีโอกาสรับฟังการแถลงนโยบายชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร ซึ่งถือเป็นความมั่นคงที่สำคัญมาก และก่อนหน้านี้หากจะพูดถึงยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์เรามองแยกจากกัน
การแก้ไขปัญหาทั้ง 2 อย่าง ควรต้องทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ชาติ เป็นยุทธศาสตร์ที่ไร้พรมแดน เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงด้านเศรษฐกิจที่มีการย้ายฐานการผลิตมาสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราต้องพร้อมในการสร้างเศรษฐกิจเพื่อคว้าโอกาสอันดี
ส่วนความมั่นคงทางการเมือง ที่พบว่ามีความตื่นตัวมากตามกระแสโลก เกิดความขัดแย้งต่างๆ แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ การเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตย นิติรัฐ ความเสมอภาค ซึ่งปรากฏการณ์เราไม่ควรก้าวข้าม เพราะจะเป็นจุดที่นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง สำหรับการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งทางด้านสังคม ที่ต้องนำไปสู่การปรับปรุงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะปัจจุบันวัฒนธรรมสังคมความเหลื่อมล้ำ ความยกจน ดัชนีความโปร่งใสลดลง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สะท้อนกลับมาว่า เราต้องปรับตัวรองรับกับสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลง เพื่อทำรากฐานของชาติให้แข็งแรง ลดความขัดแย้ง เพื่อเดินไปสู่วันข้างหน้าให้ได้ ทั้งหมดนี้เราต้องเตรียมตัว กับคำที่ว่า Change (การเปลี่ยน) และ Risk (ความเสี่ยง) อย่าฟังเพียงแต่ว่า เป็นปัญหา แต่ฟังแล้วต้องปรับตัว เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
** ไม่มีผบ.เหล่าทัพมาต้อนรับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงยุทธศาสตร์ชาติของ นศ.วปอ.ทุกปี จะมีผู้บัญชาการเหล่าทัพมารับฟัง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในปีนี้ ผบ.เหล่าทัพ ได้ส่งแค่ตัวแทนมาร่วมในงานดังกล่าว เนื่องจาก ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทอ. ติดภารกิจต่างประเทศ ส่วน ผบ.ทร. อยู่ร่วมงานอำลาชีวิตรราชการที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
**"บิ๊กอ๊อด" ยันไม่มีขัดแย้งเรื่องโผทหาร
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่จะยื่นกฤษฎีกาตีความอำนาจ รมว.กลาโหม ในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารว่า ตอนยังไม่ได้ยื่น แต่ต่อไปต้องทำ เพราะจะเป็นการตีกรอบความถูกต้อง สิทธิอำนาจของรมว.กลาโหม คนต่อไป ใครก็ตามที่จะมาเป็น จะได้มีสิทธิแก้ไข จะได้ดำเนินการให้เขา ไม่ใช่ว่าผ่านไปแล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรให้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นที่แคลงใจ สงสัย ก็คงต้องทำต่อไป
เมื่อถามว่าจะตีความมาตราใดบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีรายละเอียดมาก แต่พูดวันนี้ไม่ได้ แต่มีหลายจุดที่ต้องพิจารณาต่อไป เมื่อถามย้ำว่า ใช่มาตรา 10 กับ 24 หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า มีหลายข้อในกฎของกระทรวง
เมื่อถามว่าความชัดเจนในตำแหน่งของปลัดกระทรวงกลาโหม ที่จะมีปัญหา พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สื่อไปเขียนกันเอง ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และผบ.เหล่าทัพ ทุกคนก็ไม่สบายใจ ที่บอกว่ามีความคิดเห็นไม่ตรงกับตน แต่ความจริงแล้วไม่มีเลย
เมื่อถามว่าตำแหน่งของปลัดฯ เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เรียบร้อยนานแล้ว แต่สื่อไปเขียนกันเอง
"วันนี้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)โทรศัพท์มาหาผม ว่าอ่านเอกสารจากข่าวแล้ว ไม่ใช่เป็นอย่างนั้น ผู้บัญชาการฯ ก็บอกว่าไม่เห็นเรามีอะไรขัดแย้งกันเลย เราเห็นดีร่วมกัน การโหวตก็ไม่มี แล้วทำไมถึงมีข่าวว่ามีความคิดที่ไม่ตรงกับผม ผมยืนยันว่าทุกท่านไม่มีความแตกแยกในความคิด ตั้งแต่ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. เรามีความคิดร่วมกันเป็นเอกฉันท์ ยืนยันไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างลงตัว" รมว.กลาโหมกล่าว
สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ ปี พ. ศ.2555-2559 คือการทำฐานรากกำลังอำนาจแห่งชาติให้แข็งแกร่ง สู่การเปลี่ยนแปลงที่ฉลาด และนักศึกษามองภาพของประเทศในห่วงระยะเวลา 5 ปีข้างหน้าจะมีภัยคุกคามความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญ และต้องเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกำหนดยุทธศาตร์ด่วน คือ การบูรณาการ ระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ที่มีแน้วโน้มเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรง โดยเสนอให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ. รมน.) ผนวกเป็นหนึ่งหน่วยงานแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ และยุทธศาสตร์การพร้อมเผชิญสภาวะวิกฤติโลกเรื่องอาหาร ในเร็ววันนี้ และถือเป็นโอกาสแห่งความมั่งคั่งของประเทศหากเตรียมการรับมืออย่างเหมาะสม รวมถึงยุทธศาสตร์การเตรียมประเทศขั้นสูงสุด เพื่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพไทย ต้องตอบสนองภาระกิจความมั่นคงในทุกรูปแบบ ทั้งภาระกิจหลักของกองทัพ และสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐด้านอื่นๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงการตอบสนองภาระกิจการช่วยเหลือประชาชน
กองทัพบก ต้องปรับปรุงโครงสร้างและอัตราการจัดยุทธโธปกรณ์ให้มีความทันสมัยและเหมาะสม และเกื้อกูลในการประกอบกำลังให้สอดคล้องกับขีดความสามารถทางทหารที่ต้องการ ปัจจุบันโครงสร้างงานของกองทัพบก ถือว่ามีความเมาะสม เพียงแต่ต้องปรับโครงสร้างระดับกรม และลักษณะกำลังรบผสมที่มีความยืดหยุ่น และรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนประกอบกำลัง จำนวนหน่วนสนับสนุนการรบ ต้องมีการเพิ่มเติมบางส่วน ได้แก่ หน่วยบินให้มีโครงสร้างจาก 1 กองพันบิน เป็น 1 กรมบิน ซึ่งจะเพิ่มอำนาจในการดำเนินกลยุทธ์ ความคล่องแคล่ว รวดเร็วต่อกำลังทางบก
กองทัพเรือ ต้องเสริมสร้างกำลังรบให้มีขีดความสามารถทันสมัย เท่าเทียมกับกำลังรบประเทศเพื่อนบ้าน การปฎิบัติการรบผิวน้ำ ต้องทำได้อย่างรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาดเพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความได้เปรียบ ตลอดจนใช้การลาดตระเวนไกลฝั่ง และควบคุมทะเล เพื่อควบคุมการคมนาคมเข้าออกประเทศให้ได้อย่างต่อเนื่อง
ในกรณีของเรือดำน้ำ จะเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการป้องปราม และการป้องกันเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ จะเพิ่มขีดความสามารถในการปฎิบัติภาระกิจใต้น้ำ ให้กับกำลังทางเรือ ทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามัน
ปัจจุบันกองทัพเรือ มีอำนาจรบและขีดความสามารถอยู่ในระดับหนึ่ง จำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงยุทธโธปกรณ์ที่มีอยู่เดิม ให้มีขีดความสามารถที่ต้องการดังนี้ 1 กองเรือดำน้ำ 1 กองกำลังทางเรือเคลื่อนที่เร็ว 1 ฝูงบินโจมตีทางดิ่ง 1 ฝูงบินอากาศยานไร้นักบิน 1กองพันยกพลขึ้นบกนาวิกโยธินเคลื่อนที่เร็ว 1 กองพันต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งเคลื่อนที่เร็วสมรรถนะสูง มีระบบเครื่อข่ายเป็นศูนย์กลาง
กองทัพอากาศ ในยุคใหม่ต้องเน้นหนักในเทคโนโลยี กำลังทางอากาศที่ทันสมัย โดยเฉพาะระบบดิจิตอล และระบบการใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะสามารถบูรณาการใช้กำลังร่วมกับเหล่าทัพอื่นได้ทุกมิติ กองทัพอกาศ ต้องเตรียมกำลังทางอากาศ ดังนี้
อากาศยานรวม 21 ฝูงบิน ประกอบด้วย 5 ฝูงบินขับไล่เอนกประสงค์ รวมทั้งอากาศยานแบบต่างๆ อาทิ เครื่องบินลำเลียง เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงในอากาศ เฮลิคอปเตอร์รับส่งบุคคลสำคัญ เครื่องบินฝึก และอากาศยานไร้นักบิน ระบบบัญชาการและควบคุมพร้อมระบบเชื่อมโยงข้อมูลยุทธวิธี โดยมีสถานนีเรดาร์ในที่ต่างๆ 9 สถานี และแบบเคลื่อนที่อย่างน้อย 2 สถานี เรดาร์ควบคุมการยิงในระบบป้องกันทางอากาศอย่างน้อย 6 ชุด กำลังอากาศโยธินประจำฐานบินต่างๆ รวมถึงหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ชุดปฎิบัติการพิเศษ ระบบบัญชาการ และควบคุมการป้องกันภาคพื้น และการป้องกันภัยทางอากาศ จรวด และปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ทันสมัย
