xs
xsm
sm
md
lg

“มาลี”เสริมใยเหล็กกลุ่มพรีเมียม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “มาลี” เพิ่มความแข็งแกร่งตลาดน้ำผลไม้ 100% หวังไล่จี้ขึ้นผู้นำกลุ่มพรีเมียม วาง 2 รสชาติใหม่ แอปเปิ้ลเขียวและองุ่นขาว หลังจากที่กลุ่มน้ำส้มยึดหัวหาดได้แล้ว หวังดันสิ้นปีนี้เติบโต 25%

นางปทุมรัตน์ เพีบรชอบ ผู้อำนวยการใหญ่ สายธุรกิจตราผลิตภัณฑ์ บริษัท มาลี สามพราน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดน้ำผลไม้ 100% หรือในเซ็กเมนต์กลุ่มพรีเมียมถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีอัตราการเติบโตสูงสุดประมาณ 21% ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้และคาดว่าจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องในอนาคตด้วย ส่วนตลาดอีโคโนมี่เติบโตน้อยสุดเพียง 5% ขณะที่ตลาดรวมเติบโต 7%

สำหรับตลาดรวมน้ำผลไม้ปีที่แล้วมีมูลค่ารวม   8,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 9,600 ล้านบาท เติบโต 7% โดยแยกเป็น กลุ่มพรีเมียม 4,000 ล้านบาท กลุ่มมีเดียม 600 ล้านบาท   กลุ่มอีโคโนมี 3,000 ล้านบาท  และกลุ่มซูเปอร์อีโคโนมี 2,000 ล้านบาท
แนวทางการทำตลาดของมาลียังคงมุ่งเน้นในตลาดระดับพรีเมียมเหมือนเดิม เนื่องจากมีความชำนาญและเป็นตลาดใหญ่ ส่วนตลาดกลุ่มอื่นไม่ได้เน้นมากนัก ซึ่งยังมีทำตลาดอยู่แต่เป็นส่วนน้อย ซึ่งปัจจุบันแบรนด์มาลี มีส่วนแบ่งประมาณ 23% เป็นอันดับที่สองในกลุ่มพรีเมียม ขณะที่แบรนด์ทิปโก้เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 43%  แต่หากมองในแง่การเติบโตแล้ว นางปทุมรัตน์ ยืนยันว่า รอบ 12 เดือนที่ผ่านมา มาลีเติบโตกว่า  25% สูงกว่าตลาดรวมที่โต 21% และสูงมากกว่าผู้นำตลาดที่โตประมาณ  13% เท่านั้นเอง

ล่าสุด มาลีได้ออกน้ำผลไม้ 2 รสชาติใหม่คือ น้ำแอปเปิลเขียวแกรนนี่สมิธ 100%  และ น้ำองุ่นขาว 100% ยูเอชที ขนาด 1,000 มิลลิลิตร ราคา 69 บาท จับกลุ่มผู้หญิงอายุระหว่าง 20-40 ปี และผู้รักสุขภาพ โดยใช้งบการตลาดรวม 20 ล้านบาท ทำตลาดเต็มรูปแบบ อะโบฟเดอะไลน์ เช่น สือวิทยุ เคเบิลทีวี สิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น และบีโลว์เดอะล์ไลน์เช่น โรดโชว์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย และทำซีอาร์เอ็มผ่าน www.facebook.com/MaleeSociety และ www.malee.co.th เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ส่งผลให้ขณะนี้มาลีมี 19 รสชาติแล้ว

ปัจจุบันน้ำส้มเป็นเซ็กเม้นต์ที่ใหญ่ที่สุดกว่า 600 ล้านบาท  ซึ่งมาลีก็มี่ความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ขณะที่น้ำองุ่นตลาดใหญ่อันดับสองมากกว่า 280 ล้านบาท และรองลงมคือ น้ำแอปเปิลและน้ำแครอทใกล้เคียงกันที่ 220 ล้านบาท  มาลีจึงขยายสองกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และมั่นใจว่า จากการทำตลาดต่อเนื่อง รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ จะผลักดันให้สิ้นปีนี้มาลีมีการเติบโต 25%  หรือมียอดขาย 2,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้บริษั?ฯมีประมาณ 2,800 ล้านบาท จากที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ย 10-20% เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น