ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยพุ่ง! เฉียด 50 จุด วอลุ่มทะลัก 6.3 หมื่นล้านบาท ขานรับ ปูแดง นั่งนายกฯ ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิกว่าหมื่นล้านบาท ดันหุ้นพลังงาน-แบงก์ปรับตัวเพิ่ม รับเหมาก็ไม่น้อยหน้า “อิตาเลี่ยนไทย”นำโด่ง! ฟากหุ้นกลุ่มชินคอร์ป , SC , และในมือกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ ก็ปรับขึ้นรับข่าวดีเจ้านาย วอลุ่มซื้อขายตัวใหญ่หลักพันล้าน โดยเฉพาะADVANC ดีดตัวแรง บวก 7 บาท วอลุ่ม 2.2 พันล้านบาท โบรกฯเตือนความผันผวนรออยู่
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4ก.ค.) อยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังการเมืองไทยมีความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาลผสม 5 พรรค 299 เสียงโดยปิดที่ 1,090.28 จุด เพิ่มขึ้น 48.80 จุด หรือ 4.69% มูลค่าการซื้อขาย 63,110.36 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,094.26 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,069.88 จุด ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจและเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ในหุ้นกลุ่มกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ขึ้นแรง
โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 414 หลักทรัพย์ ลดลง 70 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 98หลักทรัพย์ ส่วนการซื้อขายสุทธิแยกต่ามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 10,694.60 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ซื้อสุทธิ 4,525.92 ล้านบาท และ 1,616.08 ล้านบาทตามลำดับ โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิ 16,836.59 ล้านบาท
*** หุ้นกลุ่มชินคอร์ป-เครือชินวัตรพุ่ง
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,935.68 ล้านบาท ปิดที่ 351.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,454.12 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,233.99 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,220.52 ล้านบาท ปิดที่ 120.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท และITD มูลค่าการซื้อขาย 2,739.05 ล้านบาท ปิดที่ 4.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.06 บาท
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า หุ้นในกลุ่มชินคอร์ป ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวที่พรรคเพื่อไทย ได้เป็ฯแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 85.316 ล้านบาท บมจ.ไทยคม (THCOM) ปิดที่ 9.95 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,193.17 ล้านบาท บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ปิดที่ 111.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,209.46 ล้านบาท บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) ปิดที่ 6.15บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 33.453 ล้านบาท
ขณะที่หุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) ซึ่งมีอดีตผู้บริหารคือ ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง ปิดที่ 15.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,780.51 ล้านบาท เช่นเดียวกับหุ้นในมือของกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น ญาติของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ปิดที่ 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 532.68 ล้านบาท
*** โบรกฯเตือนเตรียมตัวรับความผันผวน
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงเกินคาดเกือบ 50 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความชัดเจนในเรื่องการเมือง ภายหลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งโดยได้รับเสียงข้างมาก และมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับอีก 4 พรรคการเมือง ซึ่งมีคะแนนเสียงรวมกันถึง 299 เสียง ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพ จึงเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มแบงก์และพลังงานเป็นตัวนำตลาดฯ ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่น กลุ่มชินคอร์ป
สำหรับปัจจัยในต่างประเทศก็ดีขึ้น หลังกรีซผ่านมาตรการรัดเข็มขัด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดี ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ก็ปรับตัวขึ้นตอบรับมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปิดทำการ วานนี้จะจึงปรับขึ้นตาม โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(5 ก.ค.) ดัชนีคงเริ่มผันผวน อย่างไรก็ตามต้องรอติดตามว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อต่อหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,080 และ 1,060 จุด แนวต้าน 1,100 และ 1,113 จุด
