หลวงวิจิตรวาทการ เคยเขียนวิจารณ์ลักษณะนิสัยของคนไทยไว้ว่าเป็นคนสำรวย หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ท่านบอกว่าเห็นจะเป็นเพราะอิทธิพลของวรรณคดีไทย ที่ตัวเองมักรูปร่างอ้อนแอ้น และเวลาจะต่อสู้กับใครก็ไม่ต้องออกแรงเอง เหมือนอย่างพระราม เวลาจะออกรบก็จะเรียกพิเภกมาให้ดูดวงเสียก่อน ถ้าดวงดีและชนะก็จะไปรบ นอกจากนั้นยังมีเครื่องทุ่นแรงอีกมากมาย เช่น ศรพรหมมาศ เป็นต้น
หลวงวิจิตรฯ บอกว่า ผิดกับจีนดูซิยิ่นกุ้ยเป็นตัวอย่าง เขารูปร่างสูงใหญ่ ใช้กระบองเป็นอาวุธ พระเอกในวรรณคดีไทยนั้น และอะไรก็เจ้าน้ำตา สรุปได้ว่าแสดงลักษณะอ่อนแอ คนไทยเรารับคตินิยมเช่นนี้มาจึงไม่ชอบความลำบาก เหมือนกับพระเอกในวรรณคดี
มาสมัยหลังๆ นี้ นวนิยายไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน ส่วนมากพระเอกมักร่ำรวยมีชาติตระกูลดี หรือไม่ก็ปลอมตัวแกล้งจนเพื่อลองใจนางเอก ส่วนนางเอกก็เป็นคนที่ถูกแม่ผู้ชายกีดกันตลอดเวลา ละครทีวีไทยสมัยนี้ก็มีเนื้อหาที่ไม่ประเทืองปัญญาเท่าไร หากดูมากๆ ก็จะเป็นปัญญาอ่อนได้ เรื่องที่นิยมกันมากก็คือประเภท “สองหญิงหนึ่งชาย” ชิงกัน พระเอกส่วนมากก็จะโง่เสียจนอยากด่า บทที่เล่นก็เป็นคำพูดที่เชือดเฉือนกัน จะมีละครอีกประเภทหนึ่งเป็นละครเบาสมอง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรทำก็ดูไปสนุกๆ ไม่มีความเครียด
ผมสังเกตว่าระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ มีหนังจากญี่ปุ่นและเกาหลีเข้ามามาก สมัยก่อนมีซีรีส์ที่คนติดใจตามดูกันมากก็คือ เรื่อง “โอชิน” เป็นชีวิตของผู้หญิงยุคสงครามที่ต้องอดทน ต่อสู้กับความยากลำบาก ต่อมาก็มีหนังเกาหลีซึ่งเวลานี้มีคุณภาพดีขึ้นมาก ภาพยนตร์เกาหลีเพิ่งจะทำกันได้คุณภาพเมื่อสิบกว่าปีมานี้เอง ที่น่าสนใจก็คือ ภาพยนตร์ของเขาได้รับความสนับสนุนจากคนเกาหลีมาก แม้จะมีหนังฝรั่ง เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ไททานิคเข้ามาฉาย แต่หนังเกาหลีก็ทำเงินได้มากกว่าหนังพวกนี้ เรื่องหนึ่งๆ ก็มีคนดูนับสิบล้านคนขึ้นไป
เวลานี้ผมดูหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งชื่อ “ทงอี” เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Dong Ui หนังเรื่องนี้คนดูกันมาก
ตัวเอกเป็นเด็กผู้หญิงมาจากชนชั้นต่ำสุดของสังคม มีพ่อเป็นสัปเหร่อ แต่ได้รับคำสั่งสอนว่า แม้จะเกิดมาต่ำต้อยแต่ถ้าใฝ่สูงก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ทงอีเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นไม่เกี่ยงงาน จึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป ทงอีได้เข้าไปทำงานในวัง ต่อมาได้เป็น “นางในฝ่ายตรวจการ” ลักษณะพิเศษของทงอีก็คือ มีความฉลาดและมีความเฉลียวด้วย เป็นคนช่างสังเกต และรักความยุติธรรม มีความมุ่งมั่น เมื่อจะทำสิ่งใดแล้ว ก็จะต้องทำให้สำเร็จ ไม่หวั่นเกรงอุปสรรค และอันตรายใดๆ
