โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
การประชุมรัฐสภาล่มไม่เป็นท่าในวาระสำคัญ เป็นพิธีกรรมแถลงนโยบายรัฐบาล ด้วยปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ ผู้ทรงเกียรติ ผู้ทรงเกี๊ยะ นักทรยศประชาชนกลุ่มหนึ่งหนีการปฏิบัติหน้าที่เพื่อลากยาวเกมการเมือง ประจานทาสเงินเหลี่ยมร้าย
ค่ายสะตอพิสูจน์ให้เห็นชั้นเชิงเหนือกว่าในเกมและคารม แม้ขบวนการเหลี่ยมร้ายมีนักพูดติดดาวแดงเดนคุกช่วยฟอกความผิด ทำให้งานแถลงนโยบายถูกลดระดับให้เป็นเวทีสำหรับแหล และแถ-ลง ย้ำถึงพฤติกรรมซ้ำซาก
ฉายา “มาร์ค ดีแต่พูด” ถูกกลบโดยวาระ “ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์อ่าน-เฉลิมตอบ” และนายกฯ ปู ได้ฉายา “ดีแต่ท่อง” และ “ดีแต่อ่าน” เก่งในแบบควบคู่ขนาน
เนื้อหาสาระในงานแถ-ลงนโยบายเอาจริงเอาจังไม่ได้ พวกทาสเงินเหลี่ยมร้ายยังด้านหน้ายอมรับว่าการหาเสียงเป็นการแหล ต่างจากการแถเมื่อนำนโยบายมาประกอบเป็นนิทาน ทำให้เปลืองน้ำ เปลืองไฟ หายใจทิ้งในอาคารรัฐสภา
วิชาศรีธนญชัยศาสตร์ถูกนำมาใช้เต็มบ้อง ในการพลิกลิ้นเรื่อง “ค่าจ้างขั้นต่ำ” กับ “รายได้ขั้นต่ำ” เป็นมหกรรมแหลระดับ 18 มงกุฏ ชาวบ้านต้องแอบไปอ้วก!
ประชาชน คนมีสติปัญญา และเหยื่อระดับบ้องตื้น คงได้ยินเต็มสองรูหูว่านักการเมืองระดับ 18 มงกุฏ ศรีธนญชัยเรียกอาจารย์ ประกาศท้าทายอย่างไร
“คำมั่นสัญญาต่างๆ นั้นเป็นเพียงการหาเสียง การแถลงนโยบายก็เป็นพิธีกรรมของรัฐสภา การปฏิบัตินั้นเป็นอีกเรื่อง และทั้ง 3 เรื่องไม่จำเป็นต้องตรงกัน” นั่นเท่ากับยอมรับว่าเป็นการโกหก และประชาชนทำอะไรไม่ได้
ถ้าจะต้องดัดหลัง ล้างแค้นพวกนักการเมือง 18 มงกุฏ ต้องทนรอ 4 ปี เว้นแต่จะมีวิธีทำให้ระยะเวลาสั้น เช่นการรวมพลังไปออกกำลังขากลางถนนขับไล่
นอกจากการดวลฝีปาก ประชันการพ่นน้ำลาย เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่นแล้ว งานแถ-ลงนโยบายทำให้ชาวบ้านได้เห็นว่านายกฯ ปู นั้นเป็นผู้นำเพียงยืนอ่านกระดาษ ไม่ต่างจากการอ่านหนังสือหน้าชั้นเรียน เสร็จแล้วลาครูไปส้วม
ไม่รอฟังเพื่อนร่วมชั้นประเมินลีลา ตอบคำถามพิสูจน์สติปัญญา!
ไม่เหลือเหตุอันควรสงสัยให้ถกเถียง ว่าเธอมีความเป็นผู้นำ หรือเป็นเพียงหุ่นเชิด หุ่นโชว์ นั่งเก้าอี้นายกฯ ให้อุ่น ป้องกันฝุ่นเกาะ รักษาอุณหภูมิห้องทำงาน! คนสั่งตัวจริงคือพี่เหลี่ยมร้ายซึ่งยังตระเวณลวงโลกในงานขายชาติรอบใหม่
แต่เธอไม่รู้สึกว่าต้องเหนียมอายบ้าง! บอกไว้แล้วว่าแม้แต่คิด เธอยังไม่มีสิทธิ์ ถ้าคิดได้เองคงไม่รับภาระหน้าที่เป็นนายกฯ ขอเป็นเพียง ส.ส.ก็พอใจแล้ว
สิ่งหนึ่งที่เธอใด้มีประสบการณ์คือขบวนการเชลียร์ลิ้นกระดาษทราย น้ำลายชะแล็ค เลียซึ่งหน้า เลียในระยะเผาขน! หน้าแข้งเปื้อนเมือกน้ำลายปนพิษ
เห็นพิธีกรรมรัฐสภา ชาวบ้านส่วนหนึ่งทำใจ เสียดายเงินภาษีจ่ายค่าจ้างให้พวกทรยศและขี้คุกเดนตะราง ต้องใช้งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทสร้างอาคารแห่งใหม่เพื่อเป็นแหล่งพ่นน้ำลายและออกกฎหมายมาให้ละเมิดเหยียบย่ำ
ยิ่งพฤติกรรมของบางพวกในระบบข้าราชการ กระบวนการยุติธรรมได้ช่วยฟอกตัวกังฉิน ปกป้องโจร อาชญากรอย่างหน้าไม่อาย ไร้จิตสำนึก ยิ่งทำให้เห็นขบวนการร้ายอยู่เหนือกฎหมายกำลังใช้อำนาจ อิทธิพล ครอบงำบ้านเมือง
งานนี้เป็นเวทีสำหรับ “สิงห์เหลิม” ได้พิสูจน์ตัวเองให้นายใหญ่ และนายหญิง ว่าตัวเองนั้น “ใจถึง พึ่งได้ และไม่จำเป็นต้องอาย” ในภารกิจองค์รักษ์พิทักษ์น้องปู โคลนนิ่ง ทำให้เห็นว่ามีนายกฯ ตัวจริง ตัวแทน ตัวแก้ต่าง!
ในใจ “สิงห์เหลิม” อาจสะใจ โชว์ให้คนในพรรคเพื่อเหลี่ยมร้ายได้เห็นว่าลีลานายกฯ ผู้นำประเทศแท้จริงสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันต้องกล้าชน กล้าฉะ กล้าปะทะ อย่างที่ตัวเองรับบทองครักษ์ “ปู โคลนนิ่ง” ทำอยู่ในสภา
คงอยากสื่อสาร ประกาศให้โลกรู้ว่า “น่าเสียดาย ที่ท่านทักษิณคิด และตัดสินใจเลือกน้องสาวเป็นหัวหอกรัฐบาลแทนการเลือกตัวกระพ้ม” ฮ่า!
หลังจากการแถ-ลงนโยบายแล้ว ใช่ว่ารัฐบาลปู โคลนนิ่งจะเดินหน้าอย่างราบรื่น กระบวนการติดตามตรวจสอบเข้มข้นไกล้ชิดโดยภาคประชาชนจะทำให้การมุ่งตักตวงกอบโกยผลประโยชน์โดยขบวนการเหลี่ยมร้ายไม่คล่องคอ
แม้จะพยายามกระชับอำนาจในองค์กรตำรวจ กองทัพ จัดวางกำลังข้าราชการ เครือข่าย อุดช่องว่าง รูโหว่ จุดอ่อนต่างๆ ให้รัดกุม ไม่พลาดเหมือนการกุมอำนาจยุคแรก แต่เหลี่ยมร้ายจะแก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้
จุดอ่อนคือความกระเหี้ยนกระหือรือในการเร่งแสดงออก การใช้อำนาจ ให้โลกรู้ว่าผู้นำรัฐบาลไทยแท้จริงนั้นคือตัวเอง จึงเร่งเดินทางไปญี่ปุ่น ประสานงานกับฮุนเซน และพยายามสั่งการรวบรัดให้จัดการเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
น้องสาวโคลนนิ่งจะคิดอย่างไร ไม่สนใจ เพราะได้เป็นนายกฯ ได้เพราะตัวเอง! ลำพังการต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเอง ต่อให้เกิดอีก 10 ชาติ ก็ไม่สำเร็จ! ต้องนามสกุลเดียวกันเท่านั้น สามารถรับประกันความสำเร็จ ปิดกั้นความผิดหวัง
นายกฯ ปูโคลนนิ่ง ได้ผ่านพิธีกรรมรัฐสภาไปแบบร่างกายฟกช้ำดำเขียว แม้ได้เลี่ยงไม่แสดงวิสัยทัศน์ ความรู้ ความสามารถด้วยตัวเอง! จากนี้ไป ความเปลี่ยนแปลงจะเริ่มปรากฎบนใบหน้า ความสาวจะถูกคุกคามด้วยความเครียด
ระยะเวลา 48 วันสู่เก้าอี้นายกฯ เป็นก้าวแรกสู่การ่ทดสอบของจริง! จะอยู่ได้นาน 8 ปีตามการพ่นน้ำลายของ “สิงห์เหลิม” หรือไม่ อีก 6 เดือนก็รู้นิ! อิอิอิ!!!