ทั้งๆ ที่ผมไม่เห็นด้วยบุคคลที่ประณามนายกรัฐมนตรีอย่างเผ็ดร้อนรุนแรง ด้วยถ้อยคำและข้อมูลบางอย่างที่ผมเห็นว่าไม่สมควร แต่ผมก็เชื่อปรัชญาเมธีวอลแตร์ Voltaire ว่า “I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it. ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าจะยอมสู้ตายเพื่อปกป้องเสรีภาพในการพูดของท่าน”
แต่นั่นมิใช่เหตุที่ผมกลับไปกระโดดขึ้นเวที เหตุที่บังคับให้ผมไปขึ้นเวที คือข่าวระยำซ้ำซ้อน 2 อย่าง คือ
1. รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระยำ 1
2. ข่าวว่าอาจจับพลตรีจำลองกับพวกฐานกระทำผิดพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระยำ 2
ผมเกรงว่าความชอบธรรมของรัฐบาลกำลังจะหมดไปเหลือศูนย์
และถ้าหากใช้กำลังสลายมัฆวานชนเมื่อใดก็จบ กลียุคยิ่งกว่ายุคใดๆ
ผมแน่ใจว่ารัฐบาลทำผิดหลักรัฐธรรมนูญอย่างไม่มีปัญหา
เหตุไฉนกับการชุมนุมของขบวนการสุนัขแดง ที่ผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายอาญา รัฐบาลจึงกลัวหัวหดใช้แต่ไม้นวมจนบ้านเมืองเสียหายย่อยยับ ตั้งแต่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนล่มที่พัทยา เรื่อยมาจนถึงการเผาผลาญราชประสงค์
เหตุไฉนรัฐบาลจึงหันมาใช้วิธีข่มขู่และไม้แข็งกับผู้ครองสถิติโลกในการชุมนุมประท้วงด้วยสันติอหิงสาและความเป็นผู้ดีถึง 193 วัน ผมเชื่อว่านั่นเป็นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่มีใครจะทำลายสถิติได้
ทำไมการชุมนุมประท้วงที่ทำลายประชาธิปไตยและบ้านเมืองกลับไม่รีบปราบ กลับจะมารีบปราบพลังที่เป็นประชาธิปไตย รักในหลวง ห่วงบ้านเมือง ระยำ
สรุปได้ว่าไอ้พวกนี้ ไม่มีประชาธิปไตยในกมลสันดาน เพราะเสือกหลงตนเองและหลงว่า ความมั่นคงของรัฐกับความมั่นคงของรัฐบาลเหมือนกัน
ความจริงความมั่นคงของรัฐกับความมั่นคงของรัฐบาลมันคนละเรื่องกัน และบางครั้งความมั่นคงของรัฐบาลกลับทำลายความมั่นคงของรัฐด้วยซ้ำไป อย่างฮิตเลอร์ไง มุสโสลินีไง มาร์กอสไง และล่าสุด มูบารัค ของอียิปต์ไง ไอ้พวกนี้ก็อ้างรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งทั้งนั้นแหละ จริงไหมวะ ขอโทษครับคำหลังนี้มิได้ถามท่านผู้อ่าน
การไปพูดบนเวทีมีเวลาน้อย ผมเลยต้องขอต่อในหัวข้อของบทความวันนี้ว่า
1. ความมั่นคงของรัฐต่างกับความมั่นคงของรัฐบาล : การใช้ตำรวจทหารปราบประชาชนคือการก่อการร้ายโดยรัฐ และ
2. การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผิดหลักรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตย และยิ่งถ้าหากรัฐบาลมีเจตนาแอบแฝงจะนำมาขู่ มาสลายหรือมาจับกุมพันธมิตรฯ กับกองทัพธรรมซึ่งมาชุมนุมและประท้วงอยู่ก่อนก็ยิ่งหนัก
ในเรื่องนี้อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาได้เขียนบทความชี้แจงไว้อย่างชัดแจ้งถูกถ้วนเรื่อง
การบังคับใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ เป็นการใช้ศาลเป็นเครื่องมือ เพื่อทำลายหลักประชาธิปไตย และละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติ โดยยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ 13 กุมภาพันธ์ 2554 18.26 น. http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000019401
