xs
xsm
sm
md
lg

น้อมรับพระราชเสาวนีย์ “ยิ่งลักษณ์”ลั่นไม่มีฆ่าตัดตอน สั่งรองนายกฯใช้วิธีละมุนละม่อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "นายกฯ-ครม.-ศอ.บต.” น้อมรับพระราชเสาวนีย์ สมเด็จฯพระบรมราชินีนาถ แก้ไขปัญหายาเสพติด-ไฟใต้ “ยิ่งลักษณ์” ลั่นไม่มีฆ่าตัดตอน ให้ใช้วิธีละมุนละม่อม รอมอบหมายงานให้รองนายกฯ ขณะที่ ศธ.เล็งถกแก้ยาเสพติดระบาดใน ร.ร.

ช่วงเช้าวานนี้ (12 ส.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรสเดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 12 สิงหาคม 2554 ในพระบรมมหาราชวัง

ต่อมาเวลา 10.10 น.ที่ ทำการพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่มีความกังวลในเรื่องปัญหายาเสพติดว่า ตนจะน้อมรับ และจะนำพระราชเสาวนีย์นั้นไปมอบหมายในคณะรัฐมนตรี สำหรับเรื่องปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องที่ตนมีนโยบายที่ได้เคยเรียนกับพี่น้อง ประชาชนอยู่แล้ว และจะนำเรื่องยาเสพติดเข้าไปมอบหมายแก่ผู้ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบและจะให้ ติดตามงานอย่างดี แต่ต้องดูแลในเรื่องวิธีการและขั้นตอนของการปราบยาเสพติด พร้อมกับต้องดูแลผู้ที่เสพยาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมอบหมายให้รองนายกฯ ท่านใดเข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะไปมอบหมายให้กับทาง ครม. เมื่อถามต่อถึงการแบ่งสายงานที่ชัดเจนจะมีขึ้นเมื่อไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า มีแน่นอน และจะแจ้งให้ทราบในเร็วๆนี้ เมื่อถามว่า เรื่องของการปราบยาเสพติดจะใช้วิธีการเหมือนสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างจะใช้ลักษณะวิธีการที่เป็นขั้นตอน แต่วิธีการต้องแน่ใจว่าเป็นวิธีการที่ละมุลละม่อม และมีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างชัดเจน ที่สำคัญผู้ที่เสพยาเราถือว่าเป็นผู้ป่วยที่จะต้องมีการดูแล และบำรุงรักษา
เมื่อถามต่อว่าข้อกล่าวหาการฆ่าตัดตอน เช่นในอดีต จะสามารถลบทิ้งได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ค่ะ คงต้องเอาข้อกรณีต่างๆทั้งหมดในอดีตมาดูและปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้แน่ใจ เมื่อถามต่อว่า รูปธรรมใดที่เป็นของเดิมสามารถนำมาใช้ได้ และของใหม่ที่จะคิดทำเพิ่มเติมในการปราบยาเสพติด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะให้ผู้ที่รับผิดชอบมาชี้แจงในรายละเอียดดีกว่า เพราะขั้นตอนคงต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

เมื่อถามว่า การปราบยาเสพติดทุกครั้งจะมีปัญหาคือ ไม่สามารถสาวไปยังผู้บงการหลัก แต่จะจับได้เพียงระดับล่างหรือรายย่อยเท่านั้น ดังนั้นรัฐบาลจะมีวิธีดำเนินการอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะต้องทำงานในเชิงลึก และคงจะให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างดี

**นำปัญหายาเสพติดถกสภากลาโหม

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ขอความร่วมมืออย่างจริงจังจากรัฐบาลและคนไทยคือปัญหายาเสพติดที่ทำลายสังคมไทยมานานว่า สำหรับพระราชเสาวนีย์ของพระองค์ท่านตนขอรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมน้อมรับนำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญต้องเร่งแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นในสัปดาห์หน้าภายหลังจากที่ตนได้เข้าทำงานกระทรวงกลาโหมในวันที่ 16 ส.ค.2554 จะขอเชิญประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจะบรรจุวาระในที่ประชุมสภากลาโหมเพื่อร่วมกับหาแนวทงแก้ไขปัญหา เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สมเด็จพระนางเจ้าฯมีความห่วงใย และเรื่องนี้ทางรัฐบาลเองต้องรีบดำเนินการ

“ ปัญหายาเสพติด ยาบ้า ที่ยังมีการผลิตและจำหน่ายในสถานที่ต่างๆทั้งในชุมชน วัด โรงเรียน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ผมให้ความสำคัญเพราะเป็นปัญหาเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของชาติโดยตรง และที่สำคัญต้องทำการปราบปรามสกัดกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เล็ดรอดเข้ามาจากในประเทศ รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจัง เพราะถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งผมจะประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกันบำบัดผู้ติดยาเสพติด โดยกองทัพต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เพราะเราถือว่าครอบครัวจะเป็นสุขได้ต้องไม่มีลูก หลานติดยาเสพติด อย่างไรก็ตามด้านการปราบรามเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทหารก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยในการสกัดกั้นตามแนวชายแดน จุดตรวจ จุดสกัดต่าง ๆ ซึ่งทางกองทัพก็มีความพร้อมเต็มที่ ทั้งนี้ผมจะกำชับไปยังผบ.เหล่าทัพ ขอความร่วมมือในการปราบปรามสกัดกั้นในทุกๆพื้นที่ที่พระองค์ท่านมีความห่วงใย ทหารเรารับพระราชเสาวนีย์ใส่เกล้าฯพร้อมจะปฏิบัติอยู่แล้ว”

**ยงยุทธ" พร้อมรับพระราชเสาวนีย์ไปปฏิบัติ

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับพระราชเสาวนีย์ ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงพัฒนาและชี้แนวทางให้กับเราในหลายเรื่องเช่น เรื่องยาเสพติด กองทุนหมู่บ้าน ปัญหาภาคใต้ ศิลปะชีพ และอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน ได้รับใส่เกล้าใส่กระหม่อม เพื่อนำมาเป็นนโยบาย และ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่าอย่าทำให้ตกหล่น อีกทั้งนโยบายของเราถ้าร่างเสร็จแล้วจะให้รัฐมนตรีทราบทั้งหมด และ ส.ส.ของพรรคทราบด้วย จากนั้นจะนำเข้าสู่รัฐสภา

**ศธ.เล็งถกแก้ยาเสพติดระบาดใน ร.ร.

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า น้อมรับพระราชดำรัสในการแก้ปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดเข้าไปสู่โรงเรียน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและคิดว่าเด็กไม่ใช่เป้าหมายหลักของการแก้ปัญหา ดังนั้น จะหารือกับกระทรวงต่างๆเพื่อหาถึงสภาพปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาโดยการตัดวงจรผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติดไม่ให้แพร่ระบาดเข้าไปในสู่สถานศึกษา และในส่วนของนักเรียน นักศึกษา ก็จะใช้วิธีรณรงค์ป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเยียวยาเด็กที่ได้รับผลกระทบจากปัญหายาเสพติด ซึ่งแนวทางดำเนินการนั้นจะหารือกับผู้บริหารหน่วยงานต่างๆของศธ.หลังจากเริ่มเข้าไปทำงานที่ศธ.อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ส.ค.นี้

**ป.ป.ส.สานต่อกองทุนแม่ของแผ่นดิน

นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ตนน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อนำไปปฏิบัติ พร้อมทั้งสานต่อโครงการกองทุนแม่ของแผ่นดิน สร้างชุมชนที่เข้มแข็งเพื่อต่อต้านยาเสพติด ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 12,189 หมู่บ้านทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการแก้ปัญหายาเสพติด โดยในปีหน้าทาง ปปส. จะขยายผลโครงการดังกล่าว ซึ่งได้ประสานแต่ละจังหวัดคัดเลือกหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็งในการทำงาน มีผู้นำที่เข็มแข็งและมีการแก้ปัญหายาเสพติดที่ดี โดยจะจัดสรรงบประมาณและระดมทุนเพื่อใช้ในการแก้ปัญหายาเสพติดต่อไป พร้อมฝากถึงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยสนับสนุนในเรื่องดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยทาง ปปส.จะประสานกับทางพรรคเพื่อไทยเพื่อร่วมกันทำนโยบายเพื่อขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปให้ได้

**พศ.สนองพระราชดำรัสกำชับดูแลสงฆ์

นายอำนาจ บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.จะถ่ายทอดพระราชดำรัสเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อรับทราบถึงความห่วงใยของพระองค์และจะได้กำชับเรื่องความปลอดภัยของพระสงฆ์ให้มากขึ้นไปยังส่วนราชการต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) ซึ่งมีทั้งทหาร ตำรวจ และผู้แทน พศ.ร่วมอยู่ด้วย
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยของพระสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ปฏิบัติอยู่ คือการให้เจ้าคณะปกครองสงฆ์ในพื้นที่เป็นผู้พิจารณาสถานการณ์ หากสถานการณ์ล่อแหลมต่อความปลอดภัยของพระสงฆ์ ให้งดออกบิณฑบาตชั่วคราว ซึ่งมีงบประมาณจากกองทุนวัดช่วยวัดช่วยเหลือรูปละ 100 บาทต่อวัน และกองทุนสำหรับพระสงฆ์ในภาคใต้โดยเฉพาะ หรือประชาชนจะเป็นผู้นำภัตตาหารเข้าไปถวายโดยตรงหากไม่ตกอยู่ในเป้าหมาย เท่าการที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยติดตามอีกหลายนาย จะตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย

**ศอ.บต.น้อมรับพระราชเสาวนีย์ปัญหาใต้

นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) กล่าวว่า ผู้รับผิดชอบเรื่องปัญหาความรุนแรงคือ ฝ่ายทหาร แต่ ศอ.บต.ก็จะสนับสนุนดูแลเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการเยียวยาผู้ประสบเหตุ ที่รวมถึงพระสงฆ์ด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 54 มีเหตุพระสงฆ์ถูกยิงที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยพระสงฆ์ถูกยิงมรณภาพ 1 รูป ทุพพลภาพ 1 รูป และสามเณรโดนยิง 1 รูป ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา มีพระสงฆ์ถูกยิง 2 รูป กรณีทั้งหมด ศอ.บต.ได้ช่วยจ่ายเงินเยียวยาได้ร่วมกับทางผู้ว่าฯ ช่วยดูแลสนับสนุนให้พระสงฆ์ที่ยังบวชอยู่ต่อสามารถประกอบศาสนกิจได้ โดยในพื้นที่วัด มีทหารและคนในชุมชนร่วมกันดูแล อย่างไรก็ดีตามพระราชเสาวนีย์ไม่ได้ทรงเป็นห่วงเฉพาะพระ แต่รวมถึงอาชีพอื่นๆ เช่น ครู และประชาชนด้วย ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดี เช่น การรู้ตัวกลุ่มคนร้าย ประชาชนให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสมากขึ้น โดยได้กำชับให้กำนันผู้ใหญ่บ้านดูแล ตั้งอาสาสมัครให้ 1,615 เป็นหมู่บ้านปลอดภัย และประชาชนที่มีความเสี่ยง เช่น คนจะเข้าไปหาของป่า ไปขายของ ก็บอกเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือไปดูแลได้

“พระราชเสาวนีย์ สิ่งที่ผมเห็นในประการสำคัญ คือ 1. เป็นการกระตุ้นเตือนว่า ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องสำคัญ 2. เป็นสิ่งที่สื่อถึงผู้กระทำว่า การกระทำต่อพระ ครู ประชาชนมันไร้มนุษยธรรม และบอกไปยังผู้ถูกกระทำให้เพิ่มเรื่องการระมัดระวังตัวเอง 3. พระองค์ทรงมีความเป็นห่วงความปลอดภัยของพสกนิกร” เลขาธิการศูนย์ฯ ศอ.บต.กล่าวและว่า ขณะที่ยังมีบางคนพูดเรื่องสิทธิ เรื่องเขตปกครองพิเศษ แต่มันไม่เกี่ยวกับความปลอดภัย ศอ.บต.จึงต้องเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีส่วนในการแก้ปัญหานี้ โดยได้มีแนวทางประสานงานระหว่างส่วนราชการไม่ว่า ฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายศาสนา จุฬาราชมนตรี ภาคประชาชนที่อยู่ในรูปแบบสภาที่ปรึกษา ศอ.บต. ซึ่งเร็วๆนี้ จะมีการทำโรดแมพ รวมใจประชาชนทำให้เหตุการณ์ภาคใต้ดีขึ้น เพื่อสร้างสันติสุขถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา เพราะเราคิดว่า เรื่องความรุนแรงในพื้นที่ เป็นเรื่องที่รบกวนพระราชหฤทัย ดังนั้นปัญหาที่มีต้องร่วมกันแก้ไข เช่น การบิดเบือนศาสนา เป็นต้น

**พณ.สนองพระราชเสาวนีย์เรื่องปากท้อง

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลัง การประชุมร่วมคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า ได้ร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจของรัฐบาล นำนโยบายของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล มาร่วมหารือ และดูแนวทางในการดำเนินการ โดยจะสนองตามพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นสำคัญ และในส่วนของนโยบายของพรรคและพรรคร่วมนั้น จะนำมาเรียงลำดับความสำคัญ

อาทิ การชะลอการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราค่าจ้าง 300 บาท และการลดภาษีรายได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 23 จะเป็นนโยบายแรก ภายหลังที่มีการแถลงต่อรัฐสภา
ย่างไรก็ตาม ภายใน 2-3 วันนี้ จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง และเชื่อว่าจะทำนโยบายเหล่านี้ ได้อย่างแน่นนอน

**จุดเทียนชัย มูลนิธิ 5 ธันวา

เวลา 19.19 น. วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และนำจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกับกล่าวราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 12 สิงหาคม 2554 ณ บริเวณหน้าศาลฎีกา จัดโดยมูลนิธิ 5 ธันวา

"ข้าพระพุทธเจ้า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมชุมนุมกัน ณ มณฑลพิธีแห่งนี้ และในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และพร้อมเพรียงกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา แห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่เวียนมาบรรจบครบรอบปีอีกวาระหนึ่งในวันนี้

ข้าพระพุทธเจ้า และปวงชนชาวไทย ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยได้ประจักษ์แจ้งว่า ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ ตลอดจนมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการเพื่อขจัดทุกข์ ผดุงสุขอาณาประชาราษฎร์ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนรักษาเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นมรดกล้ำค่าของชาติ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ห่วงใยราษฎร และประเทศชาติ ยังความผาสุขร่มเย็น และความเจริญมั่นคงมาสู่บ้านเมือง และพสกนิกรโดยถ้วนหน้า

พระราชกรณียกิจนานัปการที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงปฏิบัติบำเพ็ญ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ และพระปรีชาญาณ ได้ประทับอยู่ในความทรงจำของปวงชนชาวไทย ก่อให้เกิดความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และความจงรักภักดีอย่างแน่นแฟ้นในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ณ มหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 นี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตนำพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่ากราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลดังนี้

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดลให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้า ของปวงข้าพระพุทธเจ้า และพสกนิกรชาวไทย ตราบกาลนานเทอญ" ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีนำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา.
กำลังโหลดความคิดเห็น