เอเอฟพี / รอยเตอร์ - กองทัพอียิปต์ออกมาแสดงจุดยืนของตนต่อสถานการณ์บ้านเมืองอันร้อนระอุซึ่งดำเนินยึดเยื้อนาน 3 สัปดาห์ เมื่อวานนี้ (11) โดยประกาศจะให้การหนุนหลังประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็พยายามทำให้กลุ่มผู้ประท้วงอุ่นใจและลดความเดือดดาลลง ด้วยการการันตีว่า มูบารัคจะทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะปฏิรูประบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ท่าทีของฝ่ายทหารคราวนี้ได้จุดชนวนความโกรธแค้นให้กับกลุ่มผู้ประท้วงมากขึ้นไปอีก หลังจากก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน มูบารัค เพิ่งออกมาแถลงยืนกรานว่าเขาจะไม่ลงจากเก้าอี้จนกว่าจะอยู่ครบวาระ
กองบัญชาการทหารสูงสุดของอียิปต์นำโดยรัฐมนตรีกลาโหม ฮุสเซน ตันตาวี ได้ประชุมหารือเพื่อกำหนดจุดยืนของตนเมื่อวานนี้ (11) และได้ออกแถลงการณ์สำคัญซึ่งเรียกว่า “แถลงการณ์หมายเลข 2” ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ทางการ โดยระบุว่า ทางกองทัพพร้อมให้การรับรองกับประชาชนว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้จะเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและยุติธรรมภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับซึ่งมีการปรับปรุงแก้ไขใหม่แล้ว พร้อมกันนี้ยังระบุว่า กองทัพจะให้การสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปประเทศของมูบารัคอย่างเต็มที่ คำแถลงดังกล่าวนับเป็นการแสดงท่าทีเลือกฝ่ายอย่างชัดเจนครั้งแรกของฝ่ายทหารต่อกรณีการประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัค หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบดำเนินยืดเยื้อมาเป็นวันที่ 18
นอกจากนี้ในแถลงการณ์ของกองทัพอียิปต์ฉบับนี้ยังเรียกร้องกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งส่วนใหญ่ยังคงปักหลักชุมนุมกัน ณ บริเวณจัตุรัสตอหรีร์และอาคารรัฐสภาในกรุงไคโร ให้รีบกลับบ้านและกลับเข้าทำงานตามปกติ ตลอดจนประกาศด้วยว่า ทางกองทัพได้พิจารณาเห็นชอบที่จะยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งบังคับใช้มายาวนานนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีคนก่อนหน้ามูบารัคในปี 1981 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการยกเลิกกฎดังกล่าวก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ว่าจะจบสิ้นลงแล้วหรือไม่
กองทัพระบุว่า พวกเขามีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องข้อเรียกร้องต่างๆ ของประชาชนอันสอดคล้องตามครรลองของกฎหมาย และจะช่วยให้พวกเขาบรรลุตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีอย่างสันติวิธีและก่อให้เกิดสังคมตามระบอบประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพอย่างแท้จริง
ในแถลงการณ์ฉบับนี้ยังเน้นย้ำด้วยว่า ทหารจะไม่จับกุมผู้ที่ประท้วงเรียกร้องให้มีการปฏิรูป ทว่าก็เตือนด้วยว่าจะใช้กำลังเข้าปราบปรามหากพวกเขากระทำการอัน “เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติ”
ภายหลังแถลงการณ์ดังกล่าวมีออกมา ปรากฏว่า ได้ก่อให้เกิดกระแสความเดือดดาลในหมู่ผู้ประท้วงยิ่งขึ้นไปอีก จากที่โกรธแค้นอยู่ก่อนแล้วเมื่อมูบารัคได้ออกมาแถลงในวันพฤหัสบดี (10) ยืนกรานว่า ถึงอย่างไรเสีย เขาก็จะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งกลางคันก่อนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้การแสดงท่าทีของทหารดังกล่าวยังสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้ประท้วงเหล่านี้อีกด้วย เนื่องจากพวกเขาคาดหวังว่าฝ่ายทหารน่าจะทำอะไรเพื่อการปฏิรูปบ้านเมืองให้มากกว่านี้
ทั้งนี้มีรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงหลายหมื่นคน ได้ออกมาเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัคอย่างกราดเกรี้ยว ตามท้องถนนในกรุงไคโรเมื่อวานนี้ (11) และคาดหมายกันว่าจะมีกลุ่มผู้ประท้วงตามมาสมทบเพิ่มขึ้นเป็นหลายแสนคน หรืออาจถึงหลายล้านคนในช่วงเย็น (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากที่พวกเขาประกอบพิธีละหมาดเสร็จแล้ว ขณะที่ทางด้านทหารก็เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายหนัก
อนึ่ง เอเอฟพี รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลระบุว่า ขณะนี้ประธานาธิบดีมูบารัค พร้อมด้วยครอบครัวของเขาได้เดินทางออกจากกรุงไคโรแล้ว ทว่าแหล่งข่าวปฏิเสธไม่เปิดเผยว่า พวกเขาได้เดินทางออกนอกประเทศหรือไม่.