ผมอยากจะเสริมว่า เป็นการใช้ตำรวจทหารเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายหลักประชาธิปไตยและละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติอีกด้วย ถ้าตำรวจทหารหลงว่าเป็นการทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาตามกฎหมายในกรณีที่ได้รับคำเตือนแล้วว่าคำสั่งของนักการเมืองและผู้บังคับบัญชาที่เป็นทาสการเมืองนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ระวังจะต้องพากันติดคุกหัวโตไปกับนายที่ชั่วๆ ดังข้อความที่นักกฎหมายทหารความแนวหน้าเขียนไว้อย่างเถียงไม่ได้เช่นเดียวกัน คือไพศาล พืชมงคล ในwww.paisalvision.com และhttp://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000250220118&sk=wall ว่า “พี่น้องตำรวจต้องไม่ลืมว่ากฎหมายความมั่นคง ไม่ได้มีหรือประกาศใช้เพื่อการจราจร สิ่งที่พวกท่านมันแสดงออกชัดว่าจงใจทำผิดกฎหมายครับ” และว่า “วงในบอกว่าป่วนแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่หลายท่านเห็นด้วยกับที่ผมท้วงติงว่าการประกาศกฎหมายความมั่นคงผิดกฎหมายหลายประการ ตั้งแต่การเสนอ ครม. ผู้เสนอ, ผู้มีอำนาจประกาศ ขั้นตอนในการประชุมทำแผน และขั้นตอนการประกาศ ว่าผิดกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ ท่านนายกฯ ควรรีบยกเลิกเสียจะดีกว่า” ทั้งท่านผู้พิพากษาและนักกฎหมายยังเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ผบ.สตช. และตำรวจทหารที่ไร้สมองจะพากันติดคุกหัวโต
3. ประชาชนชาวอียิปต์ประสบชัยชนะภายใน 18 วันที่ชุมนุมประท้วงและขับไล่ประธานาธิบดีที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ถึงแม้ มูบารัค จะต่อรองขออยู่อีกเพียง 6 เดือน (พอๆ กับแผนเลือกตั้ง 500 สมุนโจรและเหล่าขุนโจรคืนชีพ) ประชาชนก็ไม่เชื่อน้ำมนต์
นอกจากมีคนรุ่นเยาว์สตรีเพศนักวิชาการและนักธุรกิจระดับชาติและโลกเข้าร่วมเป็นคลื่นมนุษย์ผู้กล้าแล้ว ยังมีปัจจัยหลักอีกหลายอย่าง ผมจะขอยกมาเพียง 2 เพื่อเป็นตัวอย่างและความจรรโลงใจประเทศไทย คือ
3.1 ในสายตาชาวโลกและผู้นำโลก การชุมนุมในอียิปต์เป็นการประท้วงที่สงบสันติย่อมได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ของไทยเราสงบสันติและเรียบร้อยเป็นผู้ดีกว่าหลายเท่า หากรัฐบาลไม่ไปตอแหลหรือจ้างนักวิชาการและสื่อขายชาติไปบิดเบือนเหมือนทักษิณ ผู้นำโลกก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันดังนี้
“การ(จะ)โจมตีผู้ประท้วงโดยสันติด้วยกำลังนั้น ข้าพเจ้ารับไม่ได้ และจะขอประณามอย่างแรงที่สุด Any attack against peaceful demonstrators is unacceptable and I very strongly condemn it.” เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน
“การสลายผู้ชุมนุมโดยกำลังนั้น เยอรมนีรับไม่ได้ และประชาคมโลกก็เช่นเดียวกัน Putting down the protests by violence is not acceptable for Germany and the international community” รัฐบาลเยอรมนี
“ข้าพเจ้าขอพูดให้กระจ่างและเรียกร้องให้รัฐบาลอียิปต์หลีกเลี่ยงการใช้กำลังทุกรูปแบบกับผู้ชุมนุมประท้วงโดยสันติ”
