ASTVผู้จัดการรายวัน-ด่วน! เยอรมนียอมคืนเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์แล้ว หลังรัฐบาลวางค้ำประกัน 38 ล้านยูโรเต็มความเสียหายที่ฟ้องร้องกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการเยอรมนีได้ยอมคืนเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์แล้ว หลังจากที่รัฐบาลไทยได้วางเงินประกันในคดีหลัก ไม่ใช่คดีเครื่องบิน ซึ่งเป็นเงินรัฐบาล
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลเยอรมนีได้ถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์แล้ว หลังจากที่รัฐบาลไทยได้นำหนังสือค้ำประกันเต็มจำนวนความเสียหาย จำนวน 38 ล้านยูโร เป็นค่าเสียหายที่มีการฟ้องร้องกัน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการดำเนินการต่อสู้คดี รวมถึงการดำเนินการในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ดังนั้น เมื่อมีการวางค้ำประกันเต็มจำนวนแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาผิดเพิ่มเติมอีก และไม่มีสิทธิ์ในการอายัดเครื่องบิน โดยขณะนี้เอกอัครราชทูตไทยได้มีการประสานงานหลังจากที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การยึดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ โบอิ้ง 737 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2554 ที่ผ่านมา ที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยเจ้าหนี้เร่งรัดหนี้สินของบริษัทสัญชาติเยอรมัน วอลเตอร์ บาว เอจี (Walter Bau AG) ได้ทำการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวเพื่อเป็นมาตรการบังคับให้ประเทศไทยจ่ายหนี้ที่ค้างชำระ
ทั้งนี้ หนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่บริษัท วอลเตอร์ บาว ซึ่งถือหุ้นจำนวน 10% ในบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ซึ่งสร้างและดำเนินการทางด่วนยกระดับจากตัวเมืองกรุงเทพฯ เชื่อมต่อสนามบินดอนเมือง และต่อมาบริษัทวอลเตอร์ บาวล้มละลายในปี 2548 เจ้าหน้าที่จึงพยายามเร่งรัดหนี้ดังกล่าวให้กับเจ้าหนี้ โดยการเรียกร้องสินไหมต่อประเทศไทย สืบเนื่องจากการเปลี่ยนเงื่อนไขของข้อสัญญาในการสร้างทางด่วนและการปฏิเสธการขึ้นค่าทางด่วนในปี 2547 ในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุให้ทำให้โครงการดังกล่าวขาดทุน
จากนั้น ในปี 2552 คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศมีคำสั่งให้ประเทศไทยจ่ายเงินจำนวน 29.2 ล้านยูโรเป็นค่าชดเชย พร้อมค่าปรับ 1.98 ล้านยูโรเป็นค่าละเมิดสัญญา ซึ่งรัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และตัดสินใจสู้คดี โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น และยื้ดเยื้อจนมาถูกอายัดเครื่องบินพระที่นั่งดังกล่าว
ทันทีที่เครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ถูกอายัด รัฐบาลไทยได้ดำเนินการชี้แจงไปยังศาลเยอรมนีว่าเครื่องบินดังกล่าวไม่ใช่เครื่องบินของรัฐบาลไทย แต่เป็นเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และขอให้ถอนการอายัดเครื่องบิน แต่ศาลเยอรมนีได้แจ้งว่าพร้อมที่จะถอนอายัด แต่ไทยจะต้องวางเงินค้ำประกันจำนวน 20 ล้านยูโร แต่รัฐบาลไทยได้ปฏิเสธที่จะวางค้ำประกัน และยืนยันที่จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด และรัฐบาลไทยกำลังเตรียมการต่อสู้คดี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธาน พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอลเตอร์ บาว ด้วยไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและมิให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ รวมถึงมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
หลังจากนั้น รัฐบาลไทยได้ส่งอัยการสูงสุดไปยังเยอรมนี เพื่อต่อสู้คดี และชี้แจงว่า มีแนวทางในการดำเนินการ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพย์ส่วนพระองค์ในการนำเอาเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์กลับมา และในที่สุด ก็สามารถดำเนินการนำเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์กลับมาได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการเยอรมนีได้ยอมคืนเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์แล้ว หลังจากที่รัฐบาลไทยได้วางเงินประกันในคดีหลัก ไม่ใช่คดีเครื่องบิน ซึ่งเป็นเงินรัฐบาล
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลเยอรมนีได้ถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์แล้ว หลังจากที่รัฐบาลไทยได้นำหนังสือค้ำประกันเต็มจำนวนความเสียหาย จำนวน 38 ล้านยูโร เป็นค่าเสียหายที่มีการฟ้องร้องกัน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการดำเนินการต่อสู้คดี รวมถึงการดำเนินการในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ดังนั้น เมื่อมีการวางค้ำประกันเต็มจำนวนแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาผิดเพิ่มเติมอีก และไม่มีสิทธิ์ในการอายัดเครื่องบิน โดยขณะนี้เอกอัครราชทูตไทยได้มีการประสานงานหลังจากที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การยึดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ โบอิ้ง 737 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2554 ที่ผ่านมา ที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยเจ้าหนี้เร่งรัดหนี้สินของบริษัทสัญชาติเยอรมัน วอลเตอร์ บาว เอจี (Walter Bau AG) ได้ทำการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวเพื่อเป็นมาตรการบังคับให้ประเทศไทยจ่ายหนี้ที่ค้างชำระ
ทั้งนี้ หนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่บริษัท วอลเตอร์ บาว ซึ่งถือหุ้นจำนวน 10% ในบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ซึ่งสร้างและดำเนินการทางด่วนยกระดับจากตัวเมืองกรุงเทพฯ เชื่อมต่อสนามบินดอนเมือง และต่อมาบริษัทวอลเตอร์ บาวล้มละลายในปี 2548 เจ้าหน้าที่จึงพยายามเร่งรัดหนี้ดังกล่าวให้กับเจ้าหนี้ โดยการเรียกร้องสินไหมต่อประเทศไทย สืบเนื่องจากการเปลี่ยนเงื่อนไขของข้อสัญญาในการสร้างทางด่วนและการปฏิเสธการขึ้นค่าทางด่วนในปี 2547 ในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุให้ทำให้โครงการดังกล่าวขาดทุน
จากนั้น ในปี 2552 คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศมีคำสั่งให้ประเทศไทยจ่ายเงินจำนวน 29.2 ล้านยูโรเป็นค่าชดเชย พร้อมค่าปรับ 1.98 ล้านยูโรเป็นค่าละเมิดสัญญา ซึ่งรัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และตัดสินใจสู้คดี โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น และยื้ดเยื้อจนมาถูกอายัดเครื่องบินพระที่นั่งดังกล่าว
ทันทีที่เครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ถูกอายัด รัฐบาลไทยได้ดำเนินการชี้แจงไปยังศาลเยอรมนีว่าเครื่องบินดังกล่าวไม่ใช่เครื่องบินของรัฐบาลไทย แต่เป็นเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และขอให้ถอนการอายัดเครื่องบิน แต่ศาลเยอรมนีได้แจ้งว่าพร้อมที่จะถอนอายัด แต่ไทยจะต้องวางเงินค้ำประกันจำนวน 20 ล้านยูโร แต่รัฐบาลไทยได้ปฏิเสธที่จะวางค้ำประกัน และยืนยันที่จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด และรัฐบาลไทยกำลังเตรียมการต่อสู้คดี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธาน พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอลเตอร์ บาว ด้วยไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและมิให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ รวมถึงมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
หลังจากนั้น รัฐบาลไทยได้ส่งอัยการสูงสุดไปยังเยอรมนี เพื่อต่อสู้คดี และชี้แจงว่า มีแนวทางในการดำเนินการ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพย์ส่วนพระองค์ในการนำเอาเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์กลับมา และในที่สุด ก็สามารถดำเนินการนำเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์กลับมาได้
