ASTVผู้จัดการรายวัน – ทิปโก้-ซันโทรี่ ลั่นบุกเซาท์อีสเอเชียรับเอออีซี หวั่นอนาคตเหลือแบรนด์ไทยแค่ 2 แบรนด์ เหตุต่างชาติฮุบตลาด วางหมากสร้างรากฐานเครื่องดื่มไทยแข็งแกร่ง ตั้งเป้าปี 58 ส่งออกเพิ่มเป็น 25% ชูธงลุยเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อัดฉีด 60 ล้านบาท ปรับกระบวนทัพดาการะใหม่ ระบุรายได้อีก 4 ปีข้างหน้ากลุ่มเครื่องดื่มพุ่งแตะ 5,000 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล รองประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่างทิปโก้และซันโทรี่) ผู้ผลิตฟังก์ชันนัลดริงก์ดาการะ เปิดเผยว่า นโยบายหลังจากบริษัททิปโก้และซันโทรี่ ได้ร่วมทุนบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี สัดส่วนถือหุ้น 50:50 วางเป้าหมายรุกขยายตลาดซอฟต์ดริงก์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ต้องการสร้างรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มจาก 2,200 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท และการส่งออกเครื่องดื่มของบริษัทเพิ่มจาก 5% เป็น 25% นำร่องขยายตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม จากปัจจุบันสินค้าส่งออกของบริษัท 10 ประเทศในอาเซียน เป็นน้ำผลไม้ทิปโก้ทั้งหมด
“การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะส่งผลให้การแข่งขันเครื่องดื่มมีความรุนแรงมากขึ้น ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผลิตภัณฑ์จะเหลือสินค้าไทย 2 แบรนด์หลักเท่านั้น ที่เหลือจะเป็นแบรนด์จากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย”
นายคิมิยะ โอนูกิ ผู้จัดการสำนักงานผู้แทนสำนักงานกรุงเทพ ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพตลาดซอฟต์ดริงก์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นบริษัทแม่ต้องการสร้างฐานตลาดเครื่องดื่มของซันโทรี่ที่เกิดจากการร่วมทุนกับบริษัททิปโก้ ให้มีความแข็งแกร่งในประเทศไทยในระหว่างปี 2554-2558 ก่อนที่จะขยายไปยังอาเซียน โดยเฉพาะฟังก์ชันนัลดริงก์ดาการะ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวทำตลาดมา 2ปี และล่าสุดบริษัทได้รีลอนช์ใหม่โดยทุ่มงบการตลาด 60 ล้านบาท เปิดตัว”ดาการะ เบเนฟิต” ลงสู่ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 2,400 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดจากนี้บริษัทจะโฟกัสฟังก์ชันนัลดริงก์เพื่อสุขภาพมากกว่าความงาม เนื่องจากพบว่า ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ 2,400 ล้านบาท ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหดตัวลง 4% สวนทางกับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 100-200% ทั้งนี้เพราะฟังก์ชันนัลดริงก์เซกเมนต์เพื่อความงาม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ชะลอการเติบโตลง
โดยมีสาเหตุจากการเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง พบว่า ผู้นำตลาดบิวติ ดริ้งค์ มีส่วนแบ่งลดลงจาก 70% เหลือ 46% ส่วนเซกเมนต์ฟังก์ชันนัลดริงก์เพื่อสุขภาพ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น จากการที่อะมิโน พลัส มีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 20% และบีอิ้ง 16%
นายวิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงทั่วเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งประเทศไทยด้วยซึ่งพบว่า มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมองหาเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งจุดแข็งของดาการะ เบเนฟิต เป็นเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ ไม่เติมน้ำตาล มี 2 รสชาติ คือ แอปเปิ้ล-ไฟเบอร์ และเบอรี่-บีน ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นตลาดเครื่องดื่มทุกแคธิกอรี่ในปัจจุบันนี้เป็นเครื่องดื่มซีโรที่กำลังมาแรง
อย่างไรก็ตามบริษัทจะเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และปีหน้าจะเปิดตัวอีก 1 ตัว ซึ่งสินค้าที่จะมาเปิดตัวในประเทศไทย จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มของซันโทรี่ที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นหรือมียอดขาย 1,000 ล้านลัง ซึ่งปัจจุบันซันโทรี่ในประเทศญี่ปุ่น รายได้หลักยังมาจากยอดขายภายในประเทศ 70% และ 18% มาจากยุโรป 10% ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และที่เหลือ 2% มาจากจีน ไต้หวัน และไทย ในอนาคตบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 50% และต่างประเทศ 50%
“ที่ผ่านมาเราปรับกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ โดยทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งซันโทรี่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิต การวิจัยและพัฒนา ขณะที่ทิปโก้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาด มีความเข้าใจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคไทย และมั่นใจว่าร่วมมือดังกล่าวจะขยายตลาดประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งโรงงานยังสามารถรองรับกับการขยายตัวจากปัจจุบันกำลังการผลิต 130 ล้านลิตรต่อปี และวางแผนเพิ่มไลน์การผลิตลงทุน 50-60 ล้านบาทต่อปี”
ทั้งนี้เป้าหมายของการทำตลาดบริษัทต้องการเป็นท็อปทรีหรือ 1 ใน 3 ของแคธิกอรี่ที่เข้าไปทำตลาด จากปัจจุบันทิปโก้เป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 100% สำหรับดาการะจากการกลับมาทำตลาดเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 5% หรือยอดขาย 120 ล้านบาท หรือเป็นอันดับ 4-5 ของตลาด สำหรับสิ้นปีนี้ผลประกอบการของบริษัทตั้งเป้าโต 20% หรือมีรายได้ 6,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมีรายได้ 5,000
ล้านบาท และในปี 2558 กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มจาก 2,200 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เครื่องดื่มทิปโก้ 90% เหลือเป็น 50% และซันโทรี่เพิ่มจาก 10% เป็น 50%
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล รองประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่างทิปโก้และซันโทรี่) ผู้ผลิตฟังก์ชันนัลดริงก์ดาการะ เปิดเผยว่า นโยบายหลังจากบริษัททิปโก้และซันโทรี่ ได้ร่วมทุนบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี สัดส่วนถือหุ้น 50:50 วางเป้าหมายรุกขยายตลาดซอฟต์ดริงก์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ต้องการสร้างรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มจาก 2,200 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท และการส่งออกเครื่องดื่มของบริษัทเพิ่มจาก 5% เป็น 25% นำร่องขยายตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม จากปัจจุบันสินค้าส่งออกของบริษัท 10 ประเทศในอาเซียน เป็นน้ำผลไม้ทิปโก้ทั้งหมด
“การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะส่งผลให้การแข่งขันเครื่องดื่มมีความรุนแรงมากขึ้น ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผลิตภัณฑ์จะเหลือสินค้าไทย 2 แบรนด์หลักเท่านั้น ที่เหลือจะเป็นแบรนด์จากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย”
นายคิมิยะ โอนูกิ ผู้จัดการสำนักงานผู้แทนสำนักงานกรุงเทพ ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพตลาดซอฟต์ดริงก์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นบริษัทแม่ต้องการสร้างฐานตลาดเครื่องดื่มของซันโทรี่ที่เกิดจากการร่วมทุนกับบริษัททิปโก้ ให้มีความแข็งแกร่งในประเทศไทยในระหว่างปี 2554-2558 ก่อนที่จะขยายไปยังอาเซียน โดยเฉพาะฟังก์ชันนัลดริงก์ดาการะ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวทำตลาดมา 2ปี และล่าสุดบริษัทได้รีลอนช์ใหม่โดยทุ่มงบการตลาด 60 ล้านบาท เปิดตัว”ดาการะ เบเนฟิต” ลงสู่ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 2,400 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดจากนี้บริษัทจะโฟกัสฟังก์ชันนัลดริงก์เพื่อสุขภาพมากกว่าความงาม เนื่องจากพบว่า ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ 2,400 ล้านบาท ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหดตัวลง 4% สวนทางกับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 100-200% ทั้งนี้เพราะฟังก์ชันนัลดริงก์เซกเมนต์เพื่อความงาม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ชะลอการเติบโตลง
โดยมีสาเหตุจากการเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง พบว่า ผู้นำตลาดบิวติ ดริ้งค์ มีส่วนแบ่งลดลงจาก 70% เหลือ 46% ส่วนเซกเมนต์ฟังก์ชันนัลดริงก์เพื่อสุขภาพ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น จากการที่อะมิโน พลัส มีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 20% และบีอิ้ง 16%
นายวิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงทั่วเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งประเทศไทยด้วยซึ่งพบว่า มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมองหาเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งจุดแข็งของดาการะ เบเนฟิต เป็นเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ ไม่เติมน้ำตาล มี 2 รสชาติ คือ แอปเปิ้ล-ไฟเบอร์ และเบอรี่-บีน ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นตลาดเครื่องดื่มทุกแคธิกอรี่ในปัจจุบันนี้เป็นเครื่องดื่มซีโรที่กำลังมาแรง
อย่างไรก็ตามบริษัทจะเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และปีหน้าจะเปิดตัวอีก 1 ตัว ซึ่งสินค้าที่จะมาเปิดตัวในประเทศไทย จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มของซันโทรี่ที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นหรือมียอดขาย 1,000 ล้านลัง ซึ่งปัจจุบันซันโทรี่ในประเทศญี่ปุ่น รายได้หลักยังมาจากยอดขายภายในประเทศ 70% และ 18% มาจากยุโรป 10% ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และที่เหลือ 2% มาจากจีน ไต้หวัน และไทย ในอนาคตบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 50% และต่างประเทศ 50%
“ที่ผ่านมาเราปรับกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ โดยทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งซันโทรี่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิต การวิจัยและพัฒนา ขณะที่ทิปโก้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาด มีความเข้าใจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคไทย และมั่นใจว่าร่วมมือดังกล่าวจะขยายตลาดประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งโรงงานยังสามารถรองรับกับการขยายตัวจากปัจจุบันกำลังการผลิต 130 ล้านลิตรต่อปี และวางแผนเพิ่มไลน์การผลิตลงทุน 50-60 ล้านบาทต่อปี”
ทั้งนี้เป้าหมายของการทำตลาดบริษัทต้องการเป็นท็อปทรีหรือ 1 ใน 3 ของแคธิกอรี่ที่เข้าไปทำตลาด จากปัจจุบันทิปโก้เป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 100% สำหรับดาการะจากการกลับมาทำตลาดเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 5% หรือยอดขาย 120 ล้านบาท หรือเป็นอันดับ 4-5 ของตลาด สำหรับสิ้นปีนี้ผลประกอบการของบริษัทตั้งเป้าโต 20% หรือมีรายได้ 6,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมีรายได้ 5,000
ล้านบาท และในปี 2558 กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มจาก 2,200 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เครื่องดื่มทิปโก้ 90% เหลือเป็น 50% และซันโทรี่เพิ่มจาก 10% เป็น 50%