กองบัญชาการทหารสูงสุดของอียิปต์นำโดยรัฐมนตรีกลาโหม ฮุสเซน ตันตาวี ได้ประชุมหารือเพื่อกำหนดจุดยืนของตนเมื่อวานนี้ (11) และได้ออกแถลงการณ์สำคัญซึ่งเรียกว่า “แถลงการณ์หมายเลข 2” ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ทางการ โดยระบุว่า ทางกองทัพพร้อมให้การรับรองกับประชาชนว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้จะเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและยุติธรรมภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับซึ่งมีการปรับปรุงแก้ไขใหม่แล้ว พร้อมกันนี้ยังระบุว่า กองทัพจะให้การสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปประเทศของมูบารัคอย่างเต็มที่ คำแถลงดังกล่าวนับเป็นการแสดงท่าทีเลือกฝ่ายอย่างชัดเจนครั้งแรกของฝ่ายทหารต่อกรณีการประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัค หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบดำเนินยืดเยื้อมาเป็นวันที่ 18
นอกจากนี้ในแถลงการณ์ของกองทัพอียิปต์ฉบับนี้ยังเรียกร้องกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งส่วนใหญ่ยังคงปักหลักชุมนุมกัน ณ บริเวณจัตุรัสตอหรีร์และอาคารรัฐสภาในกรุงไคโร ให้รีบกลับบ้านและกลับเข้าทำงานตามปกติ ตลอดจนประกาศด้วยว่า ทางกองทัพได้พิจารณาเห็นชอบที่จะยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งบังคับใช้มายาวนานนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีคนก่อนหน้ามูบารัคในปี 1981 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการยกเลิกกฎดังกล่าวก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ว่าจะจบสิ้นลงแล้วหรือไม่
กองทัพระบุว่า พวกเขามีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องข้อเรียกร้องต่างๆ ของประชาชนอันสอดคล้องตามครรลองของกฎหมาย และจะช่วยให้พวกเขาบรรลุตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีอย่างสันติวิธีและก่อให้เกิดสังคมตามระบอบประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพอย่างแท้จริง
ในแถลงการณ์ฉบับนี้ยังเน้นย้ำด้วยว่า ทหารจะไม่จับกุมผู้ที่ประท้วงเรียกร้องให้มีการปฏิรูป ทว่าก็เตือนด้วยว่าจะใช้กำลังเข้าปราบปรามหากพวกเขากระทำการอัน “เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติ”
ภายหลังแถลงการณ์ดังกล่าวมีออกมา ปรากฏว่า ได้ก่อให้เกิดกระแสความเดือดดาลในหมู่ผู้ประท้วงยิ่งขึ้นไปอีก จากที่โกรธแค้นอยู่ก่อนแล้วเมื่อมูบารัคได้ออกมาแถลงในวันพฤหัสบดี (10) ยืนกรานว่า ถึงอย่างไรเสีย เขาก็จะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งกลางคันก่อนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้การแสดงท่าทีของทหารดังกล่าวยังสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้ประท้วงเหล่านี้อีกด้วย เนื่องจากพวกเขาคาดหวังว่าฝ่ายทหารน่าจะทำอะไรเพื่อการปฏิรูปบ้านเมืองให้มากกว่านี้
ทั้งนี้มีรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงหลายหมื่นคน ได้ออกมาเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัคอย่างกราดเกรี้ยว ตามท้องถนนในกรุงไคโรเมื่อวานนี้ (11) และคาดหมายกันว่าจะมีกลุ่มผู้ประท้วงตามมาสมทบเพิ่มขึ้นเป็นหลายแสนคน หรืออาจถึงหลายล้านคนในช่วงเย็น (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากที่พวกเขาประกอบพิธีละหมาดเสร็จแล้ว ขณะที่ทางด้านทหารก็เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายหนัก
อนึ่ง เอเอฟพี รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลระบุว่า ขณะนี้ประธานาธิบดีมูบารัค พร้อมด้วยครอบครัวของเขาได้เดินทางออกจากกรุงไคโรแล้ว ทว่าแหล่งข่าวปฏิเสธไม่เปิดเผยว่า พวกเขาได้เดินทางออกนอกประเทศหรือไม่.