วานนี้ (24 ส.ค.) นายคมสัน โพธิ์คง อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ฉบับปี 2550 กล่าวสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่กล่าวถึงการรับรองการกระทำของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่าจะไม่ถือว่าเป็นการนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามในความเห็นทางกฎหมายต่อเรื่องนี้ยังคงมีแนวคิดที่แบ่งออกเป็นหลายฝ่ายคือ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า หากแก้มาตรา 309 การสอบสวนในส่วนขององค์กรตรวจสอบ คือ คตส.นั้นถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ขณะที่บางฝ่ายก็เห็นว่าแม้จะยกเลิกมาตรา 309 ออกไป แต่ยังถือว่าคำสั่งที่มาจาก คมช.คงมีอยู่ เพราะช่วงของการยึดอำนาจนั้น คมช.ถือว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจรัฐสูงสุด ซึ่งเรื่องดังกล่าวศาลเคยยืนยันว่าคำสั่งคณะปฏิวัติมีฐานะตามกฎหมายไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะมีการยกเลิก อำนาจก็จะยังไม่เสียไป รวมทั้งยังมีผู้เห็นว่า มาตรา 309 ซึ่งเป็นการรับรองการกระทำของ คมช.และ คตส. หากมีการยกเลิกไป ก็เท่ากับว่าไม่มีกฎหมายใดรองรับการกระทำ ก็ถือว่าการกระทำที่ผ่านมาเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อนิติรัฐ ดังนั้นการยกเลิกไปจะสามารถคืนสู่สถานะที่ไม่มี คตส.และไม่เคยมี คมช.เกิดขึ้น
“มาตรา 309 ที่เกี่ยวโยงกับความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถตีความได้สองแบบ ซึ่งจะตีความออกมาในลักษณะใดก็ขึ้นอยู่ที่ศาล แต่หากจำได้ในคดียึดทรัพย์ของครอบครัวชินวัตร ศาลฎีกาได้มีการพิพากษารับรองสถานะของ คตส.ว่ามีความชอบตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดว่าไม่ใช่เป็นการแก้ไขปัญหาให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะนักการเมืองมีการพลิกลิ้นได้ตลอดเวลา” นายคมสัน ระบุ
นายคมสันกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเห็นว่าความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะมีการยกเลิกมาตรา 309 ออกไป เพราะการตรวจสอบคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณสมัยนั้นได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 40 รวมถึงกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ส่วน คตส.เป็นเพียงองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อการสอบสวนเท่านั้น แม้จะยกเลิก คตส.ไป ความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังคงอยู่ และที่ผ่านมาการตัดสินคดีความต่างๆของศาลฎีกาจะมีผลผูกพันกับการสอบสวน แต่ไม่ได้ยึดกระบวนการสอบสวน เพราะถือว่ากระบวนการสอบสวนแม้จะมาโดยไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง ดังนั้นที่ผ่านมาศาลไม่เคยเพิกถอนการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าอาจจะตั้ง ส.ส.ร. 3 โดยการเลือกตั้งตัวแทนจาก 77 จังหวัด และนักวิชาการด้านกฎหมาย 22 คน รวมเป็น 99 คนนั้น นายคมสัน กล่าวว่า โดยหลักการการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งนี้ตนมีคำถามว่าการให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะจำกัดเฉพาะการเลือกตั้งเท่านั้นใช่หรือไม่ ซึ่งในทฤษฎีการมีส่วนร่วมของประชาชนมีหลายหลากรูปแบบ ส่วนวิธีการได้มาของ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งนั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกบิดเบือนเจตนารมณ์ อาทิ มีการซื้อเสียง บล็อกโหวต เป็นต้น โดยส่วนตัวมองว่า บุคคลที่จะมาร่วมยกร่างต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ และมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งหากได้ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเป็นคนที่ไม่มีความรู้ด้านรัฐธรรมนูญ อาจจะถูกตั้งคำถามว่าเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง ที่ผ่านมามีกลุ่มนักวิชาการด้านกฎหมายเคยหารือเกี่ยวกับปฏิรูปประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เบื้องต้นอาจให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 คณะ คือ 1.กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2.กรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม กระบวนการยุติธรรม และ 3.กรรมการปฏิรูประบบบริหารราชการ
** เฉลิมยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่แก้ม.112
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเเละเเกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่ได้ชี้เเจงในสภาไปว่าจะไม่เเก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยผู้สื่อข่าวถามว่าระบุชัดได้หรือไม่ว่าจะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นจะไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ส่วนเรื่องอื่นๆขอยังไม่พูด เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม แต่อาจมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่พูด ตนเป็นคนเดียว คงตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าช่วงหาเสียงได้ระบุว่าหากเป็นรัฐบาล 6 เดือนจะนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นเทคนิคปราศรัยที่ชนะมาทุกจังหวัด หากตนไม่พูดเเบบนั้น ประชาชนคงไม่เลือก เเละพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่กลับหรอกอาจจะนานนิด เว้นเเต่ฝ่ายค้านพูดถึงบ่อยๆ และอยากอภิปรายพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนไม่ว่าอะไร ตนขอเรียนว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้แก้ไข มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มี สสร.77 จังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยครั้งที่แล้วมาจากการคัดเลือกแล้วส่งให้รัฐสภาตัดสินคราวนี้ก็ให้ประชาชนเลือก แล้วก็มาเลือกเพิ่ม 22 คนจากสาขาสังคม นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ให้ครบ 99 คน เมื่อมีสสร.ก็ให้ไปว่ากัน เสร็จแล้วก็ไปสอบถามประชาชน หากประชาชนเห็นชอบก็นำเข้ารัฐสภา และวางเเนวทางว่ารัฐสภาไม่สามารถแปรญัตติได้ ทำได้แค่รับหรือไม่รับ มันจะเป็นที่พึงพอใจ ส่วนสสร.จะยกร่างมาแบบใด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ซึ่งจะเป็นประตูบานแรกที่เปิดช่องให้นิรโทษกรรมโดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนละเรื่อง ใครคิดแบบนี้ไร้สาระ ตนเคยร่วมปฏิวัติกับกลุ่มยังเติร์กเมื่อปี 2524 การนิรโทษกรรมต้องออกเป็นพระราชกำหนดหรือพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อไม่ให้การออกกฎหมายนิรโทษกรรมขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ 2550 แต่จะยกร่างใหม่ ส่วนจะมีสาระเช่นใดตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่าหากยกร่างใหม่ มาตรา 309 จะยกเลิกโดยปริยายหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ยกเลิกทั้งฉบับ มาตรานั้นมีไว้คุ้มครองคณะปฏิวัติ และองค์กรที่ตั้งขึ้นมา หากทำสิ่งใดก่อนและหลังจะไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ยืนยันว่าตอนนี้ไม่มีใครพูดเรื่องนิรโทษกรรม พูดแต่เพียงว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการปฏิวัติ เมื่อมาจากเผด็จการที่พรรคต่อต้านและไม่เห็นด้วยมาตลอด การเลือกตั้งก็บอกไปเเล้วว่าไม่เห็นด้วย เมื่อมีโอกาสต้องแก้ แต่ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะจะยกร่างใหม่ทั้งฉบับ และเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้นมันต้องคุยในพรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อถามมาเเล้ว ตนก็ตอบ เรื่องนี้ตนพร้อมดีเบตทุกเวที
“มาตรา 309 ที่เกี่ยวโยงกับความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถตีความได้สองแบบ ซึ่งจะตีความออกมาในลักษณะใดก็ขึ้นอยู่ที่ศาล แต่หากจำได้ในคดียึดทรัพย์ของครอบครัวชินวัตร ศาลฎีกาได้มีการพิพากษารับรองสถานะของ คตส.ว่ามีความชอบตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดว่าไม่ใช่เป็นการแก้ไขปัญหาให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะนักการเมืองมีการพลิกลิ้นได้ตลอดเวลา” นายคมสัน ระบุ
นายคมสันกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเห็นว่าความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะมีการยกเลิกมาตรา 309 ออกไป เพราะการตรวจสอบคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณสมัยนั้นได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 40 รวมถึงกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ส่วน คตส.เป็นเพียงองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อการสอบสวนเท่านั้น แม้จะยกเลิก คตส.ไป ความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังคงอยู่ และที่ผ่านมาการตัดสินคดีความต่างๆของศาลฎีกาจะมีผลผูกพันกับการสอบสวน แต่ไม่ได้ยึดกระบวนการสอบสวน เพราะถือว่ากระบวนการสอบสวนแม้จะมาโดยไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง ดังนั้นที่ผ่านมาศาลไม่เคยเพิกถอนการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าอาจจะตั้ง ส.ส.ร. 3 โดยการเลือกตั้งตัวแทนจาก 77 จังหวัด และนักวิชาการด้านกฎหมาย 22 คน รวมเป็น 99 คนนั้น นายคมสัน กล่าวว่า โดยหลักการการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งนี้ตนมีคำถามว่าการให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะจำกัดเฉพาะการเลือกตั้งเท่านั้นใช่หรือไม่ ซึ่งในทฤษฎีการมีส่วนร่วมของประชาชนมีหลายหลากรูปแบบ ส่วนวิธีการได้มาของ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งนั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกบิดเบือนเจตนารมณ์ อาทิ มีการซื้อเสียง บล็อกโหวต เป็นต้น โดยส่วนตัวมองว่า บุคคลที่จะมาร่วมยกร่างต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ และมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งหากได้ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเป็นคนที่ไม่มีความรู้ด้านรัฐธรรมนูญ อาจจะถูกตั้งคำถามว่าเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง ที่ผ่านมามีกลุ่มนักวิชาการด้านกฎหมายเคยหารือเกี่ยวกับปฏิรูปประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เบื้องต้นอาจให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 คณะ คือ 1.กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2.กรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม กระบวนการยุติธรรม และ 3.กรรมการปฏิรูประบบบริหารราชการ
** เฉลิมยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่แก้ม.112
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเเละเเกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่ได้ชี้เเจงในสภาไปว่าจะไม่เเก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยผู้สื่อข่าวถามว่าระบุชัดได้หรือไม่ว่าจะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นจะไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ส่วนเรื่องอื่นๆขอยังไม่พูด เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม แต่อาจมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่พูด ตนเป็นคนเดียว คงตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าช่วงหาเสียงได้ระบุว่าหากเป็นรัฐบาล 6 เดือนจะนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นเทคนิคปราศรัยที่ชนะมาทุกจังหวัด หากตนไม่พูดเเบบนั้น ประชาชนคงไม่เลือก เเละพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่กลับหรอกอาจจะนานนิด เว้นเเต่ฝ่ายค้านพูดถึงบ่อยๆ และอยากอภิปรายพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตนไม่ว่าอะไร ตนขอเรียนว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้แก้ไข มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มี สสร.77 จังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยครั้งที่แล้วมาจากการคัดเลือกแล้วส่งให้รัฐสภาตัดสินคราวนี้ก็ให้ประชาชนเลือก แล้วก็มาเลือกเพิ่ม 22 คนจากสาขาสังคม นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ให้ครบ 99 คน เมื่อมีสสร.ก็ให้ไปว่ากัน เสร็จแล้วก็ไปสอบถามประชาชน หากประชาชนเห็นชอบก็นำเข้ารัฐสภา และวางเเนวทางว่ารัฐสภาไม่สามารถแปรญัตติได้ ทำได้แค่รับหรือไม่รับ มันจะเป็นที่พึงพอใจ ส่วนสสร.จะยกร่างมาแบบใด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ซึ่งจะเป็นประตูบานแรกที่เปิดช่องให้นิรโทษกรรมโดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนละเรื่อง ใครคิดแบบนี้ไร้สาระ ตนเคยร่วมปฏิวัติกับกลุ่มยังเติร์กเมื่อปี 2524 การนิรโทษกรรมต้องออกเป็นพระราชกำหนดหรือพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อไม่ให้การออกกฎหมายนิรโทษกรรมขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ 2550 แต่จะยกร่างใหม่ ส่วนจะมีสาระเช่นใดตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่าหากยกร่างใหม่ มาตรา 309 จะยกเลิกโดยปริยายหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ยกเลิกทั้งฉบับ มาตรานั้นมีไว้คุ้มครองคณะปฏิวัติ และองค์กรที่ตั้งขึ้นมา หากทำสิ่งใดก่อนและหลังจะไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ยืนยันว่าตอนนี้ไม่มีใครพูดเรื่องนิรโทษกรรม พูดแต่เพียงว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการปฏิวัติ เมื่อมาจากเผด็จการที่พรรคต่อต้านและไม่เห็นด้วยมาตลอด การเลือกตั้งก็บอกไปเเล้วว่าไม่เห็นด้วย เมื่อมีโอกาสต้องแก้ แต่ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะจะยกร่างใหม่ทั้งฉบับ และเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้นมันต้องคุยในพรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อถามมาเเล้ว ตนก็ตอบ เรื่องนี้ตนพร้อมดีเบตทุกเวที
