“ There is nothing under the sun that the Thai police can’t do”
ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้
พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และผู้ลี้ภัยการเมือง
ขณะที่กำลังเขียนนี้ ตำรวจมาล้อมบ้าน จุกหน้าจุกหลังเต็มไปหมดแล้ว เอ๊ะ ยังไง ไหนว่านัดกันไว้แล้ว คนนัดกับคนจับคนละหน่วยกันครับ
2-3 วันนี้ ผมก็ได้ส่งข่าวสารถึง ผบ.สตช.ตลอดว่าผมจะยื่นขอให้ศาลถอนหมายจับผมที่ผิดประมวล วิ.อาญา แล้วอ้างว่าผมหนี คุณสุนัย มโนมัยอุดม ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์และอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษแท้ๆ เคยถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าศาลชั้นต้นคล้ายจะมีธงยกคำร้องทุกราย ปล่อยให้ผู้เคราะห์ร้ายกับศาลอุทธรณ์ไปว่ากันเอาเอง ระหว่างนั้นผู้ร้องก็ระวังอย่าไปศาล จะถูกตำรวจจับในเวลาที่ประกันไม่ทัน คุกอย่างเดียว
นั่นคือความเสี่ยงในระบบยุติธรรม ทำไมจึงไม่เลือกเอาวิธีง่ายๆ ช่วยให้ตำรวจได้ผลงานหน่อย ไปมอบตัวแล้วประกันเสียจนลืม จะมิดีกว่าหรือ
ผมเองไม่ต้องการใช้อภิสิทธิ์อิทธิพลอะไร เรื่องที่ผมตกเป็นเหยื่อความไม่ถูกต้องนี้ ผมได้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี และ ผบ.สตช.ไปหลายครั้งแล้ว พร้อมพยานหลักฐานทุกอย่างที่ชัดแจ้งว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ก็มิเห็นผู้ใดตอบผมว่ากระไร คงปล่อยไปตามยถากรรม
ตำรวจจึงมาล้อมจับราวกับผมเป็นผู้ร้ายอุกฉกรรจ์เผาบ้านเผาเมือง หรือตำรวจโกรธ ที่ผมเขียนบทความลงแนวหน้าเรื่องรัฐตำรวจอังคารนี้พอดี
บทความบางตอนอยู่ข้างล่างนี้
“เวลาที่น้อยเต็มทีนี้ขออนุญาตไม่เขียนแต่แปลเรื่องที่สังคมไทยควรสังวร คือต้องช่วยกันป้องกันอย่าให้เมืองไทยต้องกลายเป็นรัฐตำรวจไปอีก เฉกเช่นยุคที่ได้สมญาว่ายุคทมิฬของพล.ต.อ.เผ่า ซึ่งเมืองไทยเกือบจะเป็นรัฐตำรวจอย่างสมบูรณ์แบบ และเราก็มีน้องๆ รัฐตำรวจต่อมาอีกหลายยุค อ่อนบ้างแก่บ้าง
คนที่คัดค้านว่าไม่จริงหรอก รัฐตำรวจใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ก็คือ JFK หรืออดีตประธานาธิบดี จอนห์ เอฟ. เคนเนดี ผู้ประชดว่า
A police state finds that it cannot command the grain to grow. “Kennedy, John F. แปลว่า รัฐตำรวจต้องประสบความจริงว่า เขาไม่สามารถบังคับต้นข้าวให้งอกได้”
ผู้พิพากษาศาลสูงที่โด่งดังมากกว่าเป็นแชมเปี้ยนแห่งเสรีภาพ และเป็นต้นตำรับ Judicial Activism หรือระบบยุติธรรมก้าวหน้า แนะนำว่า
“There are only two choices: A police state in which all dissent is suppressed or rigidly controlled; or a society where law is responsive to human needs. If society is to be responsive to human needs, a vast restructuring of our laws is essential.”