ประชาชนอียิปต์มีสิทธิอันสากล ซึ่งรวมถึงสิทธิในการชุมนุมหรือเข้าร่วมกับองค์กรใดๆ เสรีภาพในการพูด และความสามารถที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง นี่คือสิทธิมนุษยชน สหรัฐอเมริกาจะยืนหยัดสนับสนุนสิทธิเสรีภาพดังกล่าวทุกหนทุกแห่ง
3.2 กองทัพอียิปต์ไม่เหมือนกองทัพไทย ผู้นำกองทัพไทยสงสัยว่าสยบอยู่ปลายเท้านักการเมือง กอดตำแหน่งและผลประโยชน์
กองทัพอียิปต์จะสอนกองทัพไทยขึ้นหรือไม่ว่า “บอกรัฐบาล ปรามตำรวจ และปฏิญาณกับประชาชนผู้กล้าหาญว่า กองทัพจะไม่มีวันใช้กำลังกับประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ของเรา The armed forces will not resort to use of force against our great people”
อีกตอนหนึ่งในแถลงการณ์ของกองทัพไทย ขอโทษ อียิปต์
“กองทัพของพี่น้อง ตระหนักดีถึงข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของท่าน และกระหายที่จะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน กองทัพขอยืนยันว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสันติของทุกๆ คนย่อมจะได้รับหลักประกันและการคุ้มครอง Your armed forces, who are aware of the legitimacy of your demands and are keen to assume their responsibility in protecting the nation and the citizens, affirms that freedom of expression through peaceful means is guaranteed to everybody.”
ผมจะไม่จบบทความนี้ด้วยคำว่า “ออกไป ออกไป ออกไป” เพราะผมเชื่อนายกฯ อภิสิทธิ์เต็มที่ว่า ความรับผิดชอบของนักการเมืองนั้นจะต้องสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ดังนั้น ผมจึงขอจบด้วยคำว่า
“ออกมา ออกมา ออกมา”
แต่นั่นมิใช่เหตุที่ผมกลับไปกระโดดขึ้นเวที เหตุที่บังคับให้ผมไปขึ้นเวที คือข่าวระยำซ้ำซ้อน 2 อย่าง คือ
1. รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระยำ 1
2. ข่าวว่าอาจจับพลตรีจำลองกับพวกฐานกระทำผิดพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระยำ 2
ผมเกรงว่าความชอบธรรมของรัฐบาลกำลังจะหมดไปเหลือศูนย์
และถ้าหากใช้กำลังสลายมัฆวานชนเมื่อใดก็จบ กลียุคยิ่งกว่ายุคใดๆ
ผมแน่ใจว่ารัฐบาลทำผิดหลักรัฐธรรมนูญอย่างไม่มีปัญหา
เหตุไฉนกับการชุมนุมของขบวนการสุนัขแดง ที่ผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายอาญา รัฐบาลจึงกลัวหัวหดใช้แต่ไม้นวมจนบ้านเมืองเสียหายย่อยยับ ตั้งแต่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนล่มที่พัทยา เรื่อยมาจนถึงการเผาผลาญราชประสงค์
เหตุไฉนรัฐบาลจึงหันมาใช้วิธีข่มขู่และไม้แข็งกับผู้ครองสถิติโลกในการชุมนุมประท้วงด้วยสันติอหิงสาและความเป็นผู้ดีถึง 193 วัน ผมเชื่อว่านั่นเป็นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่มีใครจะทำลายสถิติได้
ทำไมการชุมนุมประท้วงที่ทำลายประชาธิปไตยและบ้านเมืองกลับไม่รีบปราบ กลับจะมารีบปราบพลังที่เป็นประชาธิปไตย รักในหลวง ห่วงบ้านเมือง ระยำ
สรุปได้ว่าไอ้พวกนี้ ไม่มีประชาธิปไตยในกมลสันดาน เพราะเสือกหลงตนเองและหลงว่า ความมั่นคงของรัฐกับความมั่นคงของรัฐบาลเหมือนกัน
