ASTVผู้จัดการรายวัน- “ไทยฟิล์มฯ” คาดรายได้ปีนี้ทะลุ 4 พันล้านบาท ดันผลดำเนินงานพลิกเป็นกำไร จากปีก่อนขาดทุน60ล้าน ผู้บริหารระบุอยู่ระหว่างการศึกษาแผนล้างขาดทุนสะสม-เพิ่มพรีโฟลท คาดสรุปปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
นาย เอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน)จำกัด (มหาชน)หรือ TFI เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้ของบริษัทน่าจะมากกว่า 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขาย 2,200 ล้านบาท ตามความต้องการใช้ที่สูงอยู่ ทำให้เชืท่อว่าทั้งปีจะมียอดขายประมาณ 5-6 หมื่น จากครึ่งปีแรกมียอดขาย 2.8 หมื่นตัน โดยบริษัทจะเน้นจำหน่ายฟิล์มที่มีคุณสมบัติพิเศษให้มากขึ้น เป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายในอีก 2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน30-35% ของสัดส่วนรายได้รวม เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าฟิล์มปกติ
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีกำไร หลังจากครึ่งปีแรกมีกำไร 130 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 60 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น จะสูงกว่าปีก่อน จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 14.3 % ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 8% ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม จึงทำให้กำไรของTFIปรับตัวดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มราคาเม็ดพลาสติกและธุรกิจปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะทรงตัวในระดับนี้ และบริษัทจะเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น
สำหรับแผนการล้างขาดทุนสะสมที่มีจำนวน 920 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการ ซึ่งจะต้องพิจารณาในเรื่องสินทรัพย์ของบริษัท ว่ามีจำนวนเท่าไรและจะมีการดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยอาจมีการขายสินทรัพย์บางส่วน และต้องดูว่าบริษัทจะมีการลงทุนใหม่หรือไม่
เช่นเดียวกับการเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ(ฟรีโฟลท) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยทางผู้ถือหุ้นใหญ่ได้มีการคุยเรื่องดังกล่าวบ้างแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามบริษัทไม่มีแผนที่จะออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยจากนี้บริษัทจะเน้นในการสร้างคน และปรับภาพลักษณ์องกรค์ของบริษัทให้ดีขึ้น
นาย เอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน)จำกัด (มหาชน)หรือ TFI เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้ของบริษัทน่าจะมากกว่า 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขาย 2,200 ล้านบาท ตามความต้องการใช้ที่สูงอยู่ ทำให้เชืท่อว่าทั้งปีจะมียอดขายประมาณ 5-6 หมื่น จากครึ่งปีแรกมียอดขาย 2.8 หมื่นตัน โดยบริษัทจะเน้นจำหน่ายฟิล์มที่มีคุณสมบัติพิเศษให้มากขึ้น เป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายในอีก 2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน30-35% ของสัดส่วนรายได้รวม เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าฟิล์มปกติ
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีกำไร หลังจากครึ่งปีแรกมีกำไร 130 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 60 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น จะสูงกว่าปีก่อน จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 14.3 % ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 8% ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม จึงทำให้กำไรของTFIปรับตัวดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มราคาเม็ดพลาสติกและธุรกิจปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะทรงตัวในระดับนี้ และบริษัทจะเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น
สำหรับแผนการล้างขาดทุนสะสมที่มีจำนวน 920 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการ ซึ่งจะต้องพิจารณาในเรื่องสินทรัพย์ของบริษัท ว่ามีจำนวนเท่าไรและจะมีการดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยอาจมีการขายสินทรัพย์บางส่วน และต้องดูว่าบริษัทจะมีการลงทุนใหม่หรือไม่
เช่นเดียวกับการเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ(ฟรีโฟลท) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยทางผู้ถือหุ้นใหญ่ได้มีการคุยเรื่องดังกล่าวบ้างแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามบริษัทไม่มีแผนที่จะออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยจากนี้บริษัทจะเน้นในการสร้างคน และปรับภาพลักษณ์องกรค์ของบริษัทให้ดีขึ้น