ยะลา - คนร้ายลอบวางระเบิด อส.ชุดคุ้มครองครูโรงเรียนบ้านลิมุด ในพื้นที่ตำบลท่าสาป เมืองยะลา บริเวณปากทางเข้าโรงเรียนขณะขับรถจักรยานยนต์นำคณะครูเข้าโรงเรียน แรงระเบิดทำให้ อส.สาหัส 2 ครูบาดเจ็บอีก 5 ราย ด้าน สพท.เขต 1 ยะลาสั่งปิดเรียนทันที 2 วัน ขณะที่ ปธ.ครูยะลาจี้ จนท.รัฐเอกซเรย์เส้นทางเข้ม
เวลา 08.15 น.วานนี้(25 ก.ค.) ร.ต.ท.กฤชพิชญ์ พิชญนิตินัย ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่ปากทางเข้าบ้านลิมุด หมู่ที่ 3 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอำเภอเมืองยะลา และคณะครูได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงสนธิกำลังไปที่เกิดเหตุห่างจากเขตเทศบาลนครยะลา 200 เมตรพบบริเวณโคนเสาป้าย ชื่อถนนดารุสลาม ทางเข้าหมู่บ้านมีหลุมระเบิดลึก 70 ซม.กว้าง 1 เมตร สะเก็ดระเบิดกระจัดกระจายอยู๋ทั่วไปและพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของเจ้าหน้าที่ อส. ล้มอยู่ 1 คัน ส่วนผู้บาดเจ็บเป็น อส.และคณะครู รวม 7 ราย
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเมืองยะลา 4 นายใช้รถ จักรยานยนต์เป็นยานพาหนะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยนำคณะครูเดินทางเข้าสู่โรงเรียนตามปกติ จังหวะที่ อส.อุสมาน มะเซ็งบางี ขับขี่รถจักรยานยนต์นำหน้าโดยมี อส.ปรีชา มะยุ ซ้อนท้ายเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดขึ้น ปรากฏว่า อส.อุสมาน กับ อส.ปรีชา ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคณะครูที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปห่างๆ หูอื้อตกใจไปตามๆ กัน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายแอบนำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักราว 5 กิโลกรัมใส่กล่องเหล็กมาฝังไว้ตอนกลางดึกขณะฝนตกพรำ แล้วให้อีกชุดนั่งซุ่มที่ศาลาที่พักริมทางฝั่งตรงข้าม รอจังหวะให้ อส.นำคณะครู เข้ามาแล้วใช้ความถี่คลื่นวิทยุจุดชนวนให้ระเบิดเกิดขึ้นดังกล่าว
หลังเกิดเหตุผู้ปกครองเด็กนักเรียนต่างรีบเดินทางมารับบุตรหลานของตนเองกลับบ้านทันที เนื่องจากหวั่นเกรงอันตราย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลาประถมศึกษายะลา เขต 1 ได้อนุญาตให้ทางโรงเรียนหยุดเรียนการสอนเป็นเวลา 2 วัน
**ปธ.ครูยะลาจี้เอกซเรย์เส้นทางเข้ม
นายมานพ บุญทวิโรจน์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดยะลา เปิดเผยถึงที่เกิดขึ้นว่า นับว่ายังโชคดีมากที่ไม่มีผู้ใดถึงกับเสียชีวิต มีเพียงได้รับบาดเจ็บเท่านั้นโดยเป็นเจ้าหน้าที่ อส.บาดเจ็บ 2 ราย ครูได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 5 ราย คือนางจินตนา บุญสนอง อายุ 53 ปี,นางศิริษา นวภัทรวงศ์ อายุ 36 ปี, นางวัชรี ปูชพันธ์ อายุ 59 ปี, นางกัลยา บุญยอด อายุ 53 ปี และว่าที ร.ต.หญิง สุวนันท์ สุวรรณรัตน์ อายุ 30 ปี โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าคนร้ายมีความพยายามก่อเหตุทำร้ายครูอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดตนได้ประสานและแจ้งเตือนไปยังครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เพิ่มความระมัดระวังตัวเองมากขึ้น อย่าประมาทต่อสถานการณ์ในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในภาวะนิ่ง ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยววันสำคัญเข้าพรรษาและเดือนรอมฎอน
" นับจากนี้อยากให้ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเอกซเรย์พื้นที่และเส้นทาง ซึ่งอาจต้องเพิ่มความถี่การตรวจสอบหรือการลาดตระเวนเส้นทางใช่วงกลางคืน ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่วงอันตรายที่คนร้ายอาจนำมาซุกซ่อนก่อนลงมือกดชนวน"
**ผู้ว่าฯตานีสั่งกำชับ จนท.ทุกฝ่ายเข้มงวด
ด้านนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคง จ.ปัตตานี ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเพิ่มมาตราการณ์ดูแลความปลอดภัยครูอย่างเข้มข้น โดยใช้แผนยุทธศาสตร์ออกลาดตระเวนไปตามเส้นทางต่างๆ ที่ครูใช้สัญจรทั้งไปและกลับโรงเรียน รวมไปถึงบริเวณรอบๆ โรงเรียน เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายต่อครูและเจ้าหน้าที่
ส่วนตามโรงเรียนมีการจัดชุดทหารและชุดรักษาความปลอดภัยไว้ประจำในแต่ละโรง และมีกำลังชุดมวลชนคอยตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับครูอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตามจุดตรวจจุดสกัดก็มีการเพิ่มความเข้มในการตรวจค้นรถ บุคคลเป้าหมาย รวมทั้งมีการตั้งจุดตรวจลอยตามเส้นทางที่จะมุ้งเข้าสู่โรงเรียนที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการก่อเหตุสร้างสถานการณ์อีกด้วย
ขณะที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงออกเตือนหน่วยกำลังในพื้นที่ว่า ให้เจ้าหน้าที่รักษาแผนยุทธศาสตร์ทั้งเชิงรุกและรับอย่างต่อเนื่อง หลังแหล่งข่าวแจ้งว่า แกนนำระดับปฏิบัติการณ์ออกมาเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนร้ายในการก่อเหตุพร้อมกันทั้ง 3 จังหวัดตลอดเดือนสิงหาคม โดยมีเป้าหมายทุกรูปแบบ แต่เน้นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้จึงให้มีการตรวจค้นเป้าหมายและตรวจค้นตามจุดตรวจเพื่อกดดันและปิดช่องว่างของกลุ่มแนวร่วม
เวลา 08.15 น.วานนี้(25 ก.ค.) ร.ต.ท.กฤชพิชญ์ พิชญนิตินัย ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่ปากทางเข้าบ้านลิมุด หมู่ที่ 3 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอำเภอเมืองยะลา และคณะครูได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงสนธิกำลังไปที่เกิดเหตุห่างจากเขตเทศบาลนครยะลา 200 เมตรพบบริเวณโคนเสาป้าย ชื่อถนนดารุสลาม ทางเข้าหมู่บ้านมีหลุมระเบิดลึก 70 ซม.กว้าง 1 เมตร สะเก็ดระเบิดกระจัดกระจายอยู๋ทั่วไปและพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของเจ้าหน้าที่ อส. ล้มอยู่ 1 คัน ส่วนผู้บาดเจ็บเป็น อส.และคณะครู รวม 7 ราย
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเมืองยะลา 4 นายใช้รถ จักรยานยนต์เป็นยานพาหนะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยนำคณะครูเดินทางเข้าสู่โรงเรียนตามปกติ จังหวะที่ อส.อุสมาน มะเซ็งบางี ขับขี่รถจักรยานยนต์นำหน้าโดยมี อส.ปรีชา มะยุ ซ้อนท้ายเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดขึ้น ปรากฏว่า อส.อุสมาน กับ อส.ปรีชา ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคณะครูที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปห่างๆ หูอื้อตกใจไปตามๆ กัน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายแอบนำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักราว 5 กิโลกรัมใส่กล่องเหล็กมาฝังไว้ตอนกลางดึกขณะฝนตกพรำ แล้วให้อีกชุดนั่งซุ่มที่ศาลาที่พักริมทางฝั่งตรงข้าม รอจังหวะให้ อส.นำคณะครู เข้ามาแล้วใช้ความถี่คลื่นวิทยุจุดชนวนให้ระเบิดเกิดขึ้นดังกล่าว
หลังเกิดเหตุผู้ปกครองเด็กนักเรียนต่างรีบเดินทางมารับบุตรหลานของตนเองกลับบ้านทันที เนื่องจากหวั่นเกรงอันตราย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายะลาประถมศึกษายะลา เขต 1 ได้อนุญาตให้ทางโรงเรียนหยุดเรียนการสอนเป็นเวลา 2 วัน
**ปธ.ครูยะลาจี้เอกซเรย์เส้นทางเข้ม
นายมานพ บุญทวิโรจน์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดยะลา เปิดเผยถึงที่เกิดขึ้นว่า นับว่ายังโชคดีมากที่ไม่มีผู้ใดถึงกับเสียชีวิต มีเพียงได้รับบาดเจ็บเท่านั้นโดยเป็นเจ้าหน้าที่ อส.บาดเจ็บ 2 ราย ครูได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 5 ราย คือนางจินตนา บุญสนอง อายุ 53 ปี,นางศิริษา นวภัทรวงศ์ อายุ 36 ปี, นางวัชรี ปูชพันธ์ อายุ 59 ปี, นางกัลยา บุญยอด อายุ 53 ปี และว่าที ร.ต.หญิง สุวนันท์ สุวรรณรัตน์ อายุ 30 ปี โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าคนร้ายมีความพยายามก่อเหตุทำร้ายครูอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดตนได้ประสานและแจ้งเตือนไปยังครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เพิ่มความระมัดระวังตัวเองมากขึ้น อย่าประมาทต่อสถานการณ์ในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในภาวะนิ่ง ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยววันสำคัญเข้าพรรษาและเดือนรอมฎอน
" นับจากนี้อยากให้ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเอกซเรย์พื้นที่และเส้นทาง ซึ่งอาจต้องเพิ่มความถี่การตรวจสอบหรือการลาดตระเวนเส้นทางใช่วงกลางคืน ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่วงอันตรายที่คนร้ายอาจนำมาซุกซ่อนก่อนลงมือกดชนวน"
**ผู้ว่าฯตานีสั่งกำชับ จนท.ทุกฝ่ายเข้มงวด
ด้านนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคง จ.ปัตตานี ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเพิ่มมาตราการณ์ดูแลความปลอดภัยครูอย่างเข้มข้น โดยใช้แผนยุทธศาสตร์ออกลาดตระเวนไปตามเส้นทางต่างๆ ที่ครูใช้สัญจรทั้งไปและกลับโรงเรียน รวมไปถึงบริเวณรอบๆ โรงเรียน เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายต่อครูและเจ้าหน้าที่
ส่วนตามโรงเรียนมีการจัดชุดทหารและชุดรักษาความปลอดภัยไว้ประจำในแต่ละโรง และมีกำลังชุดมวลชนคอยตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับครูอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตามจุดตรวจจุดสกัดก็มีการเพิ่มความเข้มในการตรวจค้นรถ บุคคลเป้าหมาย รวมทั้งมีการตั้งจุดตรวจลอยตามเส้นทางที่จะมุ้งเข้าสู่โรงเรียนที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการก่อเหตุสร้างสถานการณ์อีกด้วย
ขณะที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงออกเตือนหน่วยกำลังในพื้นที่ว่า ให้เจ้าหน้าที่รักษาแผนยุทธศาสตร์ทั้งเชิงรุกและรับอย่างต่อเนื่อง หลังแหล่งข่าวแจ้งว่า แกนนำระดับปฏิบัติการณ์ออกมาเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนร้ายในการก่อเหตุพร้อมกันทั้ง 3 จังหวัดตลอดเดือนสิงหาคม โดยมีเป้าหมายทุกรูปแบบ แต่เน้นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้จึงให้มีการตรวจค้นเป้าหมายและตรวจค้นตามจุดตรวจเพื่อกดดันและปิดช่องว่างของกลุ่มแนวร่วม