xs
xsm
sm
md
lg

ดิเอราวัณฯทุ่มหมื่นล.ใน5ปีปรับราคาห้องพักอ้างต้นทุนพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ดิเอราวัณ กรุ๊ป ปลื้ม ผลประกอบการปีนี้ ฟื้นแล้ว ครึ่งปี รายได้โตกว่า 100% เทียบกับปีก่อน เตรียมขยับขึ้นราคาห้องพัก เฉลี่ย 3-5% ในรอบ 3 ปี ระบุ ในอีก 5 ปี ข้างหน้า หมดศึกสงครามราคา เข้าสู่ยุดเติบโตแบบยั่งยืน ยันเดินหน้าแผนงาน 5 ปี ลงทุน 10,000 ล้านบาท เปรยสนใจขยายไลน์สินค้า เปิดคอนโดมิเนียมกลางกรุง สิ้นปีนี้

นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัท ได้ทยอยปรับขึ้นอัตราค่าห้องพักของโรงแรมในกรุ๊ปที่มีอยู่ทั้งหมด ให้เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะขณะนี้ สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัวเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จึงทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่า ถึงสิ้นปี ยอดขายห้องพักของโรงแรมรวมทั้ง 13 แห่ง จะเติบโตจากปี 2553 ราว30% จากอัตราเข้าพักที่เติบโต 13% เทียบกับปีก่อน โดยในส่วนของโรงแรมระดับ 5 ดาว ของบริษัท ได้แก่ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และ โรงแรม เจ ดับ บิว แมริออท สุขุมวิท จะสามารถขยับขึ้นราคาได้ตั้งแต่ 3% ขึ้นไป ขณะที่แบรนด์ โรงแรม 3 และ 4 ดาว คือ ไอบิส และ เมอร์เคียว จะปรับขึ้นราคาได้อย่างน้อย 5% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี



“ปี 2553 รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก ของโรงแรม ในกรุ๊ป เราอยู่ที่ 1,437 บาท ต่อห้องต่อคืน ส่วนปีนี้ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,769 บาท ต่อห้องต่อคืน โดยครึ่งปีแรกของ 2554 อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 72% เพิ่มจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 56% อัตราค่าห้องพักของทั้งกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น 5% ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการปรับตัวขึ้นทุกกลุ่มโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมระดับกลาง อย่าง เมอร์เคียว์และไอบิส ที่เติบโตสูง ตามเทรนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว”

ผลจากการเมืองทำให้ปี 2553 โรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้ในปี 2554 โรงแรมของกลุ่ม ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 5 ดาว และ ระดับกลาง มีอัตราเติบโตรวมเพิ่มจากปีก่อน 122% และ 108% ตามลำดับ ส่วนโรงแรมที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯ มีรายได้เติบโตเทียบกับปีก่อน 38% พื้นที่เมืองพัทยาเติบโตสูงสุด ซึ่งมาจากลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว และการเติบโตของลูกค้าองค์กรจากธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก

***เชื่อ 5 ปี โรงแรม 5 ดาวเข้ายุดเติบโต***

นางกมลวรรณ กล่าวว่า ในช่วงนี้ ยอมรับว่า โรงแรม 5 ดาว ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านถนนสุขุมวิท มีการแข่งขัน สูง ทำให้โรแงรมเกิดใหม่ ต้องเหนื่อยมาก อย่างไรก็ตาม มั่นใจในอีก 5 ปีข้างหน้า โรงแรมระดับ 5 ดาว จะกลับมาเติบโตอย่างจริงจังอีกครั้ง เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่โรงแรมระดับ 5 ดาว แบรนด์ใหม่ๆ จากต่างประเทศ ทยอยเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ซึ่งจะเปิดครบในอีก 5 ปีข้างหน้า หลังจากนั้น การปรับขึ้นราคาของโรงแรมระดับ 5 ดาว จะปรับขึ้นได้ตามต้นทุนที่แท้จริงในแต่ละปี เข้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

แผนงาน 5 ปีของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้าหมายลงทุน 7,000-10,000 ล้านบาท ทั้งรีโนเวตโรงแรมเดิม และเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มเติบ ยังเป็นตามเดิม บริษัท จะมีโรงแรมในประเทศไทยมากกว่า 20 แห่งขึ้นไป จากปัจจุบัน 13 แห่ง โดยในปี 2558 จะมีรายได้เป็น 2,500 ล้านบาท จากจำนวนห้องพักรวม 5,000 ห้อง จากปี 2554 ที่ประเมินว่าจะมีรายได้รวมทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาทเศษ จากจำนวนห้องพักรวม 3,400 ห้อง

***สนใจเปิดธุรกิจคอนโดมิเนียม****

สำหรับแผนการลงทุน มีความเป็นไปได้ ที่จะขยายธุรกิจ เข้าสู่ พร็อพเพอร์ตี้ ที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม ในย่านเมืองและย่านธุรกิจ คาดเปิดตัวสิ้นปีนี้ ตอบรับดีมานด์ที่มีอยู่แล้วในตลาด จากขณะนี้ธุรกิจของบริษัท ยังคงเป็น โรงแรม อาคารสำนักงาน และ พื้นที่พลาซ่า ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ ภายหลังเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนในปี 2558
ถ้าเห็นโอกาสที่เหมาะสมก็จะทำ โดยประเ?สที่น่าลงทุนในความคิดตอนนี้คือ เวียดนาม เพราะ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสูง และยังเป็นประเทศที่มีรถไฟเชื่อมต่อ ทำให้กาเรดินทางสะดวก
กำลังโหลดความคิดเห็น