ทงอีพบกับพระราชาซึ่งปลอมพระองค์เป็นขุนนาง พระราชาชอบที่ทงอีเป็นธรรมชาติ พูดตรงๆ และรื่นเริง ในที่สุดทงอีก็ไม่เป็นนางสนม แม้จะมีโอกาสเป็นถึงพระมเหสีแต่ก็ไม่ต้องการ ต่อมาทงอีมีลูกชายและตัดสินใจออกไปอยู่นอกวัง เป็นชาวบ้านธรรมดาเพราะต้องการช่วยเหลือประชาชน ลูกชายของทงอีได้เป็นกษัตริย์ที่มีชื่อว่าเอาใจใส่ดูแลประชาชนมากที่สุดคนหนึ่ง
คนเล่นเป็นทงอีอายุแค่ 23 ปี จบการแสดงจากมหาวิทยาลัย เล่นหนังมาแล้วหลายเรื่อง และได้รับรางวัลจากบททงอี
การสร้างภาพยนตร์เต็มได้ด้วยความอลังการ และมีรายละเอียดที่ดี การแต่งกายสวยงาม ผู้ชมได้ทราบประเพณีของราชสำนักเกาหลีในสมัยก่อนว่าเป็นอย่างไร ที่เหมือนกับทุกราชสำนักก็คือ การแก่งแย่งชิงดีระหว่างพระมเหสีกับนางสนม ความต้องการที่จะให้ลูกชายของตนได้เป็นรัชทายาท
เรียกได้ว่าหนังทงอีเป็นเรื่องที่ให้คติสอนใจหลายอย่าง ตัวเองก็มีบุคลิกเป็นคนฉลาดเฉลียว ช่างสังเกตต่างกับตัวเอกของไทยซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้แสดงความฉลาดหรือมีความพยายามอะไรเลย น่าคิดว่าหนังไทยจะสร้างให้ดีเหมือนหนังจีน ญี่ปุ่น เกาหลีได้หรือไม่
มีผู้อธิบายว่า เรารับอิทธิพลจากอินเดียมากกว่าจีน เราจึงมีค่านิยมที่เป็นแบบอินเดีย ส่วนเอเชียตะวันออกมีวัฒนธรรมที่แข็งกว่า ค่านิยมและการยกย่องคนจึงต่างกัน
ผมเคยมีภาพว่าคนเกาหลีหยาบไม่ละเอียดอ่อนและก้าวร้าว แต่เมื่อดูเรื่องทงอีแล้วก็เห็นความน่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่คนยุคปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้จากอดีต
หลวงวิจิตรฯ บอกว่า ผิดกับจีนดูซิยิ่นกุ้ยเป็นตัวอย่าง เขารูปร่างสูงใหญ่ ใช้กระบองเป็นอาวุธ พระเอกในวรรณคดีไทยนั้น และอะไรก็เจ้าน้ำตา สรุปได้ว่าแสดงลักษณะอ่อนแอ คนไทยเรารับคตินิยมเช่นนี้มาจึงไม่ชอบความลำบาก เหมือนกับพระเอกในวรรณคดี
มาสมัยหลังๆ นี้ นวนิยายไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน ส่วนมากพระเอกมักร่ำรวยมีชาติตระกูลดี หรือไม่ก็ปลอมตัวแกล้งจนเพื่อลองใจนางเอก ส่วนนางเอกก็เป็นคนที่ถูกแม่ผู้ชายกีดกันตลอดเวลา ละครทีวีไทยสมัยนี้ก็มีเนื้อหาที่ไม่ประเทืองปัญญาเท่าไร หากดูมากๆ ก็จะเป็นปัญญาอ่อนได้ เรื่องที่นิยมกันมากก็คือประเภท “สองหญิงหนึ่งชาย” ชิงกัน พระเอกส่วนมากก็จะโง่เสียจนอยากด่า บทที่เล่นก็เป็นคำพูดที่เชือดเฉือนกัน จะมีละครอีกประเภทหนึ่งเป็นละครเบาสมอง ซึ่งถ้าไม่มีอะไรทำก็ดูไปสนุกๆ ไม่มีความเครียด
ผมสังเกตว่าระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ มีหนังจากญี่ปุ่นและเกาหลีเข้ามามาก สมัยก่อนมีซีรีส์ที่คนติดใจตามดูกันมากก็คือ เรื่อง “โอชิน” เป็นชีวิตของผู้หญิงยุคสงครามที่ต้องอดทน ต่อสู้กับความยากลำบาก ต่อมาก็มีหนังเกาหลีซึ่งเวลานี้มีคุณภาพดีขึ้นมาก ภาพยนตร์เกาหลีเพิ่งจะทำกันได้คุณภาพเมื่อสิบกว่าปีมานี้เอง ที่น่าสนใจก็คือ ภาพยนตร์ของเขาได้รับความสนับสนุนจากคนเกาหลีมาก แม้จะมีหนังฝรั่ง เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ไททานิคเข้ามาฉาย แต่หนังเกาหลีก็ทำเงินได้มากกว่าหนังพวกนี้ เรื่องหนึ่งๆ ก็มีคนดูนับสิบล้านคนขึ้นไป
เวลานี้ผมดูหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งชื่อ “ทงอี” เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Dong Ui หนังเรื่องนี้คนดูกันมาก
ตัวเอกเป็นเด็กผู้หญิงมาจากชนชั้นต่ำสุดของสังคม มีพ่อเป็นสัปเหร่อ แต่ได้รับคำสั่งสอนว่า แม้จะเกิดมาต่ำต้อยแต่ถ้าใฝ่สูงก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ทงอีเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นไม่เกี่ยงงาน จึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป ทงอีได้เข้าไปทำงานในวัง ต่อมาได้เป็น “นางในฝ่ายตรวจการ” ลักษณะพิเศษของทงอีก็คือ มีความฉลาดและมีความเฉลียวด้วย เป็นคนช่างสังเกต และรักความยุติธรรม มีความมุ่งมั่น เมื่อจะทำสิ่งใดแล้ว ก็จะต้องทำให้สำเร็จ ไม่หวั่นเกรงอุปสรรค และอันตรายใดๆ
ทงอีพบกับพระราชาซึ่งปลอมพระองค์เป็นขุนนาง พระราชาชอบที่ทงอีเป็นธรรมชาติ พูดตรงๆ และรื่นเริง ในที่สุดทงอีก็ไม่เป็นนางสนม แม้จะมีโอกาสเป็นถึงพระมเหสีแต่ก็ไม่ต้องการ ต่อมาทงอีมีลูกชายและตัดสินใจออกไปอยู่นอกวัง เป็นชาวบ้านธรรมดาเพราะต้องการช่วยเหลือประชาชน ลูกชายของทงอีได้เป็นกษัตริย์ที่มีชื่อว่าเอาใจใส่ดูแลประชาชนมากที่สุดคนหนึ่ง
คนเล่นเป็นทงอีอายุแค่ 23 ปี จบการแสดงจากมหาวิทยาลัย เล่นหนังมาแล้วหลายเรื่อง และได้รับรางวัลจากบททงอี
การสร้างภาพยนตร์เต็มได้ด้วยความอลังการ และมีรายละเอียดที่ดี การแต่งกายสวยงาม ผู้ชมได้ทราบประเพณีของราชสำนักเกาหลีในสมัยก่อนว่าเป็นอย่างไร ที่เหมือนกับทุกราชสำนักก็คือ การแก่งแย่งชิงดีระหว่างพระมเหสีกับนางสนม ความต้องการที่จะให้ลูกชายของตนได้เป็นรัชทายาท
เรียกได้ว่าหนังทงอีเป็นเรื่องที่ให้คติสอนใจหลายอย่าง ตัวเองก็มีบุคลิกเป็นคนฉลาดเฉลียว ช่างสังเกตต่างกับตัวเอกของไทยซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้แสดงความฉลาดหรือมีความพยายามอะไรเลย น่าคิดว่าหนังไทยจะสร้างให้ดีเหมือนหนังจีน ญี่ปุ่น เกาหลีได้หรือไม่
มีผู้อธิบายว่า เรารับอิทธิพลจากอินเดียมากกว่าจีน เราจึงมีค่านิยมที่เป็นแบบอินเดีย ส่วนเอเชียตะวันออกมีวัฒนธรรมที่แข็งกว่า ค่านิยมและการยกย่องคนจึงต่างกัน
ผมเคยมีภาพว่าคนเกาหลีหยาบไม่ละเอียดอ่อนและก้าวร้าว แต่เมื่อดูเรื่องทงอีแล้วก็เห็นความน่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่คนยุคปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้จากอดีต