น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังได้รับมอบหมายจาก ครม.ให้กำกับดูแลสื่อของรัฐว่า สำหรับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือช่อง 11 อยากเห็นการนำเสนอข่าวสร้างสรรค์ และช่วยพัฒนาประเทศ โดยจะเพิ่มข่าวท้องถิ่น ชุมชน และประชาสังคมมากขึ้น เช่นเดียวกับรายการที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การท่องเที่ยว และศาสนา ที่จะต้องมีมากขึ้น และอยากให้ช่อง 11 มีส่วนในการประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆด้วย
ส่วนสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ หรือ ช่อง 9 ต้องการเห็นเป็นสถานีข่าวที่มีคุณภาพ นำเสนอข่าวภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจของไทยไปสู่อาเซียน
สำหรับรายการในช่อง11 ที่มีปัญหากับพรรคเพื่อไทย (พท.)นั้น น.ส.กฤษณา กล่าวว่า ไม่อยากให้มองรายการที่มีปัญหา การดูแลสื่อของรัฐในภาพรวมต้องยึดนโยบายของรัฐบาลคือนำความปรองดองสมานฉันท์กลับสู่สังคมไทย หน่วยงานที่ดูแลจึงต้องยึดนโยบายดังกล่าว หากเห็นรายการใดไม่ทำตามนโยบายนั้น จะต้องพูดคุยกัน
สำหรับรายการนายกฯคุยกับประชาชน ขอเวลาจัดทำรูปแบบเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก่อน ส่วนการจัดเวลาให้ฝ่ายค้านคงต้องปรึกษากันก่อน ทั้งนี้ ตนยังไม่ขอตอบเรื่องแนวทางการดำเนินการกับสถานีโทรทัศน์ของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดง เช่นเดียวกับวิทยุชุมชนทั่วประเทศ
ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแบ่งงานที่นายกฯมอบให้รับผิดชอบว่า ตนดูแล 7 กระทรวง และจะระดมกำลังไปช่วยภาคใต้ โดย ช่วงเช้าตนเชิญผู้ว่าฯจ.ระยองมาพบ เพื่อศึกษาปัญหามาบตาพุด ว่าขลุกขลักในกระทรวงใดที่ตนรับผิดชอบ เพราะตนจะระดมกำลังไปช่วยให้เร็วขึ้น
ส่วนปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องพูดกันยาว มันเกิดขึ้นนานแล้ว รัฐบาลพยายามยุติ และหยุดยั้งความรุนแรงลงให้ได้ เสริมสร้างความเข้าใจ ให้มากขึ้น เพราะทุกฝ่ายมีส่วนสะสมปัญหา ประชาชนในพื้นที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้าราชการในพื้นที่ที่ควรเลื่อนตำแหน่ง แต่ส่วนกลางส่งคนอื่นลงไปอยู่สองปีก็เลื่อนตำแหน่งแล้วก็กลับ " ตอนนี้กระทรวงกลาโหม กอ.รมน.และแม่ทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบส่วนหนึ่งคือภารกิจทางทหาร และงานด้านพัฒนานั้นเป็นของศอ.บต.และนายกฯมอบให้รมว.มหาดไทย ดูแล ส่วนผม ดูแลสมช. สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ รวมทั้งโครงการพัฒนาต่างๆ ตามพระราชดำริ ก็จะนำไปเสริม และเป็นตัวเชื่อมให้สองฝ่ายเดินไป ส่วนปัญหาข้าราชการในพื้นที่ เช่นครู สาธารณสุข นั้นก็จะลงไปดู ต้องช่วยๆกัน" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
ด้านนางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งตั้ง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีตดีเจคลื่นวิทยุคนเสื้อแดง เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่อยากให้ไปมองว่าเป็นเรื่องของคนเสื้อแดง เสื้อเหลืองหรือเสื้อสีอะไร แต่นายอนุสรณ์ เป็นคนน่ารักมาก เข้ากับผู้คนได้ดี และตั้งใจทำงาน รู้ฝีมือกันอยู่ เชื่อว่านายอนุสรณ์ จะมาทำงานได้อย่างดี เนื่องจากมีความรู้ด้านการเมือง เพราะรัฐบาลต้องการให้มีรองโฆษกฯ ที่จะมาทำงานด้านการเมืองให้มากขึ้นด้วย
ส่วนเรื่องแรงเสียดทานจากสังคมนั้น ตนขอให้ทำงานกันไปก่อน คงไม่มีปัญหาอะไรมาก และทีมงานโฆษกรัฐบาล จะต้องทำงานเป็นทีม ช่วยกันทุกเรื่อง
ทั้งนี้ แนวทางในการทำงานโฆษกรัฐบาลจะต้องเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะเรื่องความปรองดอง กระตุ้นเศรษฐกิจ และหน้าตาของประเทศไทยที่จะนำไปสู่การเป็นผู้นำอาเซียน ดังนั้น ทีมงานโฆษกรัฐบาลจึงต้องเข้าใจ และทำงานกันเป็นทีม
เมื่อถามว่า ในฐานะโฆษกรัฐบาล จะชี้แจงอย่างไร ในภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่ถูกมองว่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางฐิติมา กล่าวว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้แทบไม่ต้องชี้แจงอะไรมาก เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มายุ่งเรื่องตรงนี้ เพียงแต่เป็นพี่ชายของนายกรัฐมนตรี การจะพูดคุยกันถือเป็นเรื่องปกติ ขอให้ไว้ใจได้
ส่วนสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ หรือ ช่อง 9 ต้องการเห็นเป็นสถานีข่าวที่มีคุณภาพ นำเสนอข่าวภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจของไทยไปสู่อาเซียน
สำหรับรายการในช่อง11 ที่มีปัญหากับพรรคเพื่อไทย (พท.)นั้น น.ส.กฤษณา กล่าวว่า ไม่อยากให้มองรายการที่มีปัญหา การดูแลสื่อของรัฐในภาพรวมต้องยึดนโยบายของรัฐบาลคือนำความปรองดองสมานฉันท์กลับสู่สังคมไทย หน่วยงานที่ดูแลจึงต้องยึดนโยบายดังกล่าว หากเห็นรายการใดไม่ทำตามนโยบายนั้น จะต้องพูดคุยกัน
สำหรับรายการนายกฯคุยกับประชาชน ขอเวลาจัดทำรูปแบบเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก่อน ส่วนการจัดเวลาให้ฝ่ายค้านคงต้องปรึกษากันก่อน ทั้งนี้ ตนยังไม่ขอตอบเรื่องแนวทางการดำเนินการกับสถานีโทรทัศน์ของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดง เช่นเดียวกับวิทยุชุมชนทั่วประเทศ
ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแบ่งงานที่นายกฯมอบให้รับผิดชอบว่า ตนดูแล 7 กระทรวง และจะระดมกำลังไปช่วยภาคใต้ โดย ช่วงเช้าตนเชิญผู้ว่าฯจ.ระยองมาพบ เพื่อศึกษาปัญหามาบตาพุด ว่าขลุกขลักในกระทรวงใดที่ตนรับผิดชอบ เพราะตนจะระดมกำลังไปช่วยให้เร็วขึ้น
ส่วนปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องพูดกันยาว มันเกิดขึ้นนานแล้ว รัฐบาลพยายามยุติ และหยุดยั้งความรุนแรงลงให้ได้ เสริมสร้างความเข้าใจ ให้มากขึ้น เพราะทุกฝ่ายมีส่วนสะสมปัญหา ประชาชนในพื้นที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้าราชการในพื้นที่ที่ควรเลื่อนตำแหน่ง แต่ส่วนกลางส่งคนอื่นลงไปอยู่สองปีก็เลื่อนตำแหน่งแล้วก็กลับ " ตอนนี้กระทรวงกลาโหม กอ.รมน.และแม่ทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบส่วนหนึ่งคือภารกิจทางทหาร และงานด้านพัฒนานั้นเป็นของศอ.บต.และนายกฯมอบให้รมว.มหาดไทย ดูแล ส่วนผม ดูแลสมช. สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ รวมทั้งโครงการพัฒนาต่างๆ ตามพระราชดำริ ก็จะนำไปเสริม และเป็นตัวเชื่อมให้สองฝ่ายเดินไป ส่วนปัญหาข้าราชการในพื้นที่ เช่นครู สาธารณสุข นั้นก็จะลงไปดู ต้องช่วยๆกัน" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
ด้านนางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งตั้ง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีตดีเจคลื่นวิทยุคนเสื้อแดง เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่อยากให้ไปมองว่าเป็นเรื่องของคนเสื้อแดง เสื้อเหลืองหรือเสื้อสีอะไร แต่นายอนุสรณ์ เป็นคนน่ารักมาก เข้ากับผู้คนได้ดี และตั้งใจทำงาน รู้ฝีมือกันอยู่ เชื่อว่านายอนุสรณ์ จะมาทำงานได้อย่างดี เนื่องจากมีความรู้ด้านการเมือง เพราะรัฐบาลต้องการให้มีรองโฆษกฯ ที่จะมาทำงานด้านการเมืองให้มากขึ้นด้วย
ส่วนเรื่องแรงเสียดทานจากสังคมนั้น ตนขอให้ทำงานกันไปก่อน คงไม่มีปัญหาอะไรมาก และทีมงานโฆษกรัฐบาล จะต้องทำงานเป็นทีม ช่วยกันทุกเรื่อง
ทั้งนี้ แนวทางในการทำงานโฆษกรัฐบาลจะต้องเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะเรื่องความปรองดอง กระตุ้นเศรษฐกิจ และหน้าตาของประเทศไทยที่จะนำไปสู่การเป็นผู้นำอาเซียน ดังนั้น ทีมงานโฆษกรัฐบาลจึงต้องเข้าใจ และทำงานกันเป็นทีม
เมื่อถามว่า ในฐานะโฆษกรัฐบาล จะชี้แจงอย่างไร ในภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่ถูกมองว่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางฐิติมา กล่าวว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้แทบไม่ต้องชี้แจงอะไรมาก เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มายุ่งเรื่องตรงนี้ เพียงแต่เป็นพี่ชายของนายกรัฐมนตรี การจะพูดคุยกันถือเป็นเรื่องปกติ ขอให้ไว้ใจได้
