ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง “แด๊ก บิ๊กแอส” พรากผู้เยาว์วัย 15 โดยอ้างสัดส่วนฝ่ายหญิงเป็นหลักฐาน ซึ่งศาลชี้ทำไปเพราะสำคัญผิดว่าผู้เสียหายอายุเกิน 18 ขณะที่เจ้าตัวยิ้มรับผลการตัดสินที่ไม่มีความผิดติดตัว
วานนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 กับมารดา น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด หรือแด๊ก บิ๊กแอส นักร้องนำวงร็อกชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย กรณีกระทำชำเรา น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 15 ปีเศษ (ขณะนั้น) จนตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2550 ว่า น.ส.ฝ้าย ยังอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพา น.ส.ฝ้ายไปมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้งนั้น ถือเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อศีลธรรมและสังคม และจำเลยยังไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้เสียหาย ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดจริงฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 319 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกไว้ 1 ปี 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้คุมประพฤติจำเลยไว้ตลอดระยะเวลารอการลงโทษ โดยมีเงื่อนไขว่า ให้จำเลยผลิตเพลงเพื่อเยาวชนต่อต้านยาเสพติดและอบายมุข ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง อ้างว่าสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่า น.ส.ฝ้าย ผู้เสียหาย มีอายุเกินกว่า 20 ปีแล้ว จำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิด
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ หรือไม่ เห็นว่า ทางนำสืบพยานปากอื่นเบิกความว่า น.ส.ฝ้าย มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าหากจะเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยสูงถึง 170 เซนติเมตร สัดส่วน 36-26-35 ประกอบกับ น.ส.ฝ้าย ยังเบิกความยอมรับว่า ไม่เคยบอกอายุให้จำเลยทราบ จนกระทั่ง น.ส.ฝ้ายตั้งครรภ์ จึงส่งข้อความมาบอกอายุ เพื่อให้จำเลยรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะให้มารดาเอาเรื่อง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่า น.ส.ฝ้าย มีอายุไม่ถึง 18 ปี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อาญา ม.319 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ภายหลัง นายเอกรัตน์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เพราะทำให้ประวัติของตนเคลียร์ไม่มีความผิดติดตัวต่างกับการรอลงอาญาที่รู้สึกว่าเราเคยทำผิดมา ส่วนเรื่องงานเพลงกำลังหาแรงบันดาลใจในการทำผลงาน
วานนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 กับมารดา น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด หรือแด๊ก บิ๊กแอส นักร้องนำวงร็อกชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย กรณีกระทำชำเรา น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 15 ปีเศษ (ขณะนั้น) จนตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2550 ว่า น.ส.ฝ้าย ยังอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพา น.ส.ฝ้ายไปมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้งนั้น ถือเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อศีลธรรมและสังคม และจำเลยยังไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้เสียหาย ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดจริงฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 319 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกไว้ 1 ปี 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้คุมประพฤติจำเลยไว้ตลอดระยะเวลารอการลงโทษ โดยมีเงื่อนไขว่า ให้จำเลยผลิตเพลงเพื่อเยาวชนต่อต้านยาเสพติดและอบายมุข ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง อ้างว่าสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่า น.ส.ฝ้าย ผู้เสียหาย มีอายุเกินกว่า 20 ปีแล้ว จำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิด
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ หรือไม่ เห็นว่า ทางนำสืบพยานปากอื่นเบิกความว่า น.ส.ฝ้าย มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าหากจะเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยสูงถึง 170 เซนติเมตร สัดส่วน 36-26-35 ประกอบกับ น.ส.ฝ้าย ยังเบิกความยอมรับว่า ไม่เคยบอกอายุให้จำเลยทราบ จนกระทั่ง น.ส.ฝ้ายตั้งครรภ์ จึงส่งข้อความมาบอกอายุ เพื่อให้จำเลยรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะให้มารดาเอาเรื่อง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่า น.ส.ฝ้าย มีอายุไม่ถึง 18 ปี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อาญา ม.319 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ภายหลัง นายเอกรัตน์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เพราะทำให้ประวัติของตนเคลียร์ไม่มีความผิดติดตัวต่างกับการรอลงอาญาที่รู้สึกว่าเราเคยทำผิดมา ส่วนเรื่องงานเพลงกำลังหาแรงบันดาลใจในการทำผลงาน