xs
xsm
sm
md
lg

กระทรวงการต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

กระทรวงการต่างประเทศ เป็นกระทรวงเก่าแก่ที่มีความสำคัญยิ่ง แม้ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นประเทศมหาอำนาจเหมือนสหรัฐอเมริกา แต่กระทรวงการต่างประเทศก็จัดเป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับความนับหน้าถือตา จัดเป็นกระทรวงเกรด A มาโดยตลอด

ในสมัยก่อนผู้เข้ารับราชการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีตั้งแต่มารยาททางการทูต มารยาททางการปฏิบัติตน ข้าราชการระดับล่างที่เรียกว่า “นายเวร” ต้องฝึกการเสิร์ฟอาหารเวลามีงานเลี้ยงด้วย หลวงวิจิตรวาทการเคยเป็นนายเวรเล่าว่า เคยเสิร์ฟอาหาร และเห็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศท่านหนึ่งสนทนากับทูตต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว คือ พูดภาษาอังกฤษกับทูตที่นั่งอยู่ด้านขวา แล้วสลับไปคุยเป็นภาษาฝรั่งเศสกับคนด้านซ้ายอย่างชำนาญ

ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ มักรู้ทั้งสองภาษา คือ อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างน้อยหากรู้ภาษาใดภาษาหนึ่งเพียงภาษาเดียว ก็ต้องพูดและเขียนให้ดี จึงจะมีความก้าวหน้าในวงราชการ

กระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการคลัง ถือเป็น “เสาหลัก” ของระบบราชการไทย ผู้ซึ่งจะได้เข้ารับราชการในสองกระทรวงนี้ ต้องผ่านการสอบคัดเลือกอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ปีหนึ่งๆ มีผู้เข้าสอบหลายร้อย-พันคน รอบแรกจะต้องสอบภาษาอังกฤษให้ผ่านเสียก่อน แล้วจึงไปสอบข้อเขียน หลังจากนั้นจึงไปสอบสัมภาษณ์ การสอบสัมภาษณ์ให้ทุกคนไปอยู่ร่วมกัน 2-3 วัน เพื่อสังเกตพฤติกรรมและอุปนิสัยในการสอบสัมภาษณ์ กรรมการจะถามเป็นภาษาอังกฤษด้วย และจะให้กรรมการผู้หนึ่งคอยยั่วอารมณ์เพื่อดูปฏิกิริยาว่าจะมีความมั่นคงทางอารมณ์เพียงใด

กระทรวงการต่างประเทศ เป็นแหล่งที่รวมคนดี-คนเก่งไว้มาก นับตั้งแต่นักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นภาควิชาที่เด็กเก่งๆ สอบได้คะแนนสูงกว่าภาควิชาอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีเด็กที่ไปเรียนเมืองนอมตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งมักจะเป็นประเทศอังกฤษ จบมหาวิทยาลัยดีๆ โดยเฉพาะอ๊อกซฟอร์ด และเคมบริดจ์ ก็จะเข้ามาอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ หากเป็นนักเรียนฝรั่งเศส ก็มักจะจบด็อกเตอร์อังดรัว มาในสมัยหลังๆ จึงมีคนจบจากอเมริกาเข้ามาสมทบ

คนเก่งๆ ในกระทรวงการต่างประเทศ มีตั้งแต่คุณแผน วรรณเมธี ส่วนนักเรียนทุกคนแรกๆ ก็มีดร.ประชา คุณะเกษม ดร.พีรพงศ์ เกษมศรี เป็นต้น ส่วนรุ่นคุณอานันท์ ปันยารชุน ก็มีคนเก่งหลายคน เช่น ดร.สมปอง สุจริตกุล ดร.วิเชียร วัฒนคุณ คุณสากล วรรณพฤกษ์ คุณเจตน์ สุจริตกุล เป็นต้น บุคคลเหล่านี้ต่างเป็นทูตผู้มีความสามารถรุ่นถัดมาหน่อยก็มี ม.ร.ว.เทพ เทวกุล คุณนิตย์ พิบูลสงคราม คุณสาโรช ชวนะวิรัช และคุณอัษฎา ชัยนาม เป็นต้น คนรุ่นผมที่อยู่กระทรวงการต่างประเทศ ที่มีชื่อเสียงก็คือ คุณเตช บุนนาค ส่วนรุ่นถัดมาที่เพิ่งเกษียณไป ก็มีคุณกษิต ภิรมย์ คุณอภินันท์ ปวนะฤทธิ์ คุณสุรพงษ์ ชัยนาม คุณวิกรม คุ้มไพโรจน์ และคุณกฤษณ์ กาญจนกุญชร เป็นต้น ส่วนผู้ที่กำลังจะเกษียณก็มีคุณวีระศักดิ์ ฟูตระกูล และคุณจริยวัฒน์ สันตะบุตร

ประมาณยี่สิบปีที่แล้ว คุณอาสา สารสิน เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เล็งเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังมีความสำคัญ แต่กระทรวงมีนักกฎหมาย และนักรัฐศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ จึงได้ส่งเสริมให้คัดเลือกผู้จบทางเศรษฐศาสตร์เข้ามาทำงานในกระทรวงมากขึ้น เวลานี้นับว่ากระทรวงการต่างประเทศ มีข้าราชการที่รู้เรื่องเศรษฐกิจมากขึ้น

เราถือว่าทูตของไทยเป็นวิชาชีพ คนในกระทรวงจึงยึดกุมตำแหน่งทูตอย่างแน่นเหนียว ในอดีตมีนายทหารและตำรวจเข้ามาเป็นข้าราชการบางระยะ เช่น พล.ต.ต.จำรัส มัณฑุกานนท์ พล.ต.ต.ปราโมทย์ จงเจริญ พล.ต.โชติ คล่องวิชา และพล.ท.ชาญ อังศุโชติ บิดาผมเคยเป็นทูตเขมร แต่เป็นเพราะความจำเป็นไม่ได้สมัครใจหรืออยากจะเป็น เพราะแต่เดิมรัฐบาลส่งไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดติดชายแดนเขมร ต่อมาบิดาผมเข้าไปจัดการนำนายทหารไทยที่ถูกเขมรจับตัวไปกลับมา เนื่องจากมีความสนิทสนมกับผู้นำเขมร จึงถูกส่งไปเป็นทูต เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะส่งไปเป็นทูตที่สวีเดนต่อ บิดาผมจึงลาออก เพราะไม่ใช่นักการทูตมืออาชีพ

กระทรวงการต่างประเทศ จึงเป็นกระทรวงที่เต็มไปด้วยคนเก่ง และมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ ดังนั้นไม่ว่าใครจะไปเป็นรัฐมนตรี ก็จะมีข้าราชการคอยช่วยมาก และเนื่องจากงานของกระทรวงการต่างประเทศ ต้องการผู้มีความรู้ทางเศรษฐกิจ กฎหมาย และการเมืองระหว่างประเทศ ประกอบกับภาษาอังกฤษต้องใช้การได้ดี เพราะต้องไปพูดในที่ประชุมนานาชาติ และเจรจาความเมืองอยู่ตลอดเวลา จึงมักมีการคัดเลือกตัวบุคคลที่เข้าไปเป็นรัฐมนตรีอย่างพิถีพิถัน ส่วนมากมักจะเป็นข้าราชการเก่า หรือไม่ก็บุคคลที่รู้เรื่องการต่างประเทศ และภาษาดี อย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นต้น

ตอนนี้ใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผมก็จำชื่อไม่ค่อยได้ เพราะรัฐมนตรีใหม่ๆ ชุดนี้ ผมจำชื่อได้เพียงไม่กี่คน

ถามคนกระทรวงการต่างประเทศ เขาตอบว่า เวลานี้เอาหมาหรือแมวผูกเนกไทใส่สูทมาเป็นก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ!
กำลังโหลดความคิดเห็น