มุกดาหาร - ทางการลาวปล่อย 3 คนไทย ที่ถูกจับกุมข้อหาถ่ายภาพสถานที่เกี่ยวกับความมั่นคงของลาว หลังจากถูกควบคุมตัวไว้สอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายลาว 30 วัน เตือนคนไทยที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในลาวต้องศึกษาระเบียบข้อบังคับ กฎหมายให้ดีก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันการกระทำผิดและถูกจับกุม
จากกรณี 3 หนุ่มไทยขับรถตระเวนเที่ยวในเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) และถูกตำรวจลาวจับกุมตั้งข้อหาจารกรรมโดยการถ่ายรูปแบบเปิดเผย เพราะมีภาพถ่ายสถานีเรดาร์ทางทหาร ต่อมาทางการลาวให้ผู้ต้องหาโทรศัพท์บอกญาติ ก่อนติดต่อสถานทูตลาวให้ช่วยเหลือ เพราะเชื่อไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ่ายติดเรดาร์เป็นแบ็กกราวนด์ภาพวิว ต่อมาจังหวัดอุบลราชธานี ประสานไปทางเจ้าแขวงให้ช่วยเหลือ แต่ฝ่ายลาวอ้างขอตรวจสอบรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้รับมอบหมายจาก นายชาญวิทย์ วสยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ไปรับคนไทย 3 คน ประกอบด้วย นายสามารถ เยาว์ธานี อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงราย นายวรพล คำเสนา อายุ 35 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงราย และนายธันวา สุภาคำ อายุ 35 ปี ภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร หลังจากถูกทางการลาวจับกุมในข้อหา ถ่ายภาพสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของลาวที่แขวงสะหวันนะเขต เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2554 ที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ที่ ด่านตรวจคนเข้าเมือง มุกดาหาร
ทั้งนี้ จากการที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับการประสานงานจากรัฐบาลไทย ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือคนไทย 3 คนดังกล่าวซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว จับกุมในข้อหาถ่ายภาพสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของลาว ต่อมาสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ได้รับการยืนยันจากแขวงสะหวันนะเขตว่าได้จับกุมนักท่องเที่ยวคนไทยทั้ง 3 ราย ที่เมืองอุทุมพอน ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อเมืองเซโน แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2554 ในข้อหาถ่ายภาพสถานีเรดาร์กองพันใหญ่ป้องกันอากาศ เมืองอุทุมพอน แขวงสะหวันนะเขต
หลังจากนั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ และสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ได้ดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบและขั้นตอนของทางการลาวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัว หลังจากถูกควบคุมตัวและสอบสวนเป็นเวลา 1 เดือน พร้อมกับเงินค่าปรับในการกระทำผิดคนละ 3 ล้านกีบ หรือประมาณ 12,000 บาท
นายสามารถ เยาว์ธานี 1 ใน 3 คนไทยที่ถูกทางการลาวจับกุมครั้งนี้ ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย กล่าวว่ารู้สึกดีใจ ที่ได้รับอิสรภาพและเดินทางกลับไทย เพราะตลอดเวลาที่ถูกจับกุมไม่ทราบชะตากรรมว่าจะถูกคุมขังนานเท่าใด เพราะไม่สามารถติดต่อกับทางบ้านได้ หรือติดต่อกับใครได้เลย และไม่ทราบเป็นข้อหาร้ายแรงหรือไม่ นอกจากนี้ยิ่งเป็นกังวลเมื่อได้ยิน ผู้ถูกคุมขัง ซึ่งเป็นคนลาวและอยู่ที่เดียวกันบอกว่า การถ่ายรูปสถานที่ต้องห้าม โดยเฉพาะเกี่ยวกับความมั่นคงของลาว มีโทษหนักจำคุก 5-7 ปี แต่ก็ดีใจเมื่อทราบว่าจะได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับประเทศไทย
พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือและได้รับอิสรภาพ และเดินทางกลับประเทศไทย และได้ให้ข้อคิดสำหรับคนไทย หรือนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปสปป.ลาว ว่าจะต้องทราบถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสปป.ลาว โดยเฉพาะการห้ามถ่ายภาพสถานที่ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เพื่อป้องกันการถูกจับกุมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลลาว และแขวงสะหวันนะเขต ที่ได้ให้การดูแลคนไทยทั้ง 3 คน ตลอดจนช่วยเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายของลาว จนได้รับการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว และได้กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ว่า เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่รู้กฎหมายของลาว
ดังนั้น จึงฝากให้คนไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้าไปในลาวให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบข้อห้ามต่างๆ ตลอดจนบทลงโทษให้ดีก่อนที่จะเดินทางเข้าลาว โดยสามารถศึกษาหาข้อมูลได้ที่หน่วยงานต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ
สำหรับ 3 นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจังหวัดอุบลราชธานี ด้วยรถกระบะดีแมคซ์สีเทาดำทะเบียน บพ 7893 เชียงราย โดยแจ้งออกจากด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร เมื่อสายวันที่ 21 ก.ค. มีจุดหมายเดินทางท่องเที่ยวในลาวใต้และลาวเหนือเป็นเวลา 10 วัน โดยรถคันดังกล่าวเป็นของนายธันวา สุภาคำ ซึ่งมีอาชีพขายวัสดุก่อสร้าง ส่วนนายวรพล คำเสนา ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพในกรุงเทพฯ โดยทั้ง 3 รู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนนักศึกษาที่เรียนมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