ASTVผู้จัดการรายวัน – ศึกเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์เดือด ฉีกตลาดสร้างการรับรู้ผ่านโฆษณาทางทีวี “คาเนโบ” ย้ำจุดยืน ไม่ลงแข่ง ทุ่ม 10 ล้านบาท เผยโฉม Global Kanebo Sakura Counter แห่งแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมทยอยเปิดครบ 4 สาขาในสิ้นปีนี้ มั่นใจส่งภาพรวมรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
นายโทมิโอะ โอนิชิ ประธาน บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้สถานการณ์การแข่งขันของกลุ่มเครื่องสำอางโดยรวมรุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทำการตลาดและมีแบรนด์ใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มแมสและไฮเอนด์ ดังนั้นจะเห็นว่าปีนี้กลุ่มเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์หันมาใช้สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์หลายแบรนด์gพื่อต้องการสร้างการรับรู้ในภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น
ในส่วนของคาเนโบ มองว่าแบรนด์เรายังไม่ใหญ่พอที่จะต้องเข้ามาเล่นในช่องทางสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ ดังนั้นจึงยังคงเน้นการทำตลาดผ่านโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ให้มากขึ้นดีกว่า และเน้นการยกระดับการบริการให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเพื่อการบอกต่อไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่เป็นหลัก ภายใต้คอนเซ็ปต์ ความงามระดับสูงแบบญี่ปุ่น
โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2555 แบรนด์คาเนโบ จะเป็นผู้นำในเรื่องของการให้บริการ จากปัจจุบันเราอยู่ในระดับท็อป3 จากผลสำรวจทางช่องทางอินเทอร์เน็ต
ล่าสุดปีนี้ได้ปรับโฉมเคาน์เตอร์แบรนด์ คอนเซ็ปต์ใหม่ Global Kanebo Sakura Counter 1 แห่ง คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว พื้นที่กว่า 25 ตารางเมตร จากเดิม 20 ตารางเมตร เป็นเคาน์เตอร์แบบเปิด หวังให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 20% ต่อเดือน ใช้งบลงทุนประมาณ 3-4 ล้านบาท ปีนี้น่าจะเห็น 4 สาขา คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซน, โรบินสัน พิษณุโลก และเซ็นทรัล พระรามเก้า รวมลงทุนราว 10 ล้านบาท และจะทยอยปรับเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่รวมถึงเปิดใหม่อีกปีละ 2-3 สาขา จากปัจจุบัน มี Global Kanebo Sakura Counter แบบเดิมอยู่ 30 สาขา และKanebo Counter 37 สาขา
นายโทมิโอะ กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์มูลค่า 10,000 กว่าล้านบาทนั้น ปีนี้ทั้งปีน่าจะโตได้อีกประมาณ 7-8% จากปีก่อนที่ทรงตัว ในส่วนของคาเนโบ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้รวมเติบโตได้ถึง 15% มาจากเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์คาเนโบอยู่ 4 แบรนด์ คือ Impress 50%, Lunasol20%, COFFRET D’OR 15% และBlanchir Superior 15% โดยในภาพรวมของกลุ่มเครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยมแบรนด์
คาเนโบมีส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 2-5%
นายโทมิโอะ โอนิชิ ประธาน บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้สถานการณ์การแข่งขันของกลุ่มเครื่องสำอางโดยรวมรุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทำการตลาดและมีแบรนด์ใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มแมสและไฮเอนด์ ดังนั้นจะเห็นว่าปีนี้กลุ่มเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์หันมาใช้สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์หลายแบรนด์gพื่อต้องการสร้างการรับรู้ในภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น
ในส่วนของคาเนโบ มองว่าแบรนด์เรายังไม่ใหญ่พอที่จะต้องเข้ามาเล่นในช่องทางสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ ดังนั้นจึงยังคงเน้นการทำตลาดผ่านโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ให้มากขึ้นดีกว่า และเน้นการยกระดับการบริการให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเพื่อการบอกต่อไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่เป็นหลัก ภายใต้คอนเซ็ปต์ ความงามระดับสูงแบบญี่ปุ่น
โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2555 แบรนด์คาเนโบ จะเป็นผู้นำในเรื่องของการให้บริการ จากปัจจุบันเราอยู่ในระดับท็อป3 จากผลสำรวจทางช่องทางอินเทอร์เน็ต
ล่าสุดปีนี้ได้ปรับโฉมเคาน์เตอร์แบรนด์ คอนเซ็ปต์ใหม่ Global Kanebo Sakura Counter 1 แห่ง คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว พื้นที่กว่า 25 ตารางเมตร จากเดิม 20 ตารางเมตร เป็นเคาน์เตอร์แบบเปิด หวังให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 20% ต่อเดือน ใช้งบลงทุนประมาณ 3-4 ล้านบาท ปีนี้น่าจะเห็น 4 สาขา คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซน, โรบินสัน พิษณุโลก และเซ็นทรัล พระรามเก้า รวมลงทุนราว 10 ล้านบาท และจะทยอยปรับเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่รวมถึงเปิดใหม่อีกปีละ 2-3 สาขา จากปัจจุบัน มี Global Kanebo Sakura Counter แบบเดิมอยู่ 30 สาขา และKanebo Counter 37 สาขา
นายโทมิโอะ กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์มูลค่า 10,000 กว่าล้านบาทนั้น ปีนี้ทั้งปีน่าจะโตได้อีกประมาณ 7-8% จากปีก่อนที่ทรงตัว ในส่วนของคาเนโบ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้รวมเติบโตได้ถึง 15% มาจากเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์คาเนโบอยู่ 4 แบรนด์ คือ Impress 50%, Lunasol20%, COFFRET D’OR 15% และBlanchir Superior 15% โดยในภาพรวมของกลุ่มเครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยมแบรนด์
คาเนโบมีส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 2-5%
