ASTVผู้จัดการรายวัน - ปลัดแรงงานเผยรัฐพร้อมทุ่มงบพันล้านบาท ลุยจัดแคมเปญเร่งพัฒนาฝีมือแรงงานรับค่าจ้าง 300 บ. ตั้งทีมที่ปรึกษาเดินสายแนะสถานประกอบการดึงเข้าร่วมโครงการ ถกเอกชนวางเกณฑ์ประเมินการอบรม
วานนี้ (25 ส.ค.) นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้ออกมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ใช้แรงงาน ตามนโยบายเพิ่มรายได้วันละไม่น้อยกว่า 300 บาท ของรัฐบาล ทั้งนี้ ได้ตั้งทีมที่ปรึกษาออกไปตามสถานประกอบการในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับการอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งช่วยจัดหาวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพนั้นๆ มาให้ความรู้แก่ลูกจ้าง ตลอดจนการร่วมกับสมาคมวิชาชีพต่างๆ จัดทำเมนูหลักสูตรฝึกอบรม อีกทั้งให้สมาคมร่วมรับรองการฝึกอบรมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสถานประกอบการ
ทั้งนี้ ในการพัฒนาฝีมือแรงงานดังกล่าว จะใช้พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 มาเป็นกลไกดำเนินงาน โดยสถานประกอบการที่เปิดอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์คือ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมมาขอลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รวมทั้งเปิดให้สถานประกอบการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีเงินอยู่ 580 ล้านบาท นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการอบรมลูกจ้างได้ และปัจจุบันคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ซึ่งอาจจะมีการหารือกับภาคเอกชนเพื่อลดดอกเบี้ยลงเหลือ1%
นพ.สมเกียรติกล่าวต่อว่า นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาฝีมือแรงงานเนื่องจากเป็นความต้องการของรัฐบาลอยากช่วยแรงงานให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเตรียมอนุมัติงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทมาดำเนินโครงการนี้ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะเริ่มรณรงค์อย่างจริงจังให้สถานประกอบการหันมาใช้กลไกการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มากขึ้น แต่จะไม่เป็นการบังคับ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานประกอบการจะให้การตอบรับเพราะได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการลดต้นทุน แรงงานผลิตชิ้นงานได้เพิ่มขึ้น และลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้น
“การที่ลูกจ้างเดิมหรือแรงงานเข้าใหม่ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นวันละ300บาท แต่ไม่ใช่อยู่ๆจะได้เลย อาจจะต้องมีเงื่อนไขบ้างในเรื่องของการอบรมและยกระดับ ที่อย่างน้อยควรต้องมีฝีมือเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนต้องไปทดสอบมาตรฐานฝีมืออย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งตรงนั้นก็เป็นแรงงานอีกระดับหนึ่งที่มีรายได้มากกว่า300บาทอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น หลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อวางเกณฑ์ในการขึ้นค่าจ้างเป็น 300บาทให้แก่ลูกจ้างควบคู่ไปกับการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน”.
วานนี้ (25 ส.ค.) นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้ออกมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ใช้แรงงาน ตามนโยบายเพิ่มรายได้วันละไม่น้อยกว่า 300 บาท ของรัฐบาล ทั้งนี้ ได้ตั้งทีมที่ปรึกษาออกไปตามสถานประกอบการในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับการอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งช่วยจัดหาวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพนั้นๆ มาให้ความรู้แก่ลูกจ้าง ตลอดจนการร่วมกับสมาคมวิชาชีพต่างๆ จัดทำเมนูหลักสูตรฝึกอบรม อีกทั้งให้สมาคมร่วมรับรองการฝึกอบรมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสถานประกอบการ
ทั้งนี้ ในการพัฒนาฝีมือแรงงานดังกล่าว จะใช้พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 มาเป็นกลไกดำเนินงาน โดยสถานประกอบการที่เปิดอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์คือ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมมาขอลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รวมทั้งเปิดให้สถานประกอบการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีเงินอยู่ 580 ล้านบาท นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการอบรมลูกจ้างได้ และปัจจุบันคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ซึ่งอาจจะมีการหารือกับภาคเอกชนเพื่อลดดอกเบี้ยลงเหลือ1%
นพ.สมเกียรติกล่าวต่อว่า นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาฝีมือแรงงานเนื่องจากเป็นความต้องการของรัฐบาลอยากช่วยแรงงานให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเตรียมอนุมัติงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทมาดำเนินโครงการนี้ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะเริ่มรณรงค์อย่างจริงจังให้สถานประกอบการหันมาใช้กลไกการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มากขึ้น แต่จะไม่เป็นการบังคับ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานประกอบการจะให้การตอบรับเพราะได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการลดต้นทุน แรงงานผลิตชิ้นงานได้เพิ่มขึ้น และลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้น
“การที่ลูกจ้างเดิมหรือแรงงานเข้าใหม่ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นวันละ300บาท แต่ไม่ใช่อยู่ๆจะได้เลย อาจจะต้องมีเงื่อนไขบ้างในเรื่องของการอบรมและยกระดับ ที่อย่างน้อยควรต้องมีฝีมือเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนต้องไปทดสอบมาตรฐานฝีมืออย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งตรงนั้นก็เป็นแรงงานอีกระดับหนึ่งที่มีรายได้มากกว่า300บาทอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น หลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อวางเกณฑ์ในการขึ้นค่าจ้างเป็น 300บาทให้แก่ลูกจ้างควบคู่ไปกับการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน”.
