นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้บรรยายสรุปภาพรวมแผนการดำเนินงานของทีโอทีให้แก่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นั้น มีโครงการที่ทีโอที เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อจะได้เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันได้ในอนาคตคือ การสร้างโครงข่ายอัจฉริยะเพื่ออนาคต ( เอ็นจีเอ็น ) มูลค่า 13,500 ล้านบาท แต่ ทีโอที ต้องปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความต้องการใช้บริการ รวมถึงต้องสนองนโยบายรัฐบาลด้วย แล้วเมื่อปรับปรุงแผนลงทุนแล้วเสร็จ ก็ต้องนำเสนอ รมว.ไอซีที เพื่อพิจารณาอนุมัติ แล้วส่งต่อไปให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติต่อไป
สำหรับโครงการเอ็นจีเอ็น นั้น เป็นการลงทุนและปรับเปลี่ยนโครงข่ายเดิมของ ทีโอที ที่ใช้งานมานานกว่า 20 ปี ให้ทันสมัยตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะบริการโทรคมนาคม ที่ครบวงจรตั้งแต่โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ดูรายการทีวีต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น อีกทั้งโครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างรายได้ให้ทีโอที เพื่อทดแทนรายได้จากสัญญาสัมปทานที่จะต้องส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2556 เป็นต้นไป โดยแต่ละปีทีโอที มีรายได้จากสัญญาสัมปทานจำนวน 18,000 ล้านบาท
นอกจากโครงการเอ็นจีเอ็น ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มแล้ว ยังมีโครงการ 3 จี ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มด้วยเช่นกัน โดยทีโอที ได้เร่งดำเนินการติดตั้งสถานีฐานเพื่อให้เปิดบริการได้ในเดือน พ.ย.นี้ และแล้วเสร็จทั้งโครงการในเดือน พ.ค.2555 อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงนี้จะเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นช่วงของการเตรียมการทั้งการสำรวจ ทำเลที่ตั้งเสาโทรคมนาคม การใช้สถานีฐานร่วมกับค่ายมือถือรายอื่นๆ ซึ่งขณะนี้มีข้อยุติไปบ้างแล้ว ทำให้เริ่มทยอยติดตั้งอุปกรณ์ 3 จีได้แล้ว
" ทั้งโครงการ 3 จี โครงการปรับปรุงโครงข่ายเอ็นจีเอ็น มีความสำคัญต่อทีโอที เพราะจะช่วยสร้างรายได้ที่ทดแทนรายได้จากสัญญาสัมปทานได้ในอนาคต ทำให้ทีโอทีต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งโครงการเอ็นจีเอ็นหากได้รับอนุมัติภายในปีนี้ก็จะดำเนินการก่อสร้างติดตั้งอุปกรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หรือปลายปี 2555 ก็จะสามารถนำโครงข่ายใหม่มาให้บริการได้"
สำหรับการประมาณการรายได้ปี 2555 คาดว่ารายได้รวมของทีโอที จะมีจำนวนกว่า 73,517 ล้านบาท รายจ่าย 66,942 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,575 ล้านบาท รายได้รวมของทีโอที จำนวนดังกล่าวแบ่งรายได้ จากการดำเนินธุรกิจของทีโอที 35,045 ล้านบาท รายรับจากส่วนแบ่งสัญญาสัมปทานร่วมงานที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) จำนวน 17,433 ล้านบาท รายได้จากบริการอื่นๆ รวม 1,231 ล้านบาท แต่หากคิดเป็นรายได้ทางบัญชีเท่ากับ 19,807 ล้านบาท
สำหรับโครงการเอ็นจีเอ็น นั้น เป็นการลงทุนและปรับเปลี่ยนโครงข่ายเดิมของ ทีโอที ที่ใช้งานมานานกว่า 20 ปี ให้ทันสมัยตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะบริการโทรคมนาคม ที่ครบวงจรตั้งแต่โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ดูรายการทีวีต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น อีกทั้งโครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างรายได้ให้ทีโอที เพื่อทดแทนรายได้จากสัญญาสัมปทานที่จะต้องส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2556 เป็นต้นไป โดยแต่ละปีทีโอที มีรายได้จากสัญญาสัมปทานจำนวน 18,000 ล้านบาท
นอกจากโครงการเอ็นจีเอ็น ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มแล้ว ยังมีโครงการ 3 จี ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มด้วยเช่นกัน โดยทีโอที ได้เร่งดำเนินการติดตั้งสถานีฐานเพื่อให้เปิดบริการได้ในเดือน พ.ย.นี้ และแล้วเสร็จทั้งโครงการในเดือน พ.ค.2555 อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงนี้จะเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นช่วงของการเตรียมการทั้งการสำรวจ ทำเลที่ตั้งเสาโทรคมนาคม การใช้สถานีฐานร่วมกับค่ายมือถือรายอื่นๆ ซึ่งขณะนี้มีข้อยุติไปบ้างแล้ว ทำให้เริ่มทยอยติดตั้งอุปกรณ์ 3 จีได้แล้ว
" ทั้งโครงการ 3 จี โครงการปรับปรุงโครงข่ายเอ็นจีเอ็น มีความสำคัญต่อทีโอที เพราะจะช่วยสร้างรายได้ที่ทดแทนรายได้จากสัญญาสัมปทานได้ในอนาคต ทำให้ทีโอทีต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งโครงการเอ็นจีเอ็นหากได้รับอนุมัติภายในปีนี้ก็จะดำเนินการก่อสร้างติดตั้งอุปกรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หรือปลายปี 2555 ก็จะสามารถนำโครงข่ายใหม่มาให้บริการได้"
สำหรับการประมาณการรายได้ปี 2555 คาดว่ารายได้รวมของทีโอที จะมีจำนวนกว่า 73,517 ล้านบาท รายจ่าย 66,942 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,575 ล้านบาท รายได้รวมของทีโอที จำนวนดังกล่าวแบ่งรายได้ จากการดำเนินธุรกิจของทีโอที 35,045 ล้านบาท รายรับจากส่วนแบ่งสัญญาสัมปทานร่วมงานที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) จำนวน 17,433 ล้านบาท รายได้จากบริการอื่นๆ รวม 1,231 ล้านบาท แต่หากคิดเป็นรายได้ทางบัญชีเท่ากับ 19,807 ล้านบาท