นายขวัญชัย ณัฏฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด(มหาชน) หรือ COLOR กล่าวถึง ทิศทางของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกในช่วงที่เหลือของ 54 ว่าความต้องการใช้พลาสติกยังมีทิศทางที่จะเติบโตได้อีกและกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้การเติบโตของบริษัทมีเสถียรภาพตามไปด้วย โดยลูกค้าหลักของบริษัท ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจหีบห่อและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพจากสาเหตุดังกล่าวจึงทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมาก
" เทรนด์ของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกถือว่ายังมีอนาคตที่ดี มีการพัฒนาทั้งคุณสมบัติ รูปแบบการใช้งาน เห็นได้จากความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ความต้องการเหล่านี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด "
ทั้งนี้ COLOR เชื่อมั่นว่ารายได้ในปีนี้จะสามารถเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30% จากปี 53 ที่ทำได้ 566.43 ล้านบาท และคาดว่าทำกำไรปี 54 น่าจะดีกว่าปี 53 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.34 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการภายในองค์กรโดยพยายามลดต้นทุนในการผลิต และจัดหาเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยี่ทันสมัยมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกปีนี้เป็น 25-30% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนส่งออก 20-25%
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 54 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.09 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.88 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 755.85 % เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปี 54 เติบโตอย่างชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท มีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น
" เทรนด์ของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกถือว่ายังมีอนาคตที่ดี มีการพัฒนาทั้งคุณสมบัติ รูปแบบการใช้งาน เห็นได้จากความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ความต้องการเหล่านี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด "
ทั้งนี้ COLOR เชื่อมั่นว่ารายได้ในปีนี้จะสามารถเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30% จากปี 53 ที่ทำได้ 566.43 ล้านบาท และคาดว่าทำกำไรปี 54 น่าจะดีกว่าปี 53 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.34 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการภายในองค์กรโดยพยายามลดต้นทุนในการผลิต และจัดหาเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยี่ทันสมัยมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกปีนี้เป็น 25-30% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนส่งออก 20-25%
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 54 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.09 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.88 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 755.85 % เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปี 54 เติบโตอย่างชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท มีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น