xs
xsm
sm
md
lg

พิพากษากลับยกฟ้อง “แด๊ก บิ๊กแอส” พรากเด็ก 15

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ นายเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด หรือ แด๊ก บิ๊กแอส นักร้องนำวงร็อกชื่อดัง “บิ๊กแอส”
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง “แด๊ก บิ๊กแอส” พรากผู้เยาว์วัย 15 ศาลชี้ทำไปเพราะสำคัญผิดว่าผู้เสียหายอายุเกิน 18 ขณะที่เจ้าตัวยิ้มรับผลการตัดสินที่ไม่มีความผิดติดตัว

วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 กับมารดา น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด หรือแด๊ก บิ๊กแอส นักร้องนำวงร็อกชื่อดัง “บิ๊กแอส” เป็นจำเลยในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย กรณีกระทำชำเรา น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 15 ปีเศษ (ขณะนั้น) จนตั้งครรภ์และให้กำเนิด

คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่าเมื่อประมาณต้นเดือน ธ.ค. 2546 ถึงปลายเดือน เม.ย. 2548 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้พราก น.ส.ฝ้าย อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากมารดา พา น.ส.ฝ้ายไปกระทำชำเราและเพื่อสำเร็จความใคร่หลายครั้งหลายคราวต่างวาระกัน ตามห้องเช่า โรงแรม และสถานที่ต่างๆ อีกหลายแห่ง เหตุเกิดที่แขวงลาดพร้าว เขตบางกะปิ และเขตสะพานสูง กทม.

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2550 น.ส.ฝ้าย ยังอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพา น.ส.ฝ้ายไปมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้งนั้นถือเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อศีลธรรมและสังคม และจำเลยยังไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้เสียหาย ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดจริงฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 319 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกไว้ 1 ปี 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้คุมประพฤติจำเลยไว้ตลอดระยะเวลารอการลงโทษ โดยมีเงื่อนไขว่าให้จำเลยผลิตเพลงเพื่อเยาวชนต่อต้านยาเสพติดและอบายมุข ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง อ้างว่าสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่า น.ส.ฝ้าย ผู้เสียหาย มีอายุเกินกว่า 20 ปีแล้ว จำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิด

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยรู้จักกับ น.ส.ฝ้าย ผู้เสียหายที่ขณะนั้นอายุประมาณ 15 ปีเศษ เมื่อปี 2546 และมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้ง จนกระทั่ง น.ส.ฝ้ายได้ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย แต่ผลการตรวจดีเอ็นเอรวม 2 ครั้ง ปรากฏว่าจำเลยไม่ใช่บิดาของบุตรชาย น.ส.ฝ้าย

คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยกระทำผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ หรือไม่ เห็นว่า จำเลยรู้จัก น.ส.ฝ้าย ที่ร้านอาหารซันไชน์ ถนนเกษตร-นวมินทร์ โดย น.ส.ฝ้าย อ้างว่าเป็นนางแบบนิตยสาร “ฟอร์เมน” และมีการแลกเบอร์โทรศัพท์กันแล้ว น.ส.ฝ้าย ได้โทรศัพท์มาหาจำเลย ให้ซื้อนิตยสารมาดู ซึ่งนิตยสารดังกล่าวที่มีรูปภาพของ น.ส.ฝ้าย และข้อความระบุว่า “ชื่อฝ้ายค่ะ เล่นเจ็ทสกีมา 4 ปี แล้ว ตั้งแต่อายุ 17 ปี” นอกจากนี้ทางนำสืบพยานปากอื่นเบิกความไปในทำนองเดียวกันว่า น.ส.ฝ้าย มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าหากจะเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยสูงถึง 170 เซนติเมตร สัดส่วน 36-26-35 ประกอบกับ น.ส.ฝ้าย ยังเบิกความยอมรับว่า ไม่เคยบอกอายุให้จำเลยทราบ จนกระทั่ง น.ส.ฝ้ายตั้งครรภ์ จึงส่งข้อความมาบอกอายุ เพื่อให้จำเลยรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะให้มารดาเอาเรื่อง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่า น.ส.ฝ้าย มีอายุไม่ถึง 18 ปี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อาญา ม.319 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

ภายหลัง นายเอกรัตน์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เพราะทำให้ประวัติของตนเคลียร์ไม่มีความผิดติดตัวต่างกับการรอลงอาญาที่รู้สึกว่าเราเคยทำผิดมา ส่วนเรื่องงานเพลงกำลังหาแรงบันดาลใจในการทำผลงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น