William Orville Douglas มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือรัฐตำรวจที่ผู้คัดค้านต้องถูกกดขี่และควบคุม หรืออีกทางหนึ่งคือสังคมที่มีกฎหมายสนับสนุนความต้องการของมนุษย์ หากสังคมจะกลายเป็นสังคมเช่นนั้นได้ เราจำเป็นจะต้องรื้อและสร้างโครงสร้างของกฎหมายเสียใหม่อย่างเป็นการใหญ่
อีกคนผมยังไม่รู้จัก กล่าวไว้ดังนี้ Unless we abandon elements which resemble a police state, we can't meet the demands of being a modern society. เว้นเสียแต่ว่าเราจะยอมทิ้งสิ่งซึ่งละม้ายคล้ายรัฐตำรวจ เราไม่สามารถจะตอบสนองความต้องการที่เราจะเป็นสังคมสมัยใหม่ได้
ท่านผู้อ่านที่เคารพ เพื่อให้ทันเส้นตาย 2 ทุ่ม ขอเสนอ quotation สำคัญที่ผู้เขียนอยากจะสื่อถึงพี่น้องชาวไทยทุกคน
“A society whose citizens refuse to see and investigate the facts, who refuse to believe that their government and their media will routinely lie to them and fabricate a reality contrary to verifiable facts, is a society that chooses and deserves the Police State Dictatorship it’s going to get.”
-- Ian Williams Goddard
“ในสังคมซึ่งประชาชนไม่ยอมมองและไม่ยอมตรวจสอบความจริง ไม่ยอมเชื่อว่ารัฐบาลและสื่อจะพากันโกหกเป็นประจำ และปั้นความเท็จขึ้นมาเป็นความจริงอันไม่สามารถตรวจสอบได้ นั่นคือสังคมที่เลือกและสมกับที่จะได้อยู่ภายใต้เผด็จการของรัฐตำรวจที่เขาจะต้องได้นั่นแหละ”
ผมเขียนหนังสือถึง ผบ.สตช. 2 ฉบับ ดังนี้
ฉบับที่ 1 ผมได้รับแจ้งจากทนายความว่า ตำรวจจะเข้าทำการจับกุมผมในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2554 นี้ในข้อหาเดิมตามสิ่งที่อ้างถึงที่แนบมา
ผมขอเรียนว่าใคร่ขอความร่วมมือจาก ผบ.สตช.ได้โปรดสั่งไปยังพนักงานสอบสวนผมว่าจะถอนหมายเรียก และข้อกล่าวหาผมอย่างใดหรือไม่ ถ้าไม่ถอนก็ขอได้โปรดดำเนินการส่งหมายให้ถูกต้องครบถ้วนตาม ป.วิ.อาญา ผมยินดีให้ความร่วมมือเสมอ ไม่จำเป็นจะต้องมาจับกุมควบคุมตัวผมให้ยุ่งยากและเสียงบประมาณแผ่นดิน
ผมขอเรียนว่าผมได้ขอให้ทนายความเจรจานัดกับเจ้าพนักงานแล้วในวันอังคาร เพราะเสาร์-อาทิตย์นี้หากผมเสียอิสรภาพก็จะเสียงานสำคัญ 3 ประการ คือ (1) การเขียนเอกสารสำคัญที่มีค่าที่สุด (2) การพบปะกับ Professor M. Mojibul Maula จาก Pennsylvania, USA. ซึ่งอาสามาช่วยงานผม 4 เดือน และ (3) การนัดหมายธุรกิจกับ Fred Krailert,ex-Marine และนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จาก Las Vegas ซึ่งจะมาทำสัญญาดูแลทรัพย์สินของมูลนิธิ Thai-US Sufficiency Education Foundation ที่ Cortland, NY ให้ผม
เพื่อตัดปัญหาผมจึงจะขอนัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบที่ศาลอาญาในวันดังกล่าว ซึ่งผมจะขอความกรุณาให้ศาลยกเลิกหมาย หากท่านยังมิได้ยกเลิกหมาย ขอให้ท่านโปรดสั่งการว่าจะยินยอมยกเลิกหรือคัดคานหรือไม่
เหตุผลที่ผมคิดว่า นรม.ในฐานะผู้ดูแล สตช.กับท่านในฐานะ ผบ.สตช.ควรจะเป็นผู้สั่งให้ยกเลิกหมาย มีดังต่อไปนี้
1. หมายนี้ไม่มีหมายเรียกที่ถูกต้องตามป.วิ.อาญา เพียงแต่ส่งไปทางไปรษณีย์และยังไม่ถึงมือผม ผมได้แนะนำแล้วว่าควรส่งอย่างไร
2. สนร.ได้มีหนังสือตอบว่ามิได้เป็นผู้กล่าวหาผมในเรื่องใดๆ
3. เรื่องกล่าวหาผมนั้นเป็นความเท็จเพราะผมไม่เคยไปดอนเมืองและไม่เคยไปกระทำผิดใดๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
4. ผมไปอภิปรายเพื่อประโยชน์ของประชาชนและทางราชการเพื่อมิให้เกิดความเสียหายและทุกครั้งผู้ที่ไปกับผมมีนายกษิต ภิรมย์ และบุคคลอื่นอีก 2 ท่าน การที่ตำรวจตั้งข้อหาผมโดยไม่ตั้งข้อหานายกษิตนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรม
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการงดเว้นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผมโดยไม่มีเหตุอันสมควรด้วย
ฉบับที่ 2 เช้าวันที่ 6 “ตามที่ผมได้จดหมายมาเรียนเมื่อเช้านี้ ความแจ้งอยู่แล้วนั้น บัดนี้ ผมได้รับแจ้งจากทนายความว่า รับทราบจากเจ้าพนักงานสอบสวนว่าตำรวจได้ไปทำการล้อมบ้าน หรือจุกอยู่ที่หน้าบ้านผมแล้ว ผมโทร.ไปสอบถามที่บ้านได้รับคำตอบว่าไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต เรื่องอย่างนี้ผมขอไม่ปรักปรำตำรวจ แต่อยากซ้อมความเข้าใจว่า ทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายผม ไม่ควรทำสงครามจิตวิทยาหรือตกเป็นเหยื่อสงครามจิตวิทยาด้วยกันทั้งคู่จะดีกว่า
ผมจึงขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผมจะไม่มีวันขัดขืนหมายเรียกที่ถูกต้องตามป.วิ.อาญาของตำรวจอย่างเด็ดขาด และผมจะไม่หนีหมายจับที่ออกโดยหมายเรียกที่ชอบเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นในวันพุธที่ 7 นี้ ผมจะไปศาลอาญาเพื่อให้ศาลเพิกถอนหมาย ถ้าศาลยกคำร้อง ผมจะอุทธรณ์ ถ้าศาลยกอีก เมื่อใดก็ตามในวันรุ่งขึ้นพอเปิดทำการ ผมจะไปให้ปากคำกับเจ้าพนักงานและศาลทันที และเตรียมการตามกระบวนพิจารณาทุกประการ ทั้งหมดนี้ ผมต้องการให้จบสิ้น 1 สัปดาห์ก่อนสิ้นเดือนนี้ เพราะผมจะต้อง (ขออนุมัติ) เดินทางไปอเมริกาเพื่อจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิ Thai-US Sufficiency Education Foundation ณ มหาวิทยาลัย SUNY Cortland ซึ่งนัดหมายล่วงหน้าไว้นานแล้ว”
แต่อนิจจา ผบ.สตช.ถูกเตะโด่งออกและขอลาพักร้อนไปแล้ว
ผมเคยแค้น วินสตัน เชอร์ชิลล์ ที่พูด radio address 10.16.1938 ดูถูกชาวไทยว่า “The people of Asia were slaves, because they had not learned how to pronounce the word ‘no’.” ชนชาติเอเชียทั้งหมดเป็นทาส เพราะพวกเขาเรียนที่จะพูดคำว่า โน หรือ “กูไม่” ไม่เป็น
ผมเลยนึกถึงอาจารย์คึกฤทธิ์ “กูไม่กลัวมึง” ขึ้นมาอีกคน
แต่ผมกลัวครับ ช่วยด้วย!
ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้
พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และผู้ลี้ภัยการเมือง
ขณะที่กำลังเขียนนี้ ตำรวจมาล้อมบ้าน จุกหน้าจุกหลังเต็มไปหมดแล้ว เอ๊ะ ยังไง ไหนว่านัดกันไว้แล้ว คนนัดกับคนจับคนละหน่วยกันครับ
2-3 วันนี้ ผมก็ได้ส่งข่าวสารถึง ผบ.สตช.ตลอดว่าผมจะยื่นขอให้ศาลถอนหมายจับผมที่ผิดประมวล วิ.อาญา แล้วอ้างว่าผมหนี คุณสุนัย มโนมัยอุดม ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์และอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษแท้ๆ เคยถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าศาลชั้นต้นคล้ายจะมีธงยกคำร้องทุกราย ปล่อยให้ผู้เคราะห์ร้ายกับศาลอุทธรณ์ไปว่ากันเอาเอง ระหว่างนั้นผู้ร้องก็ระวังอย่าไปศาล จะถูกตำรวจจับในเวลาที่ประกันไม่ทัน คุกอย่างเดียว
นั่นคือความเสี่ยงในระบบยุติธรรม ทำไมจึงไม่เลือกเอาวิธีง่ายๆ ช่วยให้ตำรวจได้ผลงานหน่อย ไปมอบตัวแล้วประกันเสียจนลืม จะมิดีกว่าหรือ
ผมเองไม่ต้องการใช้อภิสิทธิ์อิทธิพลอะไร เรื่องที่ผมตกเป็นเหยื่อความไม่ถูกต้องนี้ ผมได้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี และ ผบ.สตช.ไปหลายครั้งแล้ว พร้อมพยานหลักฐานทุกอย่างที่ชัดแจ้งว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ก็มิเห็นผู้ใดตอบผมว่ากระไร คงปล่อยไปตามยถากรรม
ตำรวจจึงมาล้อมจับราวกับผมเป็นผู้ร้ายอุกฉกรรจ์เผาบ้านเผาเมือง หรือตำรวจโกรธ ที่ผมเขียนบทความลงแนวหน้าเรื่องรัฐตำรวจอังคารนี้พอดี
บทความบางตอนอยู่ข้างล่างนี้
“เวลาที่น้อยเต็มทีนี้ขออนุญาตไม่เขียนแต่แปลเรื่องที่สังคมไทยควรสังวร คือต้องช่วยกันป้องกันอย่าให้เมืองไทยต้องกลายเป็นรัฐตำรวจไปอีก เฉกเช่นยุคที่ได้สมญาว่ายุคทมิฬของพล.ต.อ.เผ่า ซึ่งเมืองไทยเกือบจะเป็นรัฐตำรวจอย่างสมบูรณ์แบบ และเราก็มีน้องๆ รัฐตำรวจต่อมาอีกหลายยุค อ่อนบ้างแก่บ้าง
คนที่คัดค้านว่าไม่จริงหรอก รัฐตำรวจใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ก็คือ JFK หรืออดีตประธานาธิบดี จอนห์ เอฟ. เคนเนดี ผู้ประชดว่า
A police state finds that it cannot command the grain to grow. “Kennedy, John F. แปลว่า รัฐตำรวจต้องประสบความจริงว่า เขาไม่สามารถบังคับต้นข้าวให้งอกได้”
ผู้พิพากษาศาลสูงที่โด่งดังมากกว่าเป็นแชมเปี้ยนแห่งเสรีภาพ และเป็นต้นตำรับ Judicial Activism หรือระบบยุติธรรมก้าวหน้า แนะนำว่า
“There are only two choices: A police state in which all dissent is suppressed or rigidly controlled; or a society where law is responsive to human needs. If society is to be responsive to human needs, a vast restructuring of our laws is essential.”
William Orville Douglas มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือรัฐตำรวจที่ผู้คัดค้านต้องถูกกดขี่และควบคุม หรืออีกทางหนึ่งคือสังคมที่มีกฎหมายสนับสนุนความต้องการของมนุษย์ หากสังคมจะกลายเป็นสังคมเช่นนั้นได้ เราจำเป็นจะต้องรื้อและสร้างโครงสร้างของกฎหมายเสียใหม่อย่างเป็นการใหญ่
อีกคนผมยังไม่รู้จัก กล่าวไว้ดังนี้ Unless we abandon elements which resemble a police state, we can't meet the demands of being a modern society. เว้นเสียแต่ว่าเราจะยอมทิ้งสิ่งซึ่งละม้ายคล้ายรัฐตำรวจ เราไม่สามารถจะตอบสนองความต้องการที่เราจะเป็นสังคมสมัยใหม่ได้
ท่านผู้อ่านที่เคารพ เพื่อให้ทันเส้นตาย 2 ทุ่ม ขอเสนอ quotation สำคัญที่ผู้เขียนอยากจะสื่อถึงพี่น้องชาวไทยทุกคน
“A society whose citizens refuse to see and investigate the facts, who refuse to believe that their government and their media will routinely lie to them and fabricate a reality contrary to verifiable facts, is a society that chooses and deserves the Police State Dictatorship it’s going to get.”
-- Ian Williams Goddard
“ในสังคมซึ่งประชาชนไม่ยอมมองและไม่ยอมตรวจสอบความจริง ไม่ยอมเชื่อว่ารัฐบาลและสื่อจะพากันโกหกเป็นประจำ และปั้นความเท็จขึ้นมาเป็นความจริงอันไม่สามารถตรวจสอบได้ นั่นคือสังคมที่เลือกและสมกับที่จะได้อยู่ภายใต้เผด็จการของรัฐตำรวจที่เขาจะต้องได้นั่นแหละ”
ผมเขียนหนังสือถึง ผบ.สตช. 2 ฉบับ ดังนี้
ฉบับที่ 1 ผมได้รับแจ้งจากทนายความว่า ตำรวจจะเข้าทำการจับกุมผมในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2554 นี้ในข้อหาเดิมตามสิ่งที่อ้างถึงที่แนบมา
ผมขอเรียนว่าใคร่ขอความร่วมมือจาก ผบ.สตช.ได้โปรดสั่งไปยังพนักงานสอบสวนผมว่าจะถอนหมายเรียก และข้อกล่าวหาผมอย่างใดหรือไม่ ถ้าไม่ถอนก็ขอได้โปรดดำเนินการส่งหมายให้ถูกต้องครบถ้วนตาม ป.วิ.อาญา ผมยินดีให้ความร่วมมือเสมอ ไม่จำเป็นจะต้องมาจับกุมควบคุมตัวผมให้ยุ่งยากและเสียงบประมาณแผ่นดิน
ผมขอเรียนว่าผมได้ขอให้ทนายความเจรจานัดกับเจ้าพนักงานแล้วในวันอังคาร เพราะเสาร์-อาทิตย์นี้หากผมเสียอิสรภาพก็จะเสียงานสำคัญ 3 ประการ คือ (1) การเขียนเอกสารสำคัญที่มีค่าที่สุด (2) การพบปะกับ Professor M. Mojibul Maula จาก Pennsylvania, USA. ซึ่งอาสามาช่วยงานผม 4 เดือน และ (3) การนัดหมายธุรกิจกับ Fred Krailert,ex-Marine และนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จาก Las Vegas ซึ่งจะมาทำสัญญาดูแลทรัพย์สินของมูลนิธิ Thai-US Sufficiency Education Foundation ที่ Cortland, NY ให้ผม
เพื่อตัดปัญหาผมจึงจะขอนัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบที่ศาลอาญาในวันดังกล่าว ซึ่งผมจะขอความกรุณาให้ศาลยกเลิกหมาย หากท่านยังมิได้ยกเลิกหมาย ขอให้ท่านโปรดสั่งการว่าจะยินยอมยกเลิกหรือคัดคานหรือไม่
เหตุผลที่ผมคิดว่า นรม.ในฐานะผู้ดูแล สตช.กับท่านในฐานะ ผบ.สตช.ควรจะเป็นผู้สั่งให้ยกเลิกหมาย มีดังต่อไปนี้
1. หมายนี้ไม่มีหมายเรียกที่ถูกต้องตามป.วิ.อาญา เพียงแต่ส่งไปทางไปรษณีย์และยังไม่ถึงมือผม ผมได้แนะนำแล้วว่าควรส่งอย่างไร
2. สนร.ได้มีหนังสือตอบว่ามิได้เป็นผู้กล่าวหาผมในเรื่องใดๆ
3. เรื่องกล่าวหาผมนั้นเป็นความเท็จเพราะผมไม่เคยไปดอนเมืองและไม่เคยไปกระทำผิดใดๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
4. ผมไปอภิปรายเพื่อประโยชน์ของประชาชนและทางราชการเพื่อมิให้เกิดความเสียหายและทุกครั้งผู้ที่ไปกับผมมีนายกษิต ภิรมย์ และบุคคลอื่นอีก 2 ท่าน การที่ตำรวจตั้งข้อหาผมโดยไม่ตั้งข้อหานายกษิตนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรม
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการงดเว้นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผมโดยไม่มีเหตุอันสมควรด้วย
ฉบับที่ 2 เช้าวันที่ 6 “ตามที่ผมได้จดหมายมาเรียนเมื่อเช้านี้ ความแจ้งอยู่แล้วนั้น บัดนี้ ผมได้รับแจ้งจากทนายความว่า รับทราบจากเจ้าพนักงานสอบสวนว่าตำรวจได้ไปทำการล้อมบ้าน หรือจุกอยู่ที่หน้าบ้านผมแล้ว ผมโทร.ไปสอบถามที่บ้านได้รับคำตอบว่าไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต เรื่องอย่างนี้ผมขอไม่ปรักปรำตำรวจ แต่อยากซ้อมความเข้าใจว่า ทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายผม ไม่ควรทำสงครามจิตวิทยาหรือตกเป็นเหยื่อสงครามจิตวิทยาด้วยกันทั้งคู่จะดีกว่า
ผมจึงขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผมจะไม่มีวันขัดขืนหมายเรียกที่ถูกต้องตามป.วิ.อาญาของตำรวจอย่างเด็ดขาด และผมจะไม่หนีหมายจับที่ออกโดยหมายเรียกที่ชอบเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นในวันพุธที่ 7 นี้ ผมจะไปศาลอาญาเพื่อให้ศาลเพิกถอนหมาย ถ้าศาลยกคำร้อง ผมจะอุทธรณ์ ถ้าศาลยกอีก เมื่อใดก็ตามในวันรุ่งขึ้นพอเปิดทำการ ผมจะไปให้ปากคำกับเจ้าพนักงานและศาลทันที และเตรียมการตามกระบวนพิจารณาทุกประการ ทั้งหมดนี้ ผมต้องการให้จบสิ้น 1 สัปดาห์ก่อนสิ้นเดือนนี้ เพราะผมจะต้อง (ขออนุมัติ) เดินทางไปอเมริกาเพื่อจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิ Thai-US Sufficiency Education Foundation ณ มหาวิทยาลัย SUNY Cortland ซึ่งนัดหมายล่วงหน้าไว้นานแล้ว”
แต่อนิจจา ผบ.สตช.ถูกเตะโด่งออกและขอลาพักร้อนไปแล้ว
ผมเคยแค้น วินสตัน เชอร์ชิลล์ ที่พูด radio address 10.16.1938 ดูถูกชาวไทยว่า “The people of Asia were slaves, because they had not learned how to pronounce the word ‘no’.” ชนชาติเอเชียทั้งหมดเป็นทาส เพราะพวกเขาเรียนที่จะพูดคำว่า โน หรือ “กูไม่” ไม่เป็น
ผมเลยนึกถึงอาจารย์คึกฤทธิ์ “กูไม่กลัวมึง” ขึ้นมาอีกคน
แต่ผมกลัวครับ ช่วยด้วย!