ใครที่ติดตามสถานการณ์การเมืองก็คงจะจำได้ว่า เมื่อทักษิณ ชินวัตร เลือกโคลนนิ่งของเขานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 อันเป็นการวางตัวไว้สำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น สื่อทุกแขนงถามเป็นคำถามเดียวกันว่า จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ความช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบอย่างแข็งขันว่า ไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อคนคนเดียว ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเท่านั้น ไม่แก้แค้น แต่จะแก้ไข จะปรองดอง
เป็นคำตอบที่ไม่มีใครเชื่อ แม้กระทั่งพวกหรือพรรคเดียวกันของนางสาวยิ่งลักษณ์ พวกเดียวกันก็พอเข้าใจว่าจะต้องตอบเช่นนั้น จะมาบอกว่า ตั้งใจมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อทักษิณ จะมาแก้ไขกฎหมายช่วยทักษิณพ้นผิด จะมาช่วยเสื้อแดงพวกเดียวกันให้พ้นผิด จะมาปูนบำเหน็จคนเสื้อแดง ผู้คนทั้งหลายที่รับฟังจะรับได้แค่ไหน ส่วนพวกที่ไม่เอานางสาวยิ่งลักษณ์นั้นเขาไม่เชื่อขี้หน้าอยู่แล้ว ฟังไปก็เห็นเป็นเรื่องตลก เห็นเป็นเรื่องที่โกหกหน้าด้านๆ หน้าไม่อาย และทนฟังไป จะโกหก ตอแหลไปได้นานแค่ไหน
แล้วในที่สุด ความจริงก็ปรากฏออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นการพูดไม่จริงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เห็นอาการโกหก ตอแหลเท่านั้น หากแต่เห็นขี้เท่อ หรือกึ๋นของคนเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกด้วย เป็นต้นว่า ทักษิณไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ขณะที่ทักษิณ บอกว่า เขามีส่วนแน่นอน รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปญี่ปุ่นของทักษิณ ในขณะที่ญี่ปุ่นบอกว่า รัฐบาลไทยขอความช่วยเหลือ
แล้วก็มาถึงการแต่งตั้งคณะทำงานในตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวง ทบวงต่างๆ เป็นการปูนบำเหน็จกลุ่มบุคคลที่รับใช้ ทักษิณ ชินวัตร อย่างสุดจิตสุดใจตลอดเวลาที่ทักษิณต้องระหกระเหินหนีคุกหนีตะรางอยู่ต่างประเทศ แต่เป็นการเอาภาษีของประชาชนทั้งหลายไปปูนบำเหน็จ แทนที่จะเอาเงินของทักษิณเอง
นี่ก็เป็นการเหยียบหัวใจคนไทยทั้งหลายทั้งปวงแล้ว
ยังจะเคลื่อนไหวนิรโทษกรรม หรือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ ทักษิณ ชินวัตร อีก โดยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงพูดอยู่เหมือนเดิม คือ รัฐบาลจะไม่ทำเพื่อคนคนเดียว และถ้าหากถูกนักข่าวรุกมากๆ ก็จะใช้วิธีเดินหนี แล้วไปเขียนระบายในเฟสบุ๊คว่า สถานการณ์ถูกบิดเบือน ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงก็คือ คนเป็นนายกรัฐมนตรีโกหก ต่อประชาชนของตัว
การบอกว่า รัฐบาลไม่ทำเพื่อคนคนเดียว แต่กำลังดำเนินการเพื่อที่จะเตะพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกไปจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาเสียบแทนเพราะเป็นพี่ชายของภริยาทักษิณ ชินวัตร เพราะได้เตรียมการไว้ตั้งแต่สมัยที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยการย้ายข้ามหัวคนอื่นๆ มาเกือบ 20 คน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พูดถึงความไม่เป็นธรรมที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ได้รับหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่เฉลิมไม่เคยปริปากเลยในกรณีที่ทักษิณเอาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ข้ามหัวคนอื่นมาเพื่อที่จะเตรียมการให้เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อที่จะให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องโยกพล.ต.อ.วิเชียรออกไปอยู่สภาความมั่นคง ซึ่งก็ต้องเตะนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงออกจากตำแหน่ง
นักข่าวถามนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีว่า นายถวิลมีความผิดอะไร?
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบว่า “ไม่มีความผิด แต่งานทั้งหมดต้องการผู้ช่วยเหลือ”
แม้จะเป็นคำตอบที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าคำตอบที่นักข่าวสายทำเนียบเคยได้รับจนชิน กล่าวคือ ไม่ว่าจะถามคำถามใด ก็จะได้รับคำตอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า “เอาไว้ให้ชัดเจนก่อนค่ะ ทุกอย่างจะต้องเพื่อประเทศชาติและประชาชนค่ะ” ก็ตาม แต่คำตอบดังกล่าวก็ได้ทำให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเห็นว่า กึ๋นหรือสติปัญญาของคนเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยอยู่ระดับไหน?
ถ้ามีใครตั้งคำถามเอากับนายกรัฐมนตรีวันนี้ ก็คงจะได้รับคำตอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่เหมือนเดิมว่า ไม่ทำเพื่อทักษิณ ไม่คิดเรื่องนิรโทษกรรม ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว เธอตอบโดยไม่สะทกสะท้าน ไม่เขินอาย สีหน้าก็ไม่แดง ทั้งที่ในพรรคเพื่อไทย และกลุ่มที่เป็นมือเป็นไม้ของทักษิณ ชินวัตร เริ่มขยับตัวให้เห็นแล้ว เริ่มจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ วางตารางการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาไว้ต้นปี 2555 โดยจะเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวรับใช้ทักษิณเป็นอย่างดีมาแล้วในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2544-2549
นอกเหนือจากการขยับเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็เริ่มที่จะนิรโทษกรรม หรือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับทักษิณ หรือถ้าหากเป็นไปได้ก็จะเอาทุกคดีที่อยู่ในสารบบศาลลบออกไปเสีย เพราะพวกเขาเชื่อว่าทักษิณ สะอาด ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ศาลสถิตยุติธรรม ไม่ยุติธรรมกับทักษิณเอง ที่ศาลตัดสินลงโทษทักษิณนั้นเป็นการกลั่นแกล้งหาความทักษิณ
พูดง่ายๆ ก็คือ ระบบศาลใช้ไม่ได้ ไม่เป็นธรรมกับทักษิณ
แม้จะมีหลักเกณฑ์อยู่ว่าผู้ที่จะได้รับการนิรโทษกรรมนั้น จะต้องสำนึกในความผิด จะต้องรับโทษตามที่ศาลตัดสินชั่วระยะเวลาหนึ่ง และจะต้องประกอบคุณงามความดีระหว่างที่รับโทษ
แต่ทักษิณจะอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์
นี่คือสิ่งที่เขาเคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ ในขณะเดียวกันกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ก็จะพูดคำเดิมๆ ว่า ไม่ค่ะ รัฐบาลยังไม่ได้คิดเรื่องนิรโทษกรรมค่ะ เราจะไม่ทำอะไรเพื่อคนคนเดียวค่ะ
เชื่อแล้วละครับที่ทักษิณบอกว่า ยิ่งลักษณ์คือโคลนนิ่งเขาเอง โขลกกันมาเลย
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบอย่างแข็งขันว่า ไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อคนคนเดียว ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเท่านั้น ไม่แก้แค้น แต่จะแก้ไข จะปรองดอง
เป็นคำตอบที่ไม่มีใครเชื่อ แม้กระทั่งพวกหรือพรรคเดียวกันของนางสาวยิ่งลักษณ์ พวกเดียวกันก็พอเข้าใจว่าจะต้องตอบเช่นนั้น จะมาบอกว่า ตั้งใจมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อทักษิณ จะมาแก้ไขกฎหมายช่วยทักษิณพ้นผิด จะมาช่วยเสื้อแดงพวกเดียวกันให้พ้นผิด จะมาปูนบำเหน็จคนเสื้อแดง ผู้คนทั้งหลายที่รับฟังจะรับได้แค่ไหน ส่วนพวกที่ไม่เอานางสาวยิ่งลักษณ์นั้นเขาไม่เชื่อขี้หน้าอยู่แล้ว ฟังไปก็เห็นเป็นเรื่องตลก เห็นเป็นเรื่องที่โกหกหน้าด้านๆ หน้าไม่อาย และทนฟังไป จะโกหก ตอแหลไปได้นานแค่ไหน
แล้วในที่สุด ความจริงก็ปรากฏออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นการพูดไม่จริงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เห็นอาการโกหก ตอแหลเท่านั้น หากแต่เห็นขี้เท่อ หรือกึ๋นของคนเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกด้วย เป็นต้นว่า ทักษิณไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ขณะที่ทักษิณ บอกว่า เขามีส่วนแน่นอน รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปญี่ปุ่นของทักษิณ ในขณะที่ญี่ปุ่นบอกว่า รัฐบาลไทยขอความช่วยเหลือ
แล้วก็มาถึงการแต่งตั้งคณะทำงานในตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวง ทบวงต่างๆ เป็นการปูนบำเหน็จกลุ่มบุคคลที่รับใช้ ทักษิณ ชินวัตร อย่างสุดจิตสุดใจตลอดเวลาที่ทักษิณต้องระหกระเหินหนีคุกหนีตะรางอยู่ต่างประเทศ แต่เป็นการเอาภาษีของประชาชนทั้งหลายไปปูนบำเหน็จ แทนที่จะเอาเงินของทักษิณเอง
นี่ก็เป็นการเหยียบหัวใจคนไทยทั้งหลายทั้งปวงแล้ว
ยังจะเคลื่อนไหวนิรโทษกรรม หรือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ ทักษิณ ชินวัตร อีก โดยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงพูดอยู่เหมือนเดิม คือ รัฐบาลจะไม่ทำเพื่อคนคนเดียว และถ้าหากถูกนักข่าวรุกมากๆ ก็จะใช้วิธีเดินหนี แล้วไปเขียนระบายในเฟสบุ๊คว่า สถานการณ์ถูกบิดเบือน ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงก็คือ คนเป็นนายกรัฐมนตรีโกหก ต่อประชาชนของตัว
การบอกว่า รัฐบาลไม่ทำเพื่อคนคนเดียว แต่กำลังดำเนินการเพื่อที่จะเตะพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกไปจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาเสียบแทนเพราะเป็นพี่ชายของภริยาทักษิณ ชินวัตร เพราะได้เตรียมการไว้ตั้งแต่สมัยที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยการย้ายข้ามหัวคนอื่นๆ มาเกือบ 20 คน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พูดถึงความไม่เป็นธรรมที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ได้รับหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่เฉลิมไม่เคยปริปากเลยในกรณีที่ทักษิณเอาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ข้ามหัวคนอื่นมาเพื่อที่จะเตรียมการให้เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อที่จะให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องโยกพล.ต.อ.วิเชียรออกไปอยู่สภาความมั่นคง ซึ่งก็ต้องเตะนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงออกจากตำแหน่ง
นักข่าวถามนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีว่า นายถวิลมีความผิดอะไร?
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบว่า “ไม่มีความผิด แต่งานทั้งหมดต้องการผู้ช่วยเหลือ”
แม้จะเป็นคำตอบที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าคำตอบที่นักข่าวสายทำเนียบเคยได้รับจนชิน กล่าวคือ ไม่ว่าจะถามคำถามใด ก็จะได้รับคำตอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า “เอาไว้ให้ชัดเจนก่อนค่ะ ทุกอย่างจะต้องเพื่อประเทศชาติและประชาชนค่ะ” ก็ตาม แต่คำตอบดังกล่าวก็ได้ทำให้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเห็นว่า กึ๋นหรือสติปัญญาของคนเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยอยู่ระดับไหน?
ถ้ามีใครตั้งคำถามเอากับนายกรัฐมนตรีวันนี้ ก็คงจะได้รับคำตอบจากนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่เหมือนเดิมว่า ไม่ทำเพื่อทักษิณ ไม่คิดเรื่องนิรโทษกรรม ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว เธอตอบโดยไม่สะทกสะท้าน ไม่เขินอาย สีหน้าก็ไม่แดง ทั้งที่ในพรรคเพื่อไทย และกลุ่มที่เป็นมือเป็นไม้ของทักษิณ ชินวัตร เริ่มขยับตัวให้เห็นแล้ว เริ่มจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ วางตารางการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาไว้ต้นปี 2555 โดยจะเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวรับใช้ทักษิณเป็นอย่างดีมาแล้วในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2544-2549
นอกเหนือจากการขยับเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็เริ่มที่จะนิรโทษกรรม หรือขอพระราชทานอภัยโทษให้กับทักษิณ หรือถ้าหากเป็นไปได้ก็จะเอาทุกคดีที่อยู่ในสารบบศาลลบออกไปเสีย เพราะพวกเขาเชื่อว่าทักษิณ สะอาด ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ศาลสถิตยุติธรรม ไม่ยุติธรรมกับทักษิณเอง ที่ศาลตัดสินลงโทษทักษิณนั้นเป็นการกลั่นแกล้งหาความทักษิณ
พูดง่ายๆ ก็คือ ระบบศาลใช้ไม่ได้ ไม่เป็นธรรมกับทักษิณ
แม้จะมีหลักเกณฑ์อยู่ว่าผู้ที่จะได้รับการนิรโทษกรรมนั้น จะต้องสำนึกในความผิด จะต้องรับโทษตามที่ศาลตัดสินชั่วระยะเวลาหนึ่ง และจะต้องประกอบคุณงามความดีระหว่างที่รับโทษ
แต่ทักษิณจะอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์
นี่คือสิ่งที่เขาเคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ ในขณะเดียวกันกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ก็จะพูดคำเดิมๆ ว่า ไม่ค่ะ รัฐบาลยังไม่ได้คิดเรื่องนิรโทษกรรมค่ะ เราจะไม่ทำอะไรเพื่อคนคนเดียวค่ะ
เชื่อแล้วละครับที่ทักษิณบอกว่า ยิ่งลักษณ์คือโคลนนิ่งเขาเอง โขลกกันมาเลย