"ภาพตลาดฯตอนนี้ก็เริ่มมีความคาดหวังว่าหุ้นจะไปต่อ มีโอกาสทดสอบ high เดิมที่ 1,113 จุด ในสัปดาห์นี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นมาก็ต้องเตรียมตัวรับความผันผวนที่จะตามมา เชื่อว่าถ้าขึ้นมาอีก ก็คนมองขายแน่ ดังนั้นต้องกลับไปรอดูว่าต่างชาติจะซื้อต่อหรือเปล่า ทำให้เชื่อว่าถ้าทุกอย่างจบ ไม่มีม๊อบ ไม่มีมาทะเลาะกันเชื่อว่าภาพตลาดหุ้นบ้านเราจะดีกว่านี้"นายเจริญ กล่าว
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4ก.ค.) อยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังการเมืองไทยมีความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาลผสม 5 พรรค 299 เสียงโดยปิดที่ 1,090.28 จุด เพิ่มขึ้น 48.80 จุด หรือ 4.69% มูลค่าการซื้อขาย 63,110.36 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,094.26 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,069.88 จุด ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจและเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ในหุ้นกลุ่มกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ขึ้นแรง
โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 414 หลักทรัพย์ ลดลง 70 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 98หลักทรัพย์ ส่วนการซื้อขายสุทธิแยกต่ามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 10,694.60 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ซื้อสุทธิ 4,525.92 ล้านบาท และ 1,616.08 ล้านบาทตามลำดับ โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิ 16,836.59 ล้านบาท
*** หุ้นกลุ่มชินคอร์ป-เครือชินวัตรพุ่ง
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,935.68 ล้านบาท ปิดที่ 351.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,454.12 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,233.99 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,220.52 ล้านบาท ปิดที่ 120.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท และITD มูลค่าการซื้อขาย 2,739.05 ล้านบาท ปิดที่ 4.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.06 บาท
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า หุ้นในกลุ่มชินคอร์ป ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวที่พรรคเพื่อไทย ได้เป็ฯแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 85.316 ล้านบาท บมจ.ไทยคม (THCOM) ปิดที่ 9.95 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,193.17 ล้านบาท บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ปิดที่ 111.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,209.46 ล้านบาท บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) ปิดที่ 6.15บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 33.453 ล้านบาท
ขณะที่หุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) ซึ่งมีอดีตผู้บริหารคือ ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง ปิดที่ 15.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,780.51 ล้านบาท เช่นเดียวกับหุ้นในมือของกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น ญาติของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ปิดที่ 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 532.68 ล้านบาท
*** โบรกฯเตือนเตรียมตัวรับความผันผวน
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงเกินคาดเกือบ 50 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความชัดเจนในเรื่องการเมือง ภายหลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งโดยได้รับเสียงข้างมาก และมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับอีก 4 พรรคการเมือง ซึ่งมีคะแนนเสียงรวมกันถึง 299 เสียง ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพ จึงเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มแบงก์และพลังงานเป็นตัวนำตลาดฯ ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่น กลุ่มชินคอร์ป
สำหรับปัจจัยในต่างประเทศก็ดีขึ้น หลังกรีซผ่านมาตรการรัดเข็มขัด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดี ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ก็ปรับตัวขึ้นตอบรับมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปิดทำการ วานนี้จะจึงปรับขึ้นตาม โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(5 ก.ค.) ดัชนีคงเริ่มผันผวน อย่างไรก็ตามต้องรอติดตามว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อต่อหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,080 และ 1,060 จุด แนวต้าน 1,100 และ 1,113 จุด
"ภาพตลาดฯตอนนี้ก็เริ่มมีความคาดหวังว่าหุ้นจะไปต่อ มีโอกาสทดสอบ high เดิมที่ 1,113 จุด ในสัปดาห์นี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นมาก็ต้องเตรียมตัวรับความผันผวนที่จะตามมา เชื่อว่าถ้าขึ้นมาอีก ก็คนมองขายแน่ ดังนั้นต้องกลับไปรอดูว่าต่างชาติจะซื้อต่อหรือเปล่า ทำให้เชื่อว่าถ้าทุกอย่างจบ ไม่มีม๊อบ ไม่มีมาทะเลาะกันเชื่อว่าภาพตลาดหุ้นบ้านเราจะดีกว่านี้"นายเจริญ กล่าว