**"ยิ่งลักษณ์"ย้ำ 2 คำ "Change-Risk"
ต่อมาเวลา 15.10 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ในการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร ว่า ตนยินดีที่สุดที่ได้มีโอกาสรับฟังการแถลงนโยบายชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร ซึ่งถือเป็นความมั่นคงที่สำคัญมาก และก่อนหน้านี้หากจะพูดถึงยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์เรามองแยกจากกัน
การแก้ไขปัญหาทั้ง 2 อย่าง ควรต้องทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ชาติ เป็นยุทธศาสตร์ที่ไร้พรมแดน เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงด้านเศรษฐกิจที่มีการย้ายฐานการผลิตมาสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราต้องพร้อมในการสร้างเศรษฐกิจเพื่อคว้าโอกาสอันดี
ส่วนความมั่นคงทางการเมือง ที่พบว่ามีความตื่นตัวมากตามกระแสโลก เกิดความขัดแย้งต่างๆ แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ การเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตย นิติรัฐ ความเสมอภาค ซึ่งปรากฏการณ์เราไม่ควรก้าวข้าม เพราะจะเป็นจุดที่นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง สำหรับการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งทางด้านสังคม ที่ต้องนำไปสู่การปรับปรุงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะปัจจุบันวัฒนธรรมสังคมความเหลื่อมล้ำ ความยกจน ดัชนีความโปร่งใสลดลง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สะท้อนกลับมาว่า เราต้องปรับตัวรองรับกับสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลง เพื่อทำรากฐานของชาติให้แข็งแรง ลดความขัดแย้ง เพื่อเดินไปสู่วันข้างหน้าให้ได้ ทั้งหมดนี้เราต้องเตรียมตัว กับคำที่ว่า Change (การเปลี่ยน) และ Risk (ความเสี่ยง) อย่าฟังเพียงแต่ว่า เป็นปัญหา แต่ฟังแล้วต้องปรับตัว เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
** ไม่มีผบ.เหล่าทัพมาต้อนรับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงยุทธศาสตร์ชาติของ นศ.วปอ.ทุกปี จะมีผู้บัญชาการเหล่าทัพมารับฟัง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในปีนี้ ผบ.เหล่าทัพ ได้ส่งแค่ตัวแทนมาร่วมในงานดังกล่าว เนื่องจาก ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทอ. ติดภารกิจต่างประเทศ ส่วน ผบ.ทร. อยู่ร่วมงานอำลาชีวิตรราชการที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
**"บิ๊กอ๊อด" ยันไม่มีขัดแย้งเรื่องโผทหาร
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่จะยื่นกฤษฎีกาตีความอำนาจ รมว.กลาโหม ในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารว่า ตอนยังไม่ได้ยื่น แต่ต่อไปต้องทำ เพราะจะเป็นการตีกรอบความถูกต้อง สิทธิอำนาจของรมว.กลาโหม คนต่อไป ใครก็ตามที่จะมาเป็น จะได้มีสิทธิแก้ไข จะได้ดำเนินการให้เขา ไม่ใช่ว่าผ่านไปแล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรให้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นที่แคลงใจ สงสัย ก็คงต้องทำต่อไป
เมื่อถามว่าจะตีความมาตราใดบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีรายละเอียดมาก แต่พูดวันนี้ไม่ได้ แต่มีหลายจุดที่ต้องพิจารณาต่อไป เมื่อถามย้ำว่า ใช่มาตรา 10 กับ 24 หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า มีหลายข้อในกฎของกระทรวง
เมื่อถามว่าความชัดเจนในตำแหน่งของปลัดกระทรวงกลาโหม ที่จะมีปัญหา พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สื่อไปเขียนกันเอง ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และผบ.เหล่าทัพ ทุกคนก็ไม่สบายใจ ที่บอกว่ามีความคิดเห็นไม่ตรงกับตน แต่ความจริงแล้วไม่มีเลย
เมื่อถามว่าตำแหน่งของปลัดฯ เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เรียบร้อยนานแล้ว แต่สื่อไปเขียนกันเอง
"วันนี้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)โทรศัพท์มาหาผม ว่าอ่านเอกสารจากข่าวแล้ว ไม่ใช่เป็นอย่างนั้น ผู้บัญชาการฯ ก็บอกว่าไม่เห็นเรามีอะไรขัดแย้งกันเลย เราเห็นดีร่วมกัน การโหวตก็ไม่มี แล้วทำไมถึงมีข่าวว่ามีความคิดที่ไม่ตรงกับผม ผมยืนยันว่าทุกท่านไม่มีความแตกแยกในความคิด ตั้งแต่ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. เรามีความคิดร่วมกันเป็นเอกฉันท์ ยืนยันไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างลงตัว" รมว.กลาโหมกล่าว
