รอยเตอร์ / เอเอฟพี - บรรดาผู้นำทางการเมือง ธนาคารกลางและกระทรวงการคลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ทั้งจี7และ จี20ส่งสัญญาณร่วมกันถึงความพรักพร้อมของพวกเขาที่จะต่อสู้กับวิกฤตหนี้สาธารณะ โดยมุ่งผ่อนคลายความวิตกของนักลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนจากผลพวงที่ S&P สถาบันเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ประกาศลดความน่าเชื่อถือในศักยภาพการชำระหนี้ของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตลอดจนความกังวลที่มีต่อปัญหาหนี้สินภาครัฐในยูโรโซนที่กำลังลุกลามไปคุกคามอิตาลีและสเปนอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม คำปลอบโยนดังกล่าวปรากฏว่าไม่สามารถคลายความตื่นตระหนกในย่านเอเชียและยุโรปได้ โดยตลาดหลักทรัพย์สำคัญๆ ทั่วโลกเป็นต้นว่า โตเกียว, ฮ่องกง, ลอนดอน และแฟรงเฟิร์ตต่างพากันร่วงระนาว นอกจากนี้ราคาทองคำก็พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ด้วย ขณะที่น้ำมันทรุดตัวลง 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แรงบีบคั้นจากสภาพวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนที่ประดังออกมาจนดันอัตราผลตอบแทน (yield) ของพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและสเปน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว พุ่งสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งทศวรรษ ตลอดจนการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) หนึ่งในสามสถาบันเครดิตเรตติ้งทรงอิทธิพลของโลก ประกาศเมื่อวันศุกร์ (5) ภายหลังตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทปิดทำการซื้อขาย ว่าได้ตัดสินใจปรับลดความน่าเชื่อถือในตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐลงหนึ่งขั้นเป็น AA+ จาก AAA ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้บรรดาผู้นำจากกลุ่มประเทศจี7 และจี20 ซึ่งกลุ่มหลังรวมพวกเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ด้วยนั้น ต่างตกอยู่ในสภาพอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องออกมาคลี่คลายความวิตกกังวลของบรรดานักลงทุนอย่างด่วนจี๋ล่วงหน้าก่อนที่ตลาดเงินและตลาดหุ้นจะเปิดทำการในต้นสัปดาห์ใหม่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบรรดาผู้นำจากกลุ่มจี7 จะประชุมหารือทางไกลวาระฉุกเฉินกันในวันอาทิตย์ (7) และได้ออกคำแถลงร่วมเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (8) โดยให้คำมั่นว่า พวกเขาถือว่ามีพันธกิจที่จะประสานงานร่วมกันในสิ่งที่จำเป็นเพื่อรับประกันสภาพคล่อง และเพื่อส่งเสริมให้ตลาดการเงินทำงานอย่างเป็นปกติ, มีเสถียรภาพในภาคการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโต ทว่าก็ปรากฏว่าไม่สามารถลดความเคลือบแคลงและความหวาดวิตกของนักลงทุนลงได้ ดังสะท้อนให้เห็นจากภาวะตลาดหุ้นในเอเชียที่ต่างพากันร่วงระนาวรับสัปดาห์ใหม่ ไล่ตั้งแต่ ดัชนีนิเกอิ ญี่ปุ่น, หั่งเส็ง ฮ่องกง, KOSPI เกาหลีใต้ ตลอดจนดัชนีสเตรทส์ไทมส์ของตลาดหุ้นสิงคโปร์
กระทั่งว่า รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการแบงก์ชาติจากกลุ่มประเทศจี20 ซึ่งก็ได้ประชุมทางไกลกันในช่วงเวลาห่างกับจี7ไม่นานและได้ออกคำแถลงร่วมตามมาภายหลังในวันจันทร์ โดยตอกย้ำว่า พวกเขาก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงินและปกป้องอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียกลับมากระเตื้องขึ้นได้ โดยที่ตลาดหุ้นโตเกียว, ฮ่องกง, โซล และซิดนีย์ต่างปิดตลาดในแดนลบ ลดลง 2.18%, 2.11%, 3.82% และ 2.91% ตามลำดับ
ขณะที่ราคาทองคำ ก็พุ่งพรวดขึ้นเลยเพดาน 1,700 ดอลลาร์ต่อ 7 ออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยแตะระดับสูงสุดอันเป็นสถิติใหม่ที่ระดับ 1,715.75 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงการซื้อขายที่ตลาดฮ่องกงเมื่อวานนี้ (8) อันเป็นผลจากการที่นักลงทุนแห่เทขายดอลลาร์ และหันไปซื้อทองคำกักตุนไว้
ในส่วนตลาดน้ำมันนั้น ราคากลับดำดิ่งลงมาเนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ทำให้เห็นกันว่าเศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่และจะมีความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” ของลอนดอน ถอยลึกลงถึง 105.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดจากช่วงปิดตลาดวันศุกร์(5) 3.94 ดอลลาร์ ก่อนจะขยับขึ้นบ้างโดยอยู่แถวๆ 106.00 ดอลลาร์ ในช่วง 12.45 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (จีเอ็มที ตรงกับ 19.45 น.เวลาเมืองไทย) ส่วนน้ำมันดิบชนิดไลต์ครูดของสหรัฐฯ ก็รูดลงถึงระดับ 82.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือถอยจากตอนปิดตลาดวันศุกร์ 4.23 ดอลลาร์ ก่อนขยับขึ้นถึงแถวๆ 83.00 ดอลลาร์ในเวลา 12.45 น.จีเอ็มที
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการแทรกแซงตลาดพันธบัตรชนิดเร่งด่วนโดยอีซีบี เพื่อผ่อนคลายความวิตกของตลาดการเงินในยูโรโซนโดยเฉพาะตลาดพันธบัตรนั้น เห็นผลชะงักงันเมื่อวันจันทร์ หลังจากอีซีบีดำเนินการรับซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสเปนและอิตาลีตามที่ให้คำมั่นไว้ในวันอาทิตย์ โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรของสองประเทศดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ต่างก็ปรับตัวลดลง ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะไถ่ถอน 10 ปีของอิตาลี ลดลงจากระดับ 6.189 เป็น 5.417 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพันธบัตรระยะไถ่ถอน 10 ปีของสเปน ก็ลดลงเหลือ 5.285 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ทะยานขึ้นสู่ระดับ 6.271 เปอร์เซ็นต์
ส่วนตลาดหลักทรัพย์สำคัญๆ ในยุโรป ทั้งลอนดอน, ปารีส, และแฟรงเฟิร์ต เมื่อวานนี้ต่างก็ปรับตัวผันผวนอยู่ทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยที่มาตรการแทรกแซงของอีซีบีส่งผลให้ตลาดเหล่านี้ขยับขึ้นบ้างในบางช่วง ทว่าในตอนกลางๆ ตลาด ดัชนีสำคัญของตลาดเหล่านี้ต่างติดลบในระดับ 2-3 %
แรงบีบคั้นจากสภาพวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนที่ประดังออกมาจนดันอัตราผลตอบแทน (yield) ของพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและสเปน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว พุ่งสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งทศวรรษ ตลอดจนการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) หนึ่งในสามสถาบันเครดิตเรตติ้งทรงอิทธิพลของโลก ประกาศเมื่อวันศุกร์ (5) ภายหลังตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทปิดทำการซื้อขาย ว่าได้ตัดสินใจปรับลดความน่าเชื่อถือในตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐลงหนึ่งขั้นเป็น AA+ จาก AAA ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้บรรดาผู้นำจากกลุ่มประเทศจี7 และจี20 ซึ่งกลุ่มหลังรวมพวกเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ด้วยนั้น ต่างตกอยู่ในสภาพอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องออกมาคลี่คลายความวิตกกังวลของบรรดานักลงทุนอย่างด่วนจี๋ล่วงหน้าก่อนที่ตลาดเงินและตลาดหุ้นจะเปิดทำการในต้นสัปดาห์ใหม่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบรรดาผู้นำจากกลุ่มจี7 จะประชุมหารือทางไกลวาระฉุกเฉินกันในวันอาทิตย์ (7) และได้ออกคำแถลงร่วมเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (8) โดยให้คำมั่นว่า พวกเขาถือว่ามีพันธกิจที่จะประสานงานร่วมกันในสิ่งที่จำเป็นเพื่อรับประกันสภาพคล่อง และเพื่อส่งเสริมให้ตลาดการเงินทำงานอย่างเป็นปกติ, มีเสถียรภาพในภาคการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโต ทว่าก็ปรากฏว่าไม่สามารถลดความเคลือบแคลงและความหวาดวิตกของนักลงทุนลงได้ ดังสะท้อนให้เห็นจากภาวะตลาดหุ้นในเอเชียที่ต่างพากันร่วงระนาวรับสัปดาห์ใหม่ ไล่ตั้งแต่ ดัชนีนิเกอิ ญี่ปุ่น, หั่งเส็ง ฮ่องกง, KOSPI เกาหลีใต้ ตลอดจนดัชนีสเตรทส์ไทมส์ของตลาดหุ้นสิงคโปร์
กระทั่งว่า รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการแบงก์ชาติจากกลุ่มประเทศจี20 ซึ่งก็ได้ประชุมทางไกลกันในช่วงเวลาห่างกับจี7ไม่นานและได้ออกคำแถลงร่วมตามมาภายหลังในวันจันทร์ โดยตอกย้ำว่า พวกเขาก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงินและปกป้องอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียกลับมากระเตื้องขึ้นได้