ความจริงความมั่นคงของรัฐกับความมั่นคงของรัฐบาลมันคนละเรื่องกัน และบางครั้งความมั่นคงของรัฐบาลกลับทำลายความมั่นคงของรัฐด้วยซ้ำไป อย่างฮิตเลอร์ไง มุสโสลินีไง มาร์กอสไง และล่าสุด มูบารัค ของอียิปต์ไง ไอ้พวกนี้ก็อ้างรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งทั้งนั้นแหละ จริงไหมวะ ขอโทษครับคำหลังนี้มิได้ถามท่านผู้อ่าน
การไปพูดบนเวทีมีเวลาน้อย ผมเลยต้องขอต่อในหัวข้อของบทความวันนี้ว่า
1. ความมั่นคงของรัฐต่างกับความมั่นคงของรัฐบาล : การใช้ตำรวจทหารปราบประชาชนคือการก่อการร้ายโดยรัฐ และ
2. การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผิดหลักรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตย และยิ่งถ้าหากรัฐบาลมีเจตนาแอบแฝงจะนำมาขู่ มาสลายหรือมาจับกุมพันธมิตรฯ กับกองทัพธรรมซึ่งมาชุมนุมและประท้วงอยู่ก่อนก็ยิ่งหนัก
ในเรื่องนี้อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาได้เขียนบทความชี้แจงไว้อย่างชัดแจ้งถูกถ้วนเรื่อง
การบังคับใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ เป็นการใช้ศาลเป็นเครื่องมือ เพื่อทำลายหลักประชาธิปไตย และละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติ โดยยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ 13 กุมภาพันธ์ 2554 18.26 น. http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000019401
ผมอยากจะเสริมว่า เป็นการใช้ตำรวจทหารเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายหลักประชาธิปไตยและละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติอีกด้วย ถ้าตำรวจทหารหลงว่าเป็นการทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาตามกฎหมายในกรณีที่ได้รับคำเตือนแล้วว่าคำสั่งของนักการเมืองและผู้บังคับบัญชาที่เป็นทาสการเมืองนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ระวังจะต้องพากันติดคุกหัวโตไปกับนายที่ชั่วๆ ดังข้อความที่นักกฎหมายทหารความแนวหน้าเขียนไว้อย่างเถียงไม่ได้เช่นเดียวกัน คือไพศาล พืชมงคล ในwww.paisalvision.com และhttp://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000250220118&sk=wall ว่า “พี่น้องตำรวจต้องไม่ลืมว่ากฎหมายความมั่นคง ไม่ได้มีหรือประกาศใช้เพื่อการจราจร สิ่งที่พวกท่านมันแสดงออกชัดว่าจงใจทำผิดกฎหมายครับ” และว่า “วงในบอกว่าป่วนแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่หลายท่านเห็นด้วยกับที่ผมท้วงติงว่าการประกาศกฎหมายความมั่นคงผิดกฎหมายหลายประการ ตั้งแต่การเสนอ ครม. ผู้เสนอ, ผู้มีอำนาจประกาศ ขั้นตอนในการประชุมทำแผน และขั้นตอนการประกาศ ว่าผิดกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ ท่านนายกฯ ควรรีบยกเลิกเสียจะดีกว่า” ทั้งท่านผู้พิพากษาและนักกฎหมายยังเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ผบ.สตช. และตำรวจทหารที่ไร้สมองจะพากันติดคุกหัวโต
3. ประชาชนชาวอียิปต์ประสบชัยชนะภายใน 18 วันที่ชุมนุมประท้วงและขับไล่ประธานาธิบดีที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ถึงแม้ มูบารัค จะต่อรองขออยู่อีกเพียง 6 เดือน (พอๆ กับแผนเลือกตั้ง 500 สมุนโจรและเหล่าขุนโจรคืนชีพ) ประชาชนก็ไม่เชื่อน้ำมนต์
นอกจากมีคนรุ่นเยาว์สตรีเพศนักวิชาการและนักธุรกิจระดับชาติและโลกเข้าร่วมเป็นคลื่นมนุษย์ผู้กล้าแล้ว ยังมีปัจจัยหลักอีกหลายอย่าง ผมจะขอยกมาเพียง 2 เพื่อเป็นตัวอย่างและความจรรโลงใจประเทศไทย คือ
3.1 ในสายตาชาวโลกและผู้นำโลก การชุมนุมในอียิปต์เป็นการประท้วงที่สงบสันติย่อมได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ของไทยเราสงบสันติและเรียบร้อยเป็นผู้ดีกว่าหลายเท่า หากรัฐบาลไม่ไปตอแหลหรือจ้างนักวิชาการและสื่อขายชาติไปบิดเบือนเหมือนทักษิณ ผู้นำโลกก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันดังนี้
“การ(จะ)โจมตีผู้ประท้วงโดยสันติด้วยกำลังนั้น ข้าพเจ้ารับไม่ได้ และจะขอประณามอย่างแรงที่สุด Any attack against peaceful demonstrators is unacceptable and I very strongly condemn it.” เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน
“การสลายผู้ชุมนุมโดยกำลังนั้น เยอรมนีรับไม่ได้ และประชาคมโลกก็เช่นเดียวกัน Putting down the protests by violence is not acceptable for Germany and the international community” รัฐบาลเยอรมนี
“ข้าพเจ้าขอพูดให้กระจ่างและเรียกร้องให้รัฐบาลอียิปต์หลีกเลี่ยงการใช้กำลังทุกรูปแบบกับผู้ชุมนุมประท้วงโดยสันติ”
ประชาชนอียิปต์มีสิทธิอันสากล ซึ่งรวมถึงสิทธิในการชุมนุมหรือเข้าร่วมกับองค์กรใดๆ เสรีภาพในการพูด และความสามารถที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง นี่คือสิทธิมนุษยชน สหรัฐอเมริกาจะยืนหยัดสนับสนุนสิทธิเสรีภาพดังกล่าวทุกหนทุกแห่ง
3.2 กองทัพอียิปต์ไม่เหมือนกองทัพไทย ผู้นำกองทัพไทยสงสัยว่าสยบอยู่ปลายเท้านักการเมือง กอดตำแหน่งและผลประโยชน์
กองทัพอียิปต์จะสอนกองทัพไทยขึ้นหรือไม่ว่า “บอกรัฐบาล ปรามตำรวจ และปฏิญาณกับประชาชนผู้กล้าหาญว่า กองทัพจะไม่มีวันใช้กำลังกับประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ของเรา The armed forces will not resort to use of force against our great people”
อีกตอนหนึ่งในแถลงการณ์ของกองทัพไทย ขอโทษ อียิปต์
“กองทัพของพี่น้อง ตระหนักดีถึงข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของท่าน และกระหายที่จะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน กองทัพขอยืนยันว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสันติของทุกๆ คนย่อมจะได้รับหลักประกันและการคุ้มครอง Your armed forces, who are aware of the legitimacy of your demands and are keen to assume their responsibility in protecting the nation and the citizens, affirms that freedom of expression through peaceful means is guaranteed to everybody.”
ผมจะไม่จบบทความนี้ด้วยคำว่า “ออกไป ออกไป ออกไป” เพราะผมเชื่อนายกฯ อภิสิทธิ์เต็มที่ว่า ความรับผิดชอบของนักการเมืองนั้นจะต้องสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ดังนั้น ผมจึงขอจบด้วยคำว่า
“ออกมา ออกมา ออกมา”