xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นกลุ่มชินฯรุ่งอานิสงส์นโยบายเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - “เทมาเส็ก”เตรียมรับทรัพย์เพิ่ม หลังภาพรวมหุ้นกลุ่มชินคอร์ปไตรมาส 2 “แอดวานซ์ฯ” นำขบวนน้องๆส่งส่วยกำไร วงการเชื่อรัฐบาลเพื่อไทย จะช่วยสร้างอานิสงส์และช่วยลดอุปสรรค ดันกำไร-ผลดำเนินงานทั้งเครือขยายตัว ทั้งการประมูล 3G ,ปัญหาทางกฎหมาย-สัมปทานที่ข้างคากับภาครัฐ และแนวโน้มการฟื้นตัวของไทยคม ที่ส่อเข้าไปเป็นฮีโร่ช่วยชาติรักษาวงโคจร

หลังจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทยอยประกาศผลดำเนินงานไตรมาส2/2554 ออกมา พบว่าหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ (เทมาเส็กโฮลดิ้ง) และมีผู้ก่อตั้งคืออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิน ชินวัตร ได้แจ้งผลดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวแก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ครบหมดแล้ว รวมถึง บมจ.เอซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) ที่ยังเป็นตระกูลชินวัตรด้วย

ทั้งนี้จากข้อมูลที่บริษัทเหล่านี้แจ้งแก่ ตลท. พบว่า บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (INTUCH) มีกำไรสุทธิในไตรมาส2 2,663.047 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1,928.167 ล้านบาท ขณะที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) มีกำไรสุทธิ 6,116.277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส2/2553 ซึ่งกำไรสุทธิ 4,870.076 ล้านบาท ด้าน บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) มีกำไรสุทธิ 101.766 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส2/53 ที่มีกำไรสุทธิ 99.419 ล้านบาท

ส่วนบมจ.ไทยคม (THCOM) พบว่าผลดำเนินงานไตรมาส2/54ขาดทุนสุทธิ 24.558 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2/53 ซึ่งขาดทุนสุทธิ 155.166 ล้านบาท เช่นเดียวกับบมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK ที่ขาดทุนสุทธิ 315.796 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.530 ล้านบาท และบมจ.ไอทีวี (ITV) ขาดทุนสุทธิ 106.259ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2/53 ที่ขาดทุนสุทธิ 108.701 ล้านบาท

ขณะที่ SC ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือตระกูลชินวัตร มีกำไรสุทธิในไตรมาส2/54 จำนวน 361.855 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิ 210.427 ล้านบาท

โดย INTUCH ชี้แจงถึงผลดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวว่า บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 จากจำนวน 4,659 ล้านบาท ในไตรมาส 1/54 เป็น 5,015 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้จากการขายและการให้บริการ และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/53 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 เป็นผลจากส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียใน ADANC รวมทั้งมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1 เป็น 2,148 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากธุรกิจดาวเทียม ธุรกิจสื่อและโฆษณา และธุรกิจอื่น

บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวงระบุว่า การคาดการณ์ว่าการจัดตั้ง กสทช.ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นภายในไตรมาส 4 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการประมูลใบอนุญาต3G ในอนาคต รวมถึงการที่ผลการดำเนินงานของ THCOM มีแนวโน้มถึงจุดคุ้มทุนภายในไตรมาส 4 และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่ลดลงอย่างมากภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้หุ้นINTUCH กลับมามีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้นจึงปรับราคาINTUCH ปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 15%มาอยู่ที่ 49.30 บาท เพื่อสะท้อนการปรับราคา ADVANC เพิ่มขึ้นอีก 7% และราคา THCOM เพิ่มขึ้นอีก 44% รวมถึงการปรับส่วนต่างของส่วนลดสำหรับบริษัทโฮลดิ้งให้แคบลงจากเดิม และภายใต้สมมติฐานว่าADVANC มีแนวโน้มชนะการประมูลใบอนุญาต 3G ในอนาคต ทำให้ราคาของ INTUCH มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็น 56 บาท

ขณะเดียวกันตั้งข้อสังเกตว่าปริมาณการซื้อขายหุ้น INTUCH ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา จากการคาดการณ์ว่าการที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ช่วยผ่อนคลายปัญหาที่ค้างคาด้านกฎระเบียบและกฎหมายสำหรับกรณีการแก้ไขสัญญาสัมปทานในอดีตของ ADVANCทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มอีก 6%เพื่อสะท้อนกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของ ADVANC ที่ออกมาดีกว่าคาด และผลขาดทุนของ THCOM ที่ออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมาก รวมทั้งการปรับประมาณการกำไรสุทธิปีของ ADVANC เพิ่มขึ้นอีก 3%

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หุ้นกลุ่มสื่อสารของไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปลายไตรมาส4ของปี 2553 จนถึงขณะนี้ โดยหุ้นทุกตัวที่เป็นกลุ่มสื่อสารได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกตัวยกเว้นหุ้น TURE เพียงตัวเดียวที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจากผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มสื่อสารที่ดีในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ในครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ราคาของหุ้นกลุ่มสื่อสารในขณะนี้ยังมีความน่าสนใจ เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีอัตราการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหุ้นโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 7% ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะให้ปันผลอยุ่ที่ 8%อีกทั้งหุ้นเหล่านี้ยังมีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษอีกด้วย อาทิหุ้นของDTAC

สำหรับหุ้นในกลุ่มชินคอปอร์เรชั่นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยราคาหุ้นกลุ่มนี้ได้ปรับตัวเพิ่มก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง แม้ว่าหลังจากการเหลือกตั้งหุ้นดังกล่าวจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง แต่มองว่าไม่ได้มาจากปัจจัยทางการเมือง แต่มาจากปัจจัยพื้นฐานของหุ้นมากกว่า

จับตาธุรกิจดาวเทียมไทยคม

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายรายชื่อว่า ครึ่งปีหลัง 54 น่าจะได้เห็นการ Turnaround จากธุรกิจดาวเทียม โดยคาดว่า ธุรกิจดาวเทียมไทยคม 5 (Conventional) และ IPSTAR จะมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะ IPSTAR ที่จะมีการใช้งาน BW เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8% จากครึ่งปีแรก เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้การใช้งานโครงการ NBN ออสเตรเลีย (3.2%), มาเลเซีย (3%) ส่วนอินเดียจะใช้งานเพิ่มอีก 2% จาก 4% โดยในครึ่งปีแรก โดยใน 3Q/54 เราคาดว่าจะเห็นรายได้จากการให้บริการ BW IPSTAR เติบโตต่อเนื่อง และช่วยชดเชยรายได้ขาย UT ที่มีแนวโน้มลดลง แต่ยังกังวลต่อผลการดำเนินงาน ของธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ (ลาวและกัมพูชา) เนื่องจากเป็นธุรกิจเดียวที่มี EBITDA ลดลง 62% และมีผลขาดทุนจากการเกือบ 200 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน การที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เข้ามาเป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ก็ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า THCOM มีโอกาสเข้าไปรับหน้าที่การรักษาสิทธิ์วงโคจรในตำแหน่ง 120 องศา และ 50.5 องศาตะวันออก เพราะบมจ.ไทยคม ได้ยื่นข้อเสนอเข้ามายังกระทรวงไอซีทีแล้ว ทำให้เชื่อว่า THCOM จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้แน่ เพราะในแง่ธุรกิจไม่มีใครทำให้ฟรีๆ

ส่วนด้าน SC นั้น บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินว่า แนวโน้มธุรกิจมีความสดใส หลังยอดขาย (Presales) ไตรมาส2เป็น 2,200 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 69% เพราะมีการเปิดขายโครงการใหม่ 3 โครงการ ทำให้มองว่าอัตราการเติบโตกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 55 จะก้าวกระโดดมากถึง 41% ถือว่าโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรมอย่างมาก เนื่องจากยอดขายในปีนี้จะสูง แต่จะไปโอนไปรับรู้ในปี 2555 เสียมาก ส่วนปีนี้คาดเติบโต 4%
กำลังโหลดความคิดเห็น