ผบ.ทบ.ปฏิเสธวิจารณ์แกนนำไพร่ได้ดีขึ้นชั้นเสนาบดี ระบุ เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจก็แต่งตั้งกันไป ยันย้ายทหารเป็นธรรม ติงอย่าพยายามทำให้เป็นเรื่อง ระบุ โผทหารผ่านบอร์ดแล้ว แก้ไม่ได้ ผิดกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของบางบุคคล โดยเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องของทหาร เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองเขามีอำนาจก็แต่งตั้งไป ส่วนข้อกังวลที่จะทำงานประสานงานกันได้หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่าจะต้องทำงานร่วมกันตรงจุดใด เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของแต่ละกระทรวง เราเป็นกระทรวงกลาโหมตนจึงทำงานในกรอบของกองทัพไทย และของกระทรวงกลาโหม
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองต้องการให้เกิดความชอบธรรมต่อนายทหารเตรียมทหารรุ่นที่ 10 (ตท.10) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชิสวัตร ในการปรับย้ายที่จะถึงนี้ หลังจากที่ถูกโยกย้ายหลังเหตุการณ์กันยายน 2549 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีความชอบธรรมอย่างไร ตรงจุดไหน ตนไม่ทราบ การแต่งตั้งมีคณะกรรมการปรับย้ายทหารระดับชั้นนายพลอยู่ จะใช่หรือไม่ใช่ มีหรือไม่มี ก็ต้องไปว่ากันในระดับคณะกรรมการที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เป็นประธาน ซึ่งคนบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่รู่ว่าคือใคร แต่เราใช้พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมมาตั้งแต่ปี 2551 ดังนั้นจึงทำไม่ได้หรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการแต่งตั้งโยกย้ายผ่านคณะกรรมการไปแล้ว รมว.กลาโหม มีอำนาจเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากผ่านคณะกรรมการไปแล้วก็จบตรงนั้น จะไปแก้ไขตรงไหนไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายเขียนไว้เป็นมติคณะกรรมการจึงแก้ไขไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดต้องมีความเห็นชอบร่วมกันไม่ทะเลาะกันอยู่แล้ว
“พยายามอย่าให้เป็นเรื่องขึ้นมาเลย การแต่งตั้งเหมือนทุกครั้ง หนึ่งปีมีการแต่งตั้ง 2 ครั้ง หากปีนี้ไม่ได้ก็รอคราวหน้า เป็นความหวังของทุกคนในการรับราชการ ทุกคนอยากมียศมีตำแหน่งสูงขึ้นเป็นธรรมดา แต่ครั้งนี้จะได้หรือไม่ได้ต้องขึ้นอยู่ผลงานของตัวเองและองค์ประกอบ หลายอย่าง แต่บางคนคิดว่าทำงานดีอะไรดีทุกอย่างแต่ไม่มีโอกาสขึ้นก็คงเป็นเรื่องของโอกาส”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกองบัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 จ.ขอนแก่น (พล.ม..) ที่กำลังจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร ว่า พล.ม.3 เป็นโครงการเสริมสร้างกำลังของกองทัพในระยะที่ 1 เรื่องการจัดตั้งหน่วยใหม่คือกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ทั้งนี้ การพัฒนากองทัพมีทั้งแผนระยะสั้นและระยาว โดยคำนึงถึงภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“การจัดตั้งหน่วยไม่ได้ตั้งขึ้นเพราะความต้องการของใคร แต่จัดตั้งเพื่อให้สอดคล้องกับภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ที่จะต้องเผชิญหน้ากับประเทศของเร่าในห้วงระยะเวลาอันใกล้ที่จะต้องว่างแผนรองรับไว้ช่วง 5-10 ปี ที่หน่วยจะต้องมีความพร้อมรับสถานการณ์ โดยกำลังที่เราต้องการอย่างน้อยต้อง 80 เปอร์เซ็นต์จากอัตราการจัดที่เรามีอยู่ ซึ่งยังไปไม่ถึง เพราะระยะที่ 1 ได้เพียง 1 ใน 3 หากจะให้สมบูรณ์ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ระหว่างนี้ต้องสร่างวัฒนธรรมภายในหน่วย สร้างความรัก สามัคคี ความเป็นเอกภาพ เพื่อให้สามารถเข้าทำการรบได้”ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว
ส่วนการจัดหาอาวุทธยุทโธปกรณ์เข้าประจำการใน พล.ม.3 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามกรอบการพัฒนากองทัพของกระทรวงกลาโหมที่ทำไว้ล่วงหน้าถึงปี 2562 และแผนพัฒนาของกองทัพบกที่จะต้องให้สอดคล้องกัน ซึ่งมีทั้งด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ โดยพิจารณาจากการจัดหน่วยที่แต่ละหน่วยจะมีคุณลักษณะขีดความสามารถแตกต่างกันทั้งทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ซึ่งอัตราการจัดในปัจจุบันใช้มาเป็นเวลา 30-40 ปีไม่เคยเปลี่ยนแปลงและไม่สอดคล้องกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะนอกจากภารกิจการป้องกันประเทศแล้ว ยังมีภารกิจด้านการรักษาความมั่นคงภายใน การช่วยเหลือประชาชน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่เพิ่มเติมขึ้นมา
“สังคมต้องรับมทราบว่าทำไมยุทโธปกรณ์มันเก่า ทำไมเมื่อถึงเวลาไอ้นั่นไม่มี ไอ้นี่ไม่มี ทุกอย่างเราได้เสนอไปแล้ว เพื่อให้เกิดความพร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพล แต่เมื่อไม่ได้ก็ต้องเกิดความเสี่ยงในการรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยในรายละเอียดอีกครั้ง และคงต้องนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงกลาโหมที่จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมกองทัพบกในสัปดาห์หน้า ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้ากระทรวง ดูแลเรื่องความมั่นคงและท่านพูดไว้แล้วว่าท่านจะดูแลกองทัพ แต่จะได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาล” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว