แม้จะยืนยันหนักแน่นปานใดในเรื่องการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีว่าจัดตั้งด้วยมือตัวเอง หรือเมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เป็นรัฐบาลแล้วจะไม่คิดที่จะนิรโทษกรรมให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร ผู้พี่ชาย ก็ไม่มีใครเชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฟังดูเป็นเรื่องตลก ชวนหัวเสียมากกว่า
ยังไม่ถึงสัปดาห์ รัฐมนตรีบางคนที่ได้รับแต่งตั้งยังไม่เข้าไปนั่งในกระทรวงด้วยซ้ำ ก็เห็นออกมาแล้ว
มีรายงานว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ทำหนังสือขอย้ายตัวเองออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นมานั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ที่ทักษิณ ชินวัตร เตรียมให้มานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ตั้งแต่ที่เขายังมีอำนาจ เอาข้ามหัวคนอื่นมานับสิบ แต่ทักษิณ ชินวัตร โดนรัฐประหารไปเสียก่อน มาถึงรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย แม้จะเป็นนอมินีของทักษิณ แต่บรรยากาศก็ไม่เอื้ออำนวย รัฐบาลสมัครนั้นถูกประชาชนคัดค้านเพราะคิดจะแก้รัฐธรรมนูญช่วยทักษิณต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลสมชาย
บัดนี้เป็นรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทักษิณบอกว่า เป็นโคลนนิ่งตัวเขาเอง การก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จึงเป็นไปได้อย่างยิ่ง ข่าวที่ว่า พล.ต.อ.วิเชียรขอย้ายตัวเองไปในตำแหน่งอื่นที่เหมาะสม ถ้าหากไม่จริง ก็เป็นกระแสกดดันอย่างหนึ่ง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พลตำรวจเอกวิเชียร ได้คิดว่าจะไปดีๆ มีตำแหน่งที่เหมาะสมหรือจะไปนั่งตบยุง
อีกคนหนึ่งที่ขอบอกว่า เตรียมเก็บข้าวเก็บของออกจากห้องทำงานได้เลยก็คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างสำคัญ เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกรัฐมนตรีตามใบสั่งของทักษิณ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็เป็นตำแหน่งแรกๆ ที่นายสมัครเปลี่ยนตัวมาถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่มีเสียละที่จะยกเว้นให้ เพียงแต่จะเป็นวัน เวลาใดเท่านั้น
ตำแหน่งผู้ว่าราชการฯ ในหลายต่อหลายจังหวัดที่รู้ตัวว่า จบจากโรงเรียนเน ก็ได้โปรดเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ เว้นเสียแต่ที่จะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้เร็ว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า แม้จะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีแปรธาตุตัวเองได้เร็ว แต่นายบางคนเขาก็ไม่ชอบคนประเภทนี้ นายบางคนอาจจะชอบ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเช่นเดียวกัน
แม้กระทั่งกรมสรรพากรก็แสดงออกถึงอาการนกรู้ ด้วยการคืนภาษีให้ลูกชาย ลูกสาวทักษิณ ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อหุ้นไม่ใช่ของลูกชาย ลูกสาวทักษิณ ก็ต้องคืนภาษีที่เก็บไว้แล้วให้เขาไป
ปัญหาที่คาใจประชาชนก็คือ เมื่อหุ้นเป็นของทักษิณ อธิบดีกรมสรรพากรมันจะกล้าออกคำสั่ง กล้าไปตามเก็บจากทักษิณไหม จะให้เหตุผลว่าอย่างไร?
มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่าอินเตอร์โพลล์ได้ถอนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว
“เท่าที่มีรายงานมา ทราบว่าทางอินเตอร์โพลล์ถอนหมายจับคุณทักษิณแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าเป็นคดีอะไรบ้าง หรือทางการไทยส่งหมายจับไปกี่คดี เพียงแต่ได้รับการยืนยันว่าถอนหมายจับทั้งหมดแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
การถอนหมายจับของตำรวจสากลนี่เองที่ทำให้ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าเยอรมนีและเป้าหมายต่อไปคือ ญี่ปุ่น
กรณีของญี่ปุ่น สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นกรณีพิเศษ โดยนายสุรพงษ์ระบุว่า รู้สึกดีใจที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะอนุญาต พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ เพราะแสดงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของญี่ปุ่นและไทย ต่อจากนี้อยากทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก
มีรายงานอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศ กำลังพิจารณาที่จะคืนหนังสือเดินทางปกแดงให้กับทักษิณ ชินวัตร หลังจากถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2552 ในสมัยที่นายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเหตุหนึ่งที่ทักษิณ ชินวัตร จำต้องมีหนังสือเดินทางของมอนเตรนิโกร
เห็นไหมเล่าครับว่า สงครามไพร่โค่นอำมาตย์ ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย “อย่างแท้จริง” อยากที่เรียกร้องกันในช่วงสงกรานต์ปี 2552 และ 2553 นั้น แท้จริงก็เพียงเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทักษิณเชื่อว่า เลือกตั้งเมื่อใดก็ชนะเมื่อนั้น เพื่อที่จะคลายปมให้กับทักษิณอย่างน้อยที่สุดขณะนี้ เขาก็สามารถบงการ สั่งการรัฐบาลโคลนนิ่งของเขาได้ให้ทำตามที่เขาต้องการ
ลำดับต่อไปจะต้องยกเลิกคดีต่างๆ ที่มีอยู่ในสารบบศาล และคดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว ก็จะต้องมีการนิรโทษกรรมให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง กลับประเทศไทยได้ เผลอๆ หากกลับมาเป็นายกรัฐมนตรีได้ก็เป็นเรื่องวิเศษ เรื่องดี สำหรับทักษิณและบรรดา ลูกกระเป๋งของเขาที่พยายามทุกวิถีทางด้วยหัวใจอันระทึก
ทักษิณลงทุนลงแรง และลงเงินก็เพื่อตัวเขา และครอบครัวของเขา ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่นได้ ประชาชนจะรู้เท่าทันเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น และเมื่อรู้เท่าทัน ก็เชื่อเถอะครับว่า เหตุการณ์ที่ประชาชนออกมาคัดค้านรัฐบาลสมัคร สมชาย จะต้องเกิดขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
ยังไม่ถึงสัปดาห์ รัฐมนตรีบางคนที่ได้รับแต่งตั้งยังไม่เข้าไปนั่งในกระทรวงด้วยซ้ำ ก็เห็นออกมาแล้ว
มีรายงานว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ทำหนังสือขอย้ายตัวเองออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นมานั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ที่ทักษิณ ชินวัตร เตรียมให้มานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ตั้งแต่ที่เขายังมีอำนาจ เอาข้ามหัวคนอื่นมานับสิบ แต่ทักษิณ ชินวัตร โดนรัฐประหารไปเสียก่อน มาถึงรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย แม้จะเป็นนอมินีของทักษิณ แต่บรรยากาศก็ไม่เอื้ออำนวย รัฐบาลสมัครนั้นถูกประชาชนคัดค้านเพราะคิดจะแก้รัฐธรรมนูญช่วยทักษิณต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลสมชาย
บัดนี้เป็นรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทักษิณบอกว่า เป็นโคลนนิ่งตัวเขาเอง การก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จึงเป็นไปได้อย่างยิ่ง ข่าวที่ว่า พล.ต.อ.วิเชียรขอย้ายตัวเองไปในตำแหน่งอื่นที่เหมาะสม ถ้าหากไม่จริง ก็เป็นกระแสกดดันอย่างหนึ่ง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พลตำรวจเอกวิเชียร ได้คิดว่าจะไปดีๆ มีตำแหน่งที่เหมาะสมหรือจะไปนั่งตบยุง
อีกคนหนึ่งที่ขอบอกว่า เตรียมเก็บข้าวเก็บของออกจากห้องทำงานได้เลยก็คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างสำคัญ เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกรัฐมนตรีตามใบสั่งของทักษิณ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็เป็นตำแหน่งแรกๆ ที่นายสมัครเปลี่ยนตัวมาถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่มีเสียละที่จะยกเว้นให้ เพียงแต่จะเป็นวัน เวลาใดเท่านั้น
ตำแหน่งผู้ว่าราชการฯ ในหลายต่อหลายจังหวัดที่รู้ตัวว่า จบจากโรงเรียนเน ก็ได้โปรดเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ เว้นเสียแต่ที่จะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้เร็ว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า แม้จะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีแปรธาตุตัวเองได้เร็ว แต่นายบางคนเขาก็ไม่ชอบคนประเภทนี้ นายบางคนอาจจะชอบ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเช่นเดียวกัน
แม้กระทั่งกรมสรรพากรก็แสดงออกถึงอาการนกรู้ ด้วยการคืนภาษีให้ลูกชาย ลูกสาวทักษิณ ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อหุ้นไม่ใช่ของลูกชาย ลูกสาวทักษิณ ก็ต้องคืนภาษีที่เก็บไว้แล้วให้เขาไป
ปัญหาที่คาใจประชาชนก็คือ เมื่อหุ้นเป็นของทักษิณ อธิบดีกรมสรรพากรมันจะกล้าออกคำสั่ง กล้าไปตามเก็บจากทักษิณไหม จะให้เหตุผลว่าอย่างไร?
มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่าอินเตอร์โพลล์ได้ถอนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว
“เท่าที่มีรายงานมา ทราบว่าทางอินเตอร์โพลล์ถอนหมายจับคุณทักษิณแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าเป็นคดีอะไรบ้าง หรือทางการไทยส่งหมายจับไปกี่คดี เพียงแต่ได้รับการยืนยันว่าถอนหมายจับทั้งหมดแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
การถอนหมายจับของตำรวจสากลนี่เองที่ทำให้ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าเยอรมนีและเป้าหมายต่อไปคือ ญี่ปุ่น
กรณีของญี่ปุ่น สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นกรณีพิเศษ โดยนายสุรพงษ์ระบุว่า รู้สึกดีใจที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะอนุญาต พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ เพราะแสดงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของญี่ปุ่นและไทย ต่อจากนี้อยากทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก
มีรายงานอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศ กำลังพิจารณาที่จะคืนหนังสือเดินทางปกแดงให้กับทักษิณ ชินวัตร หลังจากถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2552 ในสมัยที่นายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเหตุหนึ่งที่ทักษิณ ชินวัตร จำต้องมีหนังสือเดินทางของมอนเตรนิโกร
เห็นไหมเล่าครับว่า สงครามไพร่โค่นอำมาตย์ ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย “อย่างแท้จริง” อยากที่เรียกร้องกันในช่วงสงกรานต์ปี 2552 และ 2553 นั้น แท้จริงก็เพียงเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทักษิณเชื่อว่า เลือกตั้งเมื่อใดก็ชนะเมื่อนั้น เพื่อที่จะคลายปมให้กับทักษิณอย่างน้อยที่สุดขณะนี้ เขาก็สามารถบงการ สั่งการรัฐบาลโคลนนิ่งของเขาได้ให้ทำตามที่เขาต้องการ
ลำดับต่อไปจะต้องยกเลิกคดีต่างๆ ที่มีอยู่ในสารบบศาล และคดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว ก็จะต้องมีการนิรโทษกรรมให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง กลับประเทศไทยได้ เผลอๆ หากกลับมาเป็นายกรัฐมนตรีได้ก็เป็นเรื่องวิเศษ เรื่องดี สำหรับทักษิณและบรรดา ลูกกระเป๋งของเขาที่พยายามทุกวิถีทางด้วยหัวใจอันระทึก
ทักษิณลงทุนลงแรง และลงเงินก็เพื่อตัวเขา และครอบครัวของเขา ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่นได้ ประชาชนจะรู้เท่าทันเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น และเมื่อรู้เท่าทัน ก็เชื่อเถอะครับว่า เหตุการณ์ที่ประชาชนออกมาคัดค้านรัฐบาลสมัคร สมชาย จะต้องเกิดขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัย