รัฐบาลพันธุ์ผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำหลัก เริ่มเดินหน้านับหนึ่งทำงานให้เห็นกันไปแล้ว บทบาทในช่วงต้นได้เห็นการวาดลวดลายของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เป็นเพียงส่วนประกอบ แทบไม่มีบทบาทให้พูดถึง อาจจะเพราะจำนวนเสียงส.ส.เพียงน้อยนิด ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานแบบเงียบๆ เชียบๆ
นโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่เห็นทันทีทันควันคือการลดราคาน้ำมันตามที่ป่าวประกาศไว้ช่วงหาเสียง เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วบ้านทั่วเมือง เสียงตอบรับส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวก อย่างน้อยๆ ก็เห็นผลทันที ชาวบ้านร้านตลาดสัมผัสกันได้เต็มๆ
แต่ก็ต้องจับตาดูว่า เมื่อแจกโปรโมชั่นจัดหนักให้ประชาชนแล้ว จะส่งผลกระแทกกระเทือนมาถึงรัฐบาลเองหรือไม่ เรื่องการหาเงินอุดหนุนกองทุนน้ำมัน เป็นโจทย์ต่อไปที่รัฐบาลต้องนำมาขบคิดบริหารจัดการ
สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์สาหัสในช่วงตั้งไข่ของรัฐบาลคือการตั้งครม. เรื่อยมาจนถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่งต่างๆ ที่ปรากฏรายชื่อของแกนนำคนเสื้อแดง เข้ามายึดหัวหาดกันบานตะไทไร้ความเกรงใจ ทั้งตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา เลขานุการรัฐมนตรี
ต้องจับตาดูกลไกความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ท้าทาย หมิ่นเหม่มาตลอด เมื่อถูกนำเข้าสู่ระบบอำนาจแล้ว ทิศทางการเดินจะเปลี่ยนไปอย่างไร หลายฝ่ายยังหวาดระแวงว่าจะมีการนำอำนาจไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่
“ไม่มาแก้แค้น แต่จะมาแก้ไข” วรรคทองของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ที่เน้นย้ำเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงหาเสียง มาวันนี้หลายคนชักเริ่มตั้งคำถามว่า ยังจะเป็นตามที่ลั่นคำไว้หรือไม่
เพราะไม่ทันไรคู่ขัดแย้งหลักเช่นคนเสื้อแดง ก็เข้ามาเต็มพรืดในรัฐบาล จะใช้อำนาจล้างแค้นฝ่ายตรงข้ามหรือไม่
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นชนวนขัดแย้งตลอดมาก็ถูกบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน จะมีการนับหนึ่งแก้ไขกันภายใน 1 ปี ไม่รู้ว่าจะมีกระบวนการต่อต้าน จนถึงขั้นก่อม็อบรอบใหม่ ประเทศวุ่นวายอีกหรือไม่
และที่เห็นสัญญาณชัดๆ กันแล้วคือมาตรการล้างบางข้าราชการ ล้างบางมือไม้ขั้วอำนาจเก่า แม้จะเป็นปกติธรรมดาไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็จะมีการปรับเปลี่ยนข้าราชการ เพื่อวางคนของตัวเองเข้าไปแทนที่ฝ่ายตรงข้ามที่วางขุมกำลังไว้เดิม แต่สัญญาณที่เกิดขึ้น คือ
NO MERCY “ทำเร็ว ทำใหญ่ แข็งกร้าว รุนแรง”
การเข้ามาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประจวบเหมาะพอดิบพอดีกับฤดูกาลโยกย้ายข้าราชการ จึงคิดถือโอกาสโยกย้ายล็อตใหญ่ในคราวเดียว ตำแหน่งสำคัญๆ ที่เกี่ยวพันกับความมั่นคง เกี่ยวเนื่องกับเรื่องลับๆ หรือการประชุมครม.ของรัฐบาล เช่นเลขาธิการครม. เลขาธิการสมช. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งชัดเจนว่าเป็นเครือข่ายอำนาจเก่า ถูกเด้งแน่นอน จะช้าเร็วเท่านั้น
ตำแหน่งสำคัญเลยที่จำเป็นต้องเปลี่ยนคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี นั่งอยู่ โดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนแต่งตั้งเข้ามา พรรคเพื่อไทยมีเจตนาอันแรงกล้า ชัดแจ้งจะให้พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. พี่ชายคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนก่อนเกษียณอายุราชการในปี2555
แต่นับเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะเตะโด่งให้พล.ต.อ.วิเชียรให้พ้นทางไปดื้อๆ โดยไม่มีเหตุผล ไม่มีความผิดอันสมควร เพราะที่ผ่านมาพล.ต.อ.วิเชียรถือว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่ความบกพร่อง เสียหายอย่างร้ายแรง ถึงขั้นที่จะเตะโด่งไปไหนก็ได้ เลยต้องสุมหัวกับ “เสี่ยอ่าง” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ให้เปิดประเด็นบ่อนการพนันเมืองกรุงเอาคลิปบ่อนย่านรัชดาฯมาแฉกลางสภาฯ ส่งลูกเข้าทางตีนเต็มๆ
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งถูกวางให้กำกับดูแลสตช. พรรคเพื่อไทยต้องการใช้บทบาทขึงขัง ดุดัน มาล้างบางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เครือข่าย สุเทพ เทือกสุบรรณ และ เนวิน ชิดชอบ วางไว้ตั้งแต่ผบ.ตร.ยันผู้กำกับ ชนิดเทกระจาด
เมื่อสบโอกาสก็จัดการบีบนวดจนน่วม พร้อมให้สัมภาษณ์ไล่เช้าไล่เย็น กดดันทั้งหน้าฉากและหลังฉาก แต่ขณะเดียวกันก็โยนลูกไปมาระหว่าง “เฉลิม-ยิ่งลักษณ์” ว่าใครจะเป็นคนลงดาบจัดการ แล้วในที่สุด “ยิ่งลักษณ์” ก็ประกาศมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้ฟันคอพล.ต.อ.วิเชียร
โดดเด่น ไฮพาวเวอร์-อำนาจล้นมือ เตรียมรุกไล่ฟันสตช.ให้กระเจิดกระเจิง สั่งการโผงผางขึงขังทันที จัดการบ่อน ผับบาร์ ตู้ม้า ยาเสพติด จะปล่อยให้มีไม่ได้ในรัฐบาลชุดนี้
อำนาจเริ่มตึงมือ เสือหลับกลับมาคำรามฟาดกงเล็บอีกครั้ง “เฉลิม อยู่บำรุง” จากที่เคยหลุดไปวงนอก วันนี้ได้โอกาสกลับเข้าคลุกวงใน อ่านทิศทางลมการเมืองแล้ว ไม่ปล่อยโอกาสทองนี้หลุดลอยไปแน่
“ยิ่งลักษณ์” ยังมือใหม่ทางการเมือง ประสบการณ์ยังน้อยนิด ทำอะไรในช่วงต้นดูระแวดระวังระคนหวาดกลัว การให้สัมภาษณ์เรื่องใดๆ ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เป็นประเด็น ไม่มีเอฟเฟกต์ หลายๆ ครั้งพยายามออกตัวโยนให้รองนายกฯ และ รัฐมนตรีคนอื่นๆ จัดการ
คนที่ถูก“ยิ่งลักษณ์” มอบหมายให้จัดการเรื่องต่างๆ มากที่สุด คือ ร.ต.อ.เฉลิม การแถลงนโยบายของรัฐบาล “เฉลิม” รับบทพระเอกชี้แจงเป็นต่อยหอย พร้อมตอบโต้ฝ่ายค้านอย่างถึงพริกถึงขิง ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” เพียงอ่านรายงานและกล่าวขอบคุณ การตอบกระทู้ก็เริ่มเห็นลางๆ ว่า ผู้รับบทบาทหนักหนีไม่พ้นต้องเป็น “เฉลิม”
หลายสิ่งหลายอย่างดูเหมือน“ยิ่งลักษณ์”จะมอบให้“เฉลิม”จัดการ ด้วยเพราะความเชื่อฝีมือ เชื่อประสบการณ์ ตรงนี้เองได้สร้างพลัง สร้างอีโก้ให้ร.ต.อ.เฉลิมขึ้นทุกวันๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร.ต.อ.เฉลิมก็จะกลายเป็น “ผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี”
ด้วยสภาพความจำเป็นทางการเมือง ที่ยิ่งลักษณ์ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ไร้ภาพความเฉียบขาด ต้องมีใครคนหนึ่งเข้ามาแบ่งเบาภาระหน้าที่ตรงนี้ คนที่มีลำหักลำโค่นมากที่สุดชั่วโมงนี้คือร.ต.อ.เฉลิม
คนที่ไว้ใจวางใจได้หลายคนเช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ยังไม่มีฝีไม้ลายมือเท่า การมอบอำนาจ บทบาทให้ “เฉลิม” โดดเด่น เทียบเท่าจนบางครั้งดูเหนือกว่านายกรัฐมนตรี
บางทีอาจเป็น “ดาบสองคม”
ที่ผ่านมาพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายใหญ่ตลอดกาลใช่ว่าจะไว้วางใจ“เฉลิม”เสียเมื่อไหร่ แต่จำต้องเลี้ยงไว้ใช้งาน ด้วยเพราะมีฝีมือฉากฉกรรจ์ เปรียบเหมือนขุนศึกผู้ทรนงในตำนานสามก๊กนาม “ลิโป้”
การใดๆ ที่มุ่งหมายวางไว้ อาจต้องเสียขบวนไปด้วยเพราะความไม่รอบคอบ ชั่งใจ ใครจะรู้ว่าเมื่อวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม มีอำนาจบาตรใหญ่คับประเทศแล้ว จะคิดทำตามที่สิ่งที่เคยตอกย้ำเสมอว่า
จะพาพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน จะนิรโทษกรรมให้นายใหญ่ เพราะหากพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแล้ว ตัวเองก็จะกลายเป็นเพียงลิ่วล้อประกอบฉาก ดาวฤกษ์ที่เคยโดดเด่นต้องกลับกลายเป็นดาวเคราะห์ไปทันที
นโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่เห็นทันทีทันควันคือการลดราคาน้ำมันตามที่ป่าวประกาศไว้ช่วงหาเสียง เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วบ้านทั่วเมือง เสียงตอบรับส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวก อย่างน้อยๆ ก็เห็นผลทันที ชาวบ้านร้านตลาดสัมผัสกันได้เต็มๆ
แต่ก็ต้องจับตาดูว่า เมื่อแจกโปรโมชั่นจัดหนักให้ประชาชนแล้ว จะส่งผลกระแทกกระเทือนมาถึงรัฐบาลเองหรือไม่ เรื่องการหาเงินอุดหนุนกองทุนน้ำมัน เป็นโจทย์ต่อไปที่รัฐบาลต้องนำมาขบคิดบริหารจัดการ
สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์สาหัสในช่วงตั้งไข่ของรัฐบาลคือการตั้งครม. เรื่อยมาจนถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่งต่างๆ ที่ปรากฏรายชื่อของแกนนำคนเสื้อแดง เข้ามายึดหัวหาดกันบานตะไทไร้ความเกรงใจ ทั้งตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา เลขานุการรัฐมนตรี
ต้องจับตาดูกลไกความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ท้าทาย หมิ่นเหม่มาตลอด เมื่อถูกนำเข้าสู่ระบบอำนาจแล้ว ทิศทางการเดินจะเปลี่ยนไปอย่างไร หลายฝ่ายยังหวาดระแวงว่าจะมีการนำอำนาจไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่
“ไม่มาแก้แค้น แต่จะมาแก้ไข” วรรคทองของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ที่เน้นย้ำเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงหาเสียง มาวันนี้หลายคนชักเริ่มตั้งคำถามว่า ยังจะเป็นตามที่ลั่นคำไว้หรือไม่
เพราะไม่ทันไรคู่ขัดแย้งหลักเช่นคนเสื้อแดง ก็เข้ามาเต็มพรืดในรัฐบาล จะใช้อำนาจล้างแค้นฝ่ายตรงข้ามหรือไม่
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นชนวนขัดแย้งตลอดมาก็ถูกบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน จะมีการนับหนึ่งแก้ไขกันภายใน 1 ปี ไม่รู้ว่าจะมีกระบวนการต่อต้าน จนถึงขั้นก่อม็อบรอบใหม่ ประเทศวุ่นวายอีกหรือไม่
และที่เห็นสัญญาณชัดๆ กันแล้วคือมาตรการล้างบางข้าราชการ ล้างบางมือไม้ขั้วอำนาจเก่า แม้จะเป็นปกติธรรมดาไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็จะมีการปรับเปลี่ยนข้าราชการ เพื่อวางคนของตัวเองเข้าไปแทนที่ฝ่ายตรงข้ามที่วางขุมกำลังไว้เดิม แต่สัญญาณที่เกิดขึ้น คือ
NO MERCY “ทำเร็ว ทำใหญ่ แข็งกร้าว รุนแรง”
การเข้ามาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประจวบเหมาะพอดิบพอดีกับฤดูกาลโยกย้ายข้าราชการ จึงคิดถือโอกาสโยกย้ายล็อตใหญ่ในคราวเดียว ตำแหน่งสำคัญๆ ที่เกี่ยวพันกับความมั่นคง เกี่ยวเนื่องกับเรื่องลับๆ หรือการประชุมครม.ของรัฐบาล เช่นเลขาธิการครม. เลขาธิการสมช. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งชัดเจนว่าเป็นเครือข่ายอำนาจเก่า ถูกเด้งแน่นอน จะช้าเร็วเท่านั้น
ตำแหน่งสำคัญเลยที่จำเป็นต้องเปลี่ยนคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี นั่งอยู่ โดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนแต่งตั้งเข้ามา พรรคเพื่อไทยมีเจตนาอันแรงกล้า ชัดแจ้งจะให้พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. พี่ชายคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนก่อนเกษียณอายุราชการในปี2555
แต่นับเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะเตะโด่งให้พล.ต.อ.วิเชียรให้พ้นทางไปดื้อๆ โดยไม่มีเหตุผล ไม่มีความผิดอันสมควร เพราะที่ผ่านมาพล.ต.อ.วิเชียรถือว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่ความบกพร่อง เสียหายอย่างร้ายแรง ถึงขั้นที่จะเตะโด่งไปไหนก็ได้ เลยต้องสุมหัวกับ “เสี่ยอ่าง” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ให้เปิดประเด็นบ่อนการพนันเมืองกรุงเอาคลิปบ่อนย่านรัชดาฯมาแฉกลางสภาฯ ส่งลูกเข้าทางตีนเต็มๆ
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งถูกวางให้กำกับดูแลสตช. พรรคเพื่อไทยต้องการใช้บทบาทขึงขัง ดุดัน มาล้างบางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เครือข่าย สุเทพ เทือกสุบรรณ และ เนวิน ชิดชอบ วางไว้ตั้งแต่ผบ.ตร.ยันผู้กำกับ ชนิดเทกระจาด
เมื่อสบโอกาสก็จัดการบีบนวดจนน่วม พร้อมให้สัมภาษณ์ไล่เช้าไล่เย็น กดดันทั้งหน้าฉากและหลังฉาก แต่ขณะเดียวกันก็โยนลูกไปมาระหว่าง “เฉลิม-ยิ่งลักษณ์” ว่าใครจะเป็นคนลงดาบจัดการ แล้วในที่สุด “ยิ่งลักษณ์” ก็ประกาศมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้ฟันคอพล.ต.อ.วิเชียร
โดดเด่น ไฮพาวเวอร์-อำนาจล้นมือ เตรียมรุกไล่ฟันสตช.ให้กระเจิดกระเจิง สั่งการโผงผางขึงขังทันที จัดการบ่อน ผับบาร์ ตู้ม้า ยาเสพติด จะปล่อยให้มีไม่ได้ในรัฐบาลชุดนี้
อำนาจเริ่มตึงมือ เสือหลับกลับมาคำรามฟาดกงเล็บอีกครั้ง “เฉลิม อยู่บำรุง” จากที่เคยหลุดไปวงนอก วันนี้ได้โอกาสกลับเข้าคลุกวงใน อ่านทิศทางลมการเมืองแล้ว ไม่ปล่อยโอกาสทองนี้หลุดลอยไปแน่
“ยิ่งลักษณ์” ยังมือใหม่ทางการเมือง ประสบการณ์ยังน้อยนิด ทำอะไรในช่วงต้นดูระแวดระวังระคนหวาดกลัว การให้สัมภาษณ์เรื่องใดๆ ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เป็นประเด็น ไม่มีเอฟเฟกต์ หลายๆ ครั้งพยายามออกตัวโยนให้รองนายกฯ และ รัฐมนตรีคนอื่นๆ จัดการ
คนที่ถูก“ยิ่งลักษณ์” มอบหมายให้จัดการเรื่องต่างๆ มากที่สุด คือ ร.ต.อ.เฉลิม การแถลงนโยบายของรัฐบาล “เฉลิม” รับบทพระเอกชี้แจงเป็นต่อยหอย พร้อมตอบโต้ฝ่ายค้านอย่างถึงพริกถึงขิง ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” เพียงอ่านรายงานและกล่าวขอบคุณ การตอบกระทู้ก็เริ่มเห็นลางๆ ว่า ผู้รับบทบาทหนักหนีไม่พ้นต้องเป็น “เฉลิม”
หลายสิ่งหลายอย่างดูเหมือน“ยิ่งลักษณ์”จะมอบให้“เฉลิม”จัดการ ด้วยเพราะความเชื่อฝีมือ เชื่อประสบการณ์ ตรงนี้เองได้สร้างพลัง สร้างอีโก้ให้ร.ต.อ.เฉลิมขึ้นทุกวันๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร.ต.อ.เฉลิมก็จะกลายเป็น “ผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี”
ด้วยสภาพความจำเป็นทางการเมือง ที่ยิ่งลักษณ์ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ไร้ภาพความเฉียบขาด ต้องมีใครคนหนึ่งเข้ามาแบ่งเบาภาระหน้าที่ตรงนี้ คนที่มีลำหักลำโค่นมากที่สุดชั่วโมงนี้คือร.ต.อ.เฉลิม
คนที่ไว้ใจวางใจได้หลายคนเช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ยังไม่มีฝีไม้ลายมือเท่า การมอบอำนาจ บทบาทให้ “เฉลิม” โดดเด่น เทียบเท่าจนบางครั้งดูเหนือกว่านายกรัฐมนตรี
บางทีอาจเป็น “ดาบสองคม”
ที่ผ่านมาพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายใหญ่ตลอดกาลใช่ว่าจะไว้วางใจ“เฉลิม”เสียเมื่อไหร่ แต่จำต้องเลี้ยงไว้ใช้งาน ด้วยเพราะมีฝีมือฉากฉกรรจ์ เปรียบเหมือนขุนศึกผู้ทรนงในตำนานสามก๊กนาม “ลิโป้”
การใดๆ ที่มุ่งหมายวางไว้ อาจต้องเสียขบวนไปด้วยเพราะความไม่รอบคอบ ชั่งใจ ใครจะรู้ว่าเมื่อวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม มีอำนาจบาตรใหญ่คับประเทศแล้ว จะคิดทำตามที่สิ่งที่เคยตอกย้ำเสมอว่า
จะพาพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน จะนิรโทษกรรมให้นายใหญ่ เพราะหากพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแล้ว ตัวเองก็จะกลายเป็นเพียงลิ่วล้อประกอบฉาก ดาวฤกษ์ที่เคยโดดเด่นต้องกลับกลายเป็นดาวเคราะห์ไปทันที
