ASTVผู้จัดการรายวัน – “โออิชิ” เดินเครื่องรุกต่างประเทศ เร่งจดลิขสิทธิ์แบรนด์ทั่วโลก พร้อมตั้งบริษัทที่ฮ่องกงเป็นฐานรุกตลาดแห่งแรก ประเดิมเอเซียก่อน ตั้งเป้ารายได้ต่างประเทศ 30% ใน 3 ปี
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มตราโออิชิ เปิดเผยว่า จากแผนการรุกตลาดต่างประเทศสำหรับชาเขียวแบรนด์โออิชิ โดยมีแผนจะตั้งบริษัทในแต่ละประเทศที่มีความสำคัญเพื่อดำเนินการด้านการตลาดเต็มที่ ล่าสุดได้ตั้งบริษัท โออิชิ ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัf ที่ประเทศฮ่องกง และเตรียมตั้งบริษัทใหม่อีกในหลายแห่ง และคาดว่าจะเริ่มทำตลาดเป็นทางการได้ภายในไตรมาสสี่ปีนี้
โดยจะใช้การส่งออกผ่านเครือข่ายของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกด (มหาชน) และใช้กำลังผลิตจากโรงานในประเทศเป็นฐานการผลิต ซึ่งมีควาพร้อมอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานที่นวนคร ที่ล่าสุดใช้งบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท ในการขยายกำลังผลิตทำให้เป็นโรงงานผลิตชาเขียวที่ผลิตได้เร็วที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิต 600 ขวดต่อนาที โดยคาดการณ์การผลิตรวมเพิ่มเป็น 180 ล้านขวดต่อปี จากกำลังผลิตในไลน์ใหม่นี้เพิ่มอีก 45 ล้านขวด และ การผลิตแบบกล่องยูเอชที 30 ล้านกล่อง รวม 75 ล้านบรรจุภัณฑ์ต่อเดือน
ขณะเดียวกันได้ทยอยจดลิขสิทธิ์สินค้าของโออิชิไว้แล้วในต่างประเทศประกอบด้วยชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ โออิชิฟรุตโตะ ชาคูลล์ซ่า ทั้งประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู และในอีกหลายประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
บริษัทฯตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 30% ภายใน 3 ปีนับจากนี้ โดยเน้นไปที่ตลาดเอเชีย เอเชียตะวันออกเ
ฉียงใต้ เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งจะมีผลในปี 2558 และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเป็นหลัก
การส่งออกนี้จะช่วยผลักดันให้โออิชิเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ รวมทั้งแข่งขันกับแบรนด์ชาเขียวระดับโลกอย่าง พ็อคก้า ได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันแบรนด์นี้ถูกซื้อกิจการไปแล้วโดยบริษัทซับโปโร ประเทศญี่ปุ่น โดยแบรดนด์นี้มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แบรนด์โออิชิมียอดขายในประเทศประมาณ 3,600 ล้านบาทต่อปี จึงยังมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
นายแมทธิวกล่าวต่อด้วยว่า บริษัทฯยังมีแผนรุกตลาดในประเทศต่อเนื่องควบคู่กันไปด้วย โดยล่าสุดเตรียมออกชาเขียวรสชาติใหม่ “ชาเขียวผสมเก๊กฮวย คิคชะ” เพื่อมาเสริมพอร์ตสินค้า จากต้นปีได้ออกใหม่หลายรายการเช่น ชาเขียวผสมผลไม้ฟรุตโตะ ชาเขียวอัดลมผสมโซดาชาคูลล์ซ่า เป็นต้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มอาหารไว้ที่ 12,000 ล้านบาท และคาดว่าอีก 5 ปีจะเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มงบลงทุนอีก 1,100 ล้านบาทสำหรับขยายโรงงานที่นวนครอีกในอนาคต
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มตราโออิชิ เปิดเผยว่า จากแผนการรุกตลาดต่างประเทศสำหรับชาเขียวแบรนด์โออิชิ โดยมีแผนจะตั้งบริษัทในแต่ละประเทศที่มีความสำคัญเพื่อดำเนินการด้านการตลาดเต็มที่ ล่าสุดได้ตั้งบริษัท โออิชิ ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัf ที่ประเทศฮ่องกง และเตรียมตั้งบริษัทใหม่อีกในหลายแห่ง และคาดว่าจะเริ่มทำตลาดเป็นทางการได้ภายในไตรมาสสี่ปีนี้
โดยจะใช้การส่งออกผ่านเครือข่ายของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกด (มหาชน) และใช้กำลังผลิตจากโรงานในประเทศเป็นฐานการผลิต ซึ่งมีควาพร้อมอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานที่นวนคร ที่ล่าสุดใช้งบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท ในการขยายกำลังผลิตทำให้เป็นโรงงานผลิตชาเขียวที่ผลิตได้เร็วที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิต 600 ขวดต่อนาที โดยคาดการณ์การผลิตรวมเพิ่มเป็น 180 ล้านขวดต่อปี จากกำลังผลิตในไลน์ใหม่นี้เพิ่มอีก 45 ล้านขวด และ การผลิตแบบกล่องยูเอชที 30 ล้านกล่อง รวม 75 ล้านบรรจุภัณฑ์ต่อเดือน
ขณะเดียวกันได้ทยอยจดลิขสิทธิ์สินค้าของโออิชิไว้แล้วในต่างประเทศประกอบด้วยชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ โออิชิฟรุตโตะ ชาคูลล์ซ่า ทั้งประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู และในอีกหลายประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
บริษัทฯตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 30% ภายใน 3 ปีนับจากนี้ โดยเน้นไปที่ตลาดเอเชีย เอเชียตะวันออกเ
ฉียงใต้ เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งจะมีผลในปี 2558 และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเป็นหลัก
การส่งออกนี้จะช่วยผลักดันให้โออิชิเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ รวมทั้งแข่งขันกับแบรนด์ชาเขียวระดับโลกอย่าง พ็อคก้า ได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันแบรนด์นี้ถูกซื้อกิจการไปแล้วโดยบริษัทซับโปโร ประเทศญี่ปุ่น โดยแบรดนด์นี้มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แบรนด์โออิชิมียอดขายในประเทศประมาณ 3,600 ล้านบาทต่อปี จึงยังมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
นายแมทธิวกล่าวต่อด้วยว่า บริษัทฯยังมีแผนรุกตลาดในประเทศต่อเนื่องควบคู่กันไปด้วย โดยล่าสุดเตรียมออกชาเขียวรสชาติใหม่ “ชาเขียวผสมเก๊กฮวย คิคชะ” เพื่อมาเสริมพอร์ตสินค้า จากต้นปีได้ออกใหม่หลายรายการเช่น ชาเขียวผสมผลไม้ฟรุตโตะ ชาเขียวอัดลมผสมโซดาชาคูลล์ซ่า เป็นต้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มอาหารไว้ที่ 12,000 ล้านบาท และคาดว่าอีก 5 ปีจะเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มงบลงทุนอีก 1,100 ล้านบาทสำหรับขยายโรงงานที่นวนครอีกในอนาคต