00 นี่ก็เริ่ม “ทำทันที” เป็นหนึ่งใน “วาระเร่งด่วน” ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมือนกันสำหรับการแก้ไขรธน.ตั้งเป้าหมายว่าจะยกร่างรื้อกันทั้งฉบับ แต่หลักการที่ไม่กระมิดกระเมี้ยนก็คือจะใช้ “ฉบับปี 40” เป็นต้นแบบ อ้างรธน.ปี 50 เป็นผลผลิตเผด็จการ พูดแค่นี้ก็เห็นอะไรรางๆแล้วใช่ไหมว่าเป้าหมายสูงสุดนั้นทำเพื่ออะไร แต่เฉลยแบบไม่อ้อมค้อมก็ได้ว่า เพื่อช่วยเหลือ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “พี่ชาย” นั่นแหละ
00 คราวนี้จะไม่ใช้วิธีเดิมๆ แต่จะ “เนียน” กว่าเดิมอ้าง “ชาวบ้านมีส่วนร่วม” หรือแบบตัวแทนของชาวบ้านทั่วประเทศผ่าน ส.ส.ร.จังหวัด มีการเลือกตั้งเข้ามา จากนั้นก็มาคัดเลือก นักวิชาการ ตัวแทนฝ่ายต่างๆซึ่งมันก็แหงอยู่แล้วว่า “เสียงมากลากไป” แบบไหน จะให้ไปลงนรก “ลงที่แม้ว” ก็แล้วแต่จะวางเข็มทิศมุ่งไปได้ทั้งนั้นแหละ แต่สำคัญต้องมี “บทเฉพาะกาล” ในมาตราสุดท้ายระบุว่าความผิดหรือ “บทบัญญัติบางอย่าง” ที่เป็นโทษในรธน.ปี 50 หรือที่เคยแต่งตั้งหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นอันยกเลิก หรือให้เสมือนหนึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน แค่นี้ก็ “หวานหมู”
00 ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็เชิญ คิดว่าชาวบ้านเขากินแกลบไม่รู้เท่าทัน พวกนักการเมือง “ขี้ฉ้อ-อุบาทว์” พรรย์นี้ก็เชิญ ถ้าคิดว่าบทเรียนในอดีตหลายครั้งไม่เคยจดจำก็ว่ากันไปให้เต็มที่ ทั้งที่คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วว่า ปัญหาของบ้านเมืองทุกวันนี้มันไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย หรืออยู่ที่ รธน.แต่อยู่ที่ “นักการเมืองเลว” ต่างหาก ปัญหาแท้จริงของ รธน.ฉบับปี 50 ไม่ใช่เรื่องมาจากเผด็จการอะไรหรอก เพียงแต่ว่ามันเข้มงวดจนพวกขี้โกงมันอึดอัด ขยับลำบากต่างหากจึงต้องหาทางฉีกทิ้ง งานนี้ถ้ามั่นใจก็ลองเสี่ยงดูก็ได้นะแม้ว อาจจะไร้แผ่นดินอยู่แบบถาวรก็ได้นะ !!
00 หลังจากส่งเสียงเฮกันไปแล้วกับการลดราคาน้ำมันสามตัวหลักทั้งเบนซินและดีเซล ต่อไปก็กำลังลุ้นกันอยู่ว่าจะมีการ “กระชาก” ราคาสินค้าให้ลงมาได้เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ทุกทีจะอ้างว่าแบกต้นทุนราคาน้ำมันไม่ไหวต้อง “ขึ้นราคา” บอกว่าทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ขาดทุนจนทนไม่ไหวสารพัดที่จะอ้าง แต่พอน้ำมันราคาลดลงมาเป็นกอบเป็นกำกลับบอกหน้าตาเฉยว่า “ไม่เกี่ยวกัน” แถมอ้างแบบสมควรถูกกระทืบว่า ต้นทุนจากน้ำมันมีไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ ทุด !!
00 จำกันได้หรือไม่ว่าพวกรถร่วม บขส.ที่พอน้ำมันปรับราคาทีหนึ่งก็จะเห็นหน้า “เจ๊เกียว” ออกมาขู่ทีหนึ่งว่าต้องขึ้นค่าตั๋วอีกหนึ่งสตางค์ต่อลิตรทุกที หรือบอกว่าถ้าน้ำมันดีเซลปรับเกิน 30 บาทต่อลิตร อยู่ไม่ได้ต้องปรับตาม แล้วทีนี้เป็นไงกลับบอกว่าไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันดีเซล น่าตบจริงๆ อีกรายก็คือ “เรือโดยสารคลองแสนแสบ” ไม่กี่สัปดาห์ก่อนอ้างเหตุผลชุ่ยๆว่า “ด้วยเหตุผลที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง(ทั้งที่รัฐบาลมาร์ค ตรึงดีเซลในกทม.ที่ลิตรละ 29.99 บาท) มันก็บอกว่าต้องขึ้น แต่พอดีเซลลดลง 3 บาท ก็โยกโย้และลดแค่ 1 บาทเท่านั้น ก็ต้องรอดูฝีมือของ รมว.คมนาคม “เพื่อนแม้ว” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ว่าจะมีปัญญากระชากลงมาได้แค่ไหน รวมถึง รมว.พาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าจะบีบให้พ่อค้าลดราคาสินค้าได้แบบปัจจุบันทันด่วนหรือไม่
00 เรื่อง “ค่าครองชีพ” นี่แหละถือเป็นเรื่องใหญ่ และพังมานักต่อนักแล้ว แรกๆอาจยังดูไม่ออก แต่เชื่อว่าผ่านไปไม่เกิน 2-3 เดือนรับรองว่า “ของจริง” ต้องปรากฏออกมาให้เห็นแน่นอน และถือว่าเป็นเครื่องชี้ชะตาอนาคตของ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ แท้จริง และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า “ทำงานเป็นทีม” หรือ “โกงกันเป็นทีม” หรือไม่ รอดูก็แล้วกัน
00 สะสมความเสื่อมกันไปเรื่อยๆแล้วกัน หลังจากได้ “บำเหน็จรางวัล” พวก “แก๊งแดงเผาเมือง” ให้มีตำแหน่งแห่งที่ได้ไปแอ็กอาร์ต กันตามหมู่บ้านต่างๆกันถ้วนหน้าแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือการ “ล้างบาง” ข้าราชการฝ่ายตรงข้ามแล้วตั้งคนของตัวเองที่ไว้ใจได้เข้าไปเสียบแทน เริ่มจาก สตช.ก่อน เวลานี้ไม่ต้องบอกก็ต้องรู้ว่าคนที่ “สั่น”ที่สุดเป็นใครไม่ได้นอกจาก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เพราะดันไปนั่งขวางทาง “พี่เมียแม้ว” คือ พล.ต.อ.บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ที่สำคัญต้องเป็น “วาระเร่งด่วน” เสียด้วย เพราะถ้าวืดเที่ยวนี้ก็จบเห่หาใช่ใครที่ไหนแต่เป็น “เป็ดเหลิม” นั่นแหละ รู้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าสมใจนึกแล้วอย่าลืมไปตบรางวัลให้ “เสี่ยชูวิทย์” เขาด้วยละ !!
00 อย่างไรก็ดี ใช่ว่า คนอย่าง พล.ต.อ.วิเชียร จะเป็น “ตะเกียงไร้น้ำมัน” เสียทีเดียว แม้จะรู้ชะตากรรมล่วงหน้า แต่ก็ยังดิ้นเฮือกสุท้าย ได้กำลังใจจาก “ป๋าเปรม” ให้ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างผู้ใต้บังคับบัญชา ที่สำคัญได้กำลังใจออกมาจาก “บ้านสี่เสา” ว่าดีใจที่มาเป็นผบ.ตร.และได้รับการตอบรับดีจากสังคมมันก็มีความหมายไม่น้อย !!
00 คราวนี้จะไม่ใช้วิธีเดิมๆ แต่จะ “เนียน” กว่าเดิมอ้าง “ชาวบ้านมีส่วนร่วม” หรือแบบตัวแทนของชาวบ้านทั่วประเทศผ่าน ส.ส.ร.จังหวัด มีการเลือกตั้งเข้ามา จากนั้นก็มาคัดเลือก นักวิชาการ ตัวแทนฝ่ายต่างๆซึ่งมันก็แหงอยู่แล้วว่า “เสียงมากลากไป” แบบไหน จะให้ไปลงนรก “ลงที่แม้ว” ก็แล้วแต่จะวางเข็มทิศมุ่งไปได้ทั้งนั้นแหละ แต่สำคัญต้องมี “บทเฉพาะกาล” ในมาตราสุดท้ายระบุว่าความผิดหรือ “บทบัญญัติบางอย่าง” ที่เป็นโทษในรธน.ปี 50 หรือที่เคยแต่งตั้งหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นอันยกเลิก หรือให้เสมือนหนึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน แค่นี้ก็ “หวานหมู”
00 ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็เชิญ คิดว่าชาวบ้านเขากินแกลบไม่รู้เท่าทัน พวกนักการเมือง “ขี้ฉ้อ-อุบาทว์” พรรย์นี้ก็เชิญ ถ้าคิดว่าบทเรียนในอดีตหลายครั้งไม่เคยจดจำก็ว่ากันไปให้เต็มที่ ทั้งที่คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วว่า ปัญหาของบ้านเมืองทุกวันนี้มันไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย หรืออยู่ที่ รธน.แต่อยู่ที่ “นักการเมืองเลว” ต่างหาก ปัญหาแท้จริงของ รธน.ฉบับปี 50 ไม่ใช่เรื่องมาจากเผด็จการอะไรหรอก เพียงแต่ว่ามันเข้มงวดจนพวกขี้โกงมันอึดอัด ขยับลำบากต่างหากจึงต้องหาทางฉีกทิ้ง งานนี้ถ้ามั่นใจก็ลองเสี่ยงดูก็ได้นะแม้ว อาจจะไร้แผ่นดินอยู่แบบถาวรก็ได้นะ !!
00 หลังจากส่งเสียงเฮกันไปแล้วกับการลดราคาน้ำมันสามตัวหลักทั้งเบนซินและดีเซล ต่อไปก็กำลังลุ้นกันอยู่ว่าจะมีการ “กระชาก” ราคาสินค้าให้ลงมาได้เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ทุกทีจะอ้างว่าแบกต้นทุนราคาน้ำมันไม่ไหวต้อง “ขึ้นราคา” บอกว่าทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ขาดทุนจนทนไม่ไหวสารพัดที่จะอ้าง แต่พอน้ำมันราคาลดลงมาเป็นกอบเป็นกำกลับบอกหน้าตาเฉยว่า “ไม่เกี่ยวกัน” แถมอ้างแบบสมควรถูกกระทืบว่า ต้นทุนจากน้ำมันมีไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ ทุด !!
00 จำกันได้หรือไม่ว่าพวกรถร่วม บขส.ที่พอน้ำมันปรับราคาทีหนึ่งก็จะเห็นหน้า “เจ๊เกียว” ออกมาขู่ทีหนึ่งว่าต้องขึ้นค่าตั๋วอีกหนึ่งสตางค์ต่อลิตรทุกที หรือบอกว่าถ้าน้ำมันดีเซลปรับเกิน 30 บาทต่อลิตร อยู่ไม่ได้ต้องปรับตาม แล้วทีนี้เป็นไงกลับบอกว่าไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันดีเซล น่าตบจริงๆ อีกรายก็คือ “เรือโดยสารคลองแสนแสบ” ไม่กี่สัปดาห์ก่อนอ้างเหตุผลชุ่ยๆว่า “ด้วยเหตุผลที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง(ทั้งที่รัฐบาลมาร์ค ตรึงดีเซลในกทม.ที่ลิตรละ 29.99 บาท) มันก็บอกว่าต้องขึ้น แต่พอดีเซลลดลง 3 บาท ก็โยกโย้และลดแค่ 1 บาทเท่านั้น ก็ต้องรอดูฝีมือของ รมว.คมนาคม “เพื่อนแม้ว” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ว่าจะมีปัญญากระชากลงมาได้แค่ไหน รวมถึง รมว.พาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าจะบีบให้พ่อค้าลดราคาสินค้าได้แบบปัจจุบันทันด่วนหรือไม่
00 เรื่อง “ค่าครองชีพ” นี่แหละถือเป็นเรื่องใหญ่ และพังมานักต่อนักแล้ว แรกๆอาจยังดูไม่ออก แต่เชื่อว่าผ่านไปไม่เกิน 2-3 เดือนรับรองว่า “ของจริง” ต้องปรากฏออกมาให้เห็นแน่นอน และถือว่าเป็นเครื่องชี้ชะตาอนาคตของ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ แท้จริง และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า “ทำงานเป็นทีม” หรือ “โกงกันเป็นทีม” หรือไม่ รอดูก็แล้วกัน
00 สะสมความเสื่อมกันไปเรื่อยๆแล้วกัน หลังจากได้ “บำเหน็จรางวัล” พวก “แก๊งแดงเผาเมือง” ให้มีตำแหน่งแห่งที่ได้ไปแอ็กอาร์ต กันตามหมู่บ้านต่างๆกันถ้วนหน้าแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือการ “ล้างบาง” ข้าราชการฝ่ายตรงข้ามแล้วตั้งคนของตัวเองที่ไว้ใจได้เข้าไปเสียบแทน เริ่มจาก สตช.ก่อน เวลานี้ไม่ต้องบอกก็ต้องรู้ว่าคนที่ “สั่น”ที่สุดเป็นใครไม่ได้นอกจาก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เพราะดันไปนั่งขวางทาง “พี่เมียแม้ว” คือ พล.ต.อ.บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ที่สำคัญต้องเป็น “วาระเร่งด่วน” เสียด้วย เพราะถ้าวืดเที่ยวนี้ก็จบเห่หาใช่ใครที่ไหนแต่เป็น “เป็ดเหลิม” นั่นแหละ รู้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าสมใจนึกแล้วอย่าลืมไปตบรางวัลให้ “เสี่ยชูวิทย์” เขาด้วยละ !!
00 อย่างไรก็ดี ใช่ว่า คนอย่าง พล.ต.อ.วิเชียร จะเป็น “ตะเกียงไร้น้ำมัน” เสียทีเดียว แม้จะรู้ชะตากรรมล่วงหน้า แต่ก็ยังดิ้นเฮือกสุท้าย ได้กำลังใจจาก “ป๋าเปรม” ให้ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างผู้ใต้บังคับบัญชา ที่สำคัญได้กำลังใจออกมาจาก “บ้านสี่เสา” ว่าดีใจที่มาเป็นผบ.ตร.และได้รับการตอบรับดีจากสังคมมันก็มีความหมายไม่น้อย !!