เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงเมื่อวันอังคาร(23) เขย่าบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออก (อีสต์โคสต์) ของสหรัฐฯที่นานทีปีหนจึงจะเผชิญภัยธรรมชาติร้ายแรงชนิดนี้สักครั้งหนึ่ง โดยในคราวนี้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปกว้างไกลถึงแคนาดา และสร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ชื่อก้องหลายแห่งในเขตกรุงวอชิงตัน รวมทั้งทำให้พนักงานออฟฟิศหลายหมื่นคนตกใจแตกตื่นวิ่งลงมาอยู่ตามท้องถนน ทว่าไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บล้มตาย
แผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 5.8 คราวนี้เกิดขึ้นในเวลา บ่าย 1.51 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ ตี 0.51 น.ย่างเข้าวันพุธ เวลาเมืองไทย) และสั่นสะเทือนอยู่เป็นเวลาประมาณ 20-30 วินาที โดยที่จุดศูนย์กลางของธรณีพิบัติอยู่ลึกจากผิวโลกเพียงแค่ 6 กิโลเมตร ข้างใต้เมืองมิเนอรัล เมืองเล็กๆ ทางภาคกลางของมลรัฐเวอร์จิเนีย ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของสหรัฐฯไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 134 กิโลเมตร ศูนย์สารสนเทศแผ่นดินไหวแห่งชาติของสหรัฐฯรายงาน
เขตอีสต์โคสต์ไม่ค่อยได้ประสบกับภัยแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ โดยสำหรับคราวนี้ได้สร้างแรงสั่นไหวให้รู้สึกกันกว้างไกล ทางด้านเหนือนั้นสะเทือนไปถึงเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ และหลายส่วนของภาคตะวันออกของประเทศแคนาดา ส่วนทางด้านใต้ไปไกลถึงมลรัฐแอละแบมา และด้านตะวันตกไปถึงมลรัฐอินดีแอนา และมิชิแกน ทั้งนี้นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในเวอร์จิเนีย ภายหลังเดือนพฤษภาคม 1897 หรือ 114 ปีก่อน เมื่อเกิดธรณีพิบัติความรุนแรง 5.9 ขึ้นที่บริเวณชายขอบด้านตะวันตกของมลรัฐนี้
นอกจากนั้น ราวกับว่าเพียงแค่แผ่นดินไหวรุนแรงที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งก็ยังไม่เพียงพอ พื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ยังกำลังถูกประกาศเตือนภัยพายุ เนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนชื่อ “ไอรีน” ที่ทรงพลังมาก กำลังบ่ายหน้าออกมาจากทะเลแคริบเบียน และอาจจะขึ้นบกถล่มเขตอีสต์โคสต์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
จากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งพนักงานออฟฟิศจำนวนมากรู้สึกได้และต่างตื่นตกใจ เมื่อโต๊ะทำงานของพวกเขาแกว่งโยกเยกอย่างแรง ขณะที่เพดานและผนังเอียงตัวและสั่นด้วยพลังอันน่าหวาดหวั่น
ยิ่งในพื้นที่บริเวณนี้ครอบคลุมทั้งนครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ซึ่งกำลังจะเวียนมาบรรจบครบรอบ 10 ปีในเดือนหน้า หลายคนจึงสงสัยไหววูบว่าเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นมาอีกหรือเปล่า ขณะที่พวกเขาวิ่งแข่งลงบันไดและออกจากอาคารไปสู่ท้องถนนและสวนสาธารณะ ภายหลังเกิดแรงสั่นสะเทือน
การจราจรภายในกรุงวอชิงตันและรอบๆ อยู่ในสภาพติดขัดไปหมด และบริการรถไฟก็เป็นไปด้วยความเชื่องช้า ทว่าสำนักงานดับเพลิงและเหตุฉุกเฉินที่ดูแลเขตเมืองหลวงของประเทศระบุว่า ไม่มีรายงานใดๆ ว่มีอาคารสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายหนัก และไม่มีข่าวว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาคารสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในพื้นที่แถบนี้ โดยเฉพาะพวกที่สร้างกันมานานแล้ว ไม่ได้ก่อสร้างขึ้นให้เตรียมรับภัยแผ่นดินไหวได้ ดังนั้นจึงประสบความเสียหายพอประมาณ
ในกรุงวอชิงตัน มหาวิหารแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีศพอย่างเป็นรัฐพิธีตลอดจนพิธีรำลึกไว้อาลัยให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจำนวนมาก ปรากฏว่ายอดแหลมของหอคอยกลางได้หักลงมา และส่วนค้ำยันที่อยู่ในลักษณะลอยตัว ก็เกิดรอยร้าว ขณะที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน ซึ่งมีลักษณะเป็นเสาโอเบริก (แท่งหินสูงทรงสี่เหลี่ยมและยอดเป็นรูปพีรามิด) โฆษกของสำนักงานดูแลสวนสาธารณะแห่งชาติระบุว่า เกิดรอยร้าวหลายแห่งบริเวณยอด จึงจำเป็นต้องปิดไปก่อน โดยไม่ทราบว่าจะปิดนานแค่ไหน
นอกจากนั้นมีรายงานว่า ก้อนอิฐจำนวนหนึ่งหล่นลงจากหลังคาของสถานเอกอัครราชทูตเอกวาดอร์ ในกรุงวอชิงตัน สร้างความเสียหายให้แก่กระจกของรถที่จอดอยู่คันหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีกำแพงอิฐและปล่องไฟล้มลงมาในเมืองบัลติมอร์ และบริเวณตอนเหนือของเวอร์จิเนีย ทำให้รถที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายไปหลายคัน
ในนิวยอร์ก พนักงานต่างวิ่งลงมาจากอาคารสำนักงานและทะลักลงสู่ท้องถนน หลายๆ คนพยายามใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกับญาติมิตร แต่ไม่ได้ผลเนื่องจากมีผู้ใช้บริการพร้อมๆ กันมากเกินไปจนระบบติดขัด
แผ่นดินไหวคราวนี้ยังทำให้สำนักงานที่ทำการของศาลหลายแห่งปิดทำการก่อนเวลา ส่งผลให้อดีตกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดมินิก สเตราส์-คาห์น ต้องรอจนถึงวันรุ่งขึ้นคือวันพุธ(24) กว่าจะได้รับหนังสือเดินทางของเขาคืน และสามารถเดินทางออกจากสหรัฐฯได้ ภายหลังที่ศาลตัดสินยกฟ้องเขาในคดีทำร้ายทงเพศไปตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร
แผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 5.8 คราวนี้เกิดขึ้นในเวลา บ่าย 1.51 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ ตี 0.51 น.ย่างเข้าวันพุธ เวลาเมืองไทย) และสั่นสะเทือนอยู่เป็นเวลาประมาณ 20-30 วินาที โดยที่จุดศูนย์กลางของธรณีพิบัติอยู่ลึกจากผิวโลกเพียงแค่ 6 กิโลเมตร ข้างใต้เมืองมิเนอรัล เมืองเล็กๆ ทางภาคกลางของมลรัฐเวอร์จิเนีย ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของสหรัฐฯไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 134 กิโลเมตร ศูนย์สารสนเทศแผ่นดินไหวแห่งชาติของสหรัฐฯรายงาน
เขตอีสต์โคสต์ไม่ค่อยได้ประสบกับภัยแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ โดยสำหรับคราวนี้ได้สร้างแรงสั่นไหวให้รู้สึกกันกว้างไกล ทางด้านเหนือนั้นสะเทือนไปถึงเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ และหลายส่วนของภาคตะวันออกของประเทศแคนาดา ส่วนทางด้านใต้ไปไกลถึงมลรัฐแอละแบมา และด้านตะวันตกไปถึงมลรัฐอินดีแอนา และมิชิแกน ทั้งนี้นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในเวอร์จิเนีย ภายหลังเดือนพฤษภาคม 1897 หรือ 114 ปีก่อน เมื่อเกิดธรณีพิบัติความรุนแรง 5.9 ขึ้นที่บริเวณชายขอบด้านตะวันตกของมลรัฐนี้
นอกจากนั้น ราวกับว่าเพียงแค่แผ่นดินไหวรุนแรงที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งก็ยังไม่เพียงพอ พื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ยังกำลังถูกประกาศเตือนภัยพายุ เนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนชื่อ “ไอรีน” ที่ทรงพลังมาก กำลังบ่ายหน้าออกมาจากทะเลแคริบเบียน และอาจจะขึ้นบกถล่มเขตอีสต์โคสต์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
จากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งพนักงานออฟฟิศจำนวนมากรู้สึกได้และต่างตื่นตกใจ เมื่อโต๊ะทำงานของพวกเขาแกว่งโยกเยกอย่างแรง ขณะที่เพดานและผนังเอียงตัวและสั่นด้วยพลังอันน่าหวาดหวั่น
ยิ่งในพื้นที่บริเวณนี้ครอบคลุมทั้งนครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ซึ่งกำลังจะเวียนมาบรรจบครบรอบ 10 ปีในเดือนหน้า หลายคนจึงสงสัยไหววูบว่าเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นมาอีกหรือเปล่า ขณะที่พวกเขาวิ่งแข่งลงบันไดและออกจากอาคารไปสู่ท้องถนนและสวนสาธารณะ ภายหลังเกิดแรงสั่นสะเทือน
การจราจรภายในกรุงวอชิงตันและรอบๆ อยู่ในสภาพติดขัดไปหมด และบริการรถไฟก็เป็นไปด้วยความเชื่องช้า ทว่าสำนักงานดับเพลิงและเหตุฉุกเฉินที่ดูแลเขตเมืองหลวงของประเทศระบุว่า ไม่มีรายงานใดๆ ว่มีอาคารสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายหนัก และไม่มีข่าวว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาคารสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในพื้นที่แถบนี้ โดยเฉพาะพวกที่สร้างกันมานานแล้ว ไม่ได้ก่อสร้างขึ้นให้เตรียมรับภัยแผ่นดินไหวได้ ดังนั้นจึงประสบความเสียหายพอประมาณ
ในกรุงวอชิงตัน มหาวิหารแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีศพอย่างเป็นรัฐพิธีตลอดจนพิธีรำลึกไว้อาลัยให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจำนวนมาก ปรากฏว่ายอดแหลมของหอคอยกลางได้หักลงมา และส่วนค้ำยันที่อยู่ในลักษณะลอยตัว ก็เกิดรอยร้าว ขณะที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน ซึ่งมีลักษณะเป็นเสาโอเบริก (แท่งหินสูงทรงสี่เหลี่ยมและยอดเป็นรูปพีรามิด) โฆษกของสำนักงานดูแลสวนสาธารณะแห่งชาติระบุว่า เกิดรอยร้าวหลายแห่งบริเวณยอด จึงจำเป็นต้องปิดไปก่อน โดยไม่ทราบว่าจะปิดนานแค่ไหน
นอกจากนั้นมีรายงานว่า ก้อนอิฐจำนวนหนึ่งหล่นลงจากหลังคาของสถานเอกอัครราชทูตเอกวาดอร์ ในกรุงวอชิงตัน สร้างความเสียหายให้แก่กระจกของรถที่จอดอยู่คันหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีกำแพงอิฐและปล่องไฟล้มลงมาในเมืองบัลติมอร์ และบริเวณตอนเหนือของเวอร์จิเนีย ทำให้รถที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายไปหลายคัน
ในนิวยอร์ก พนักงานต่างวิ่งลงมาจากอาคารสำนักงานและทะลักลงสู่ท้องถนน หลายๆ คนพยายามใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกับญาติมิตร แต่ไม่ได้ผลเนื่องจากมีผู้ใช้บริการพร้อมๆ กันมากเกินไปจนระบบติดขัด
แผ่นดินไหวคราวนี้ยังทำให้สำนักงานที่ทำการของศาลหลายแห่งปิดทำการก่อนเวลา ส่งผลให้อดีตกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดมินิก สเตราส์-คาห์น ต้องรอจนถึงวันรุ่งขึ้นคือวันพุธ(24) กว่าจะได้รับหนังสือเดินทางของเขาคืน และสามารถเดินทางออกจากสหรัฐฯได้ ภายหลังที่ศาลตัดสินยกฟ้องเขาในคดีทำร้ายทงเพศไปตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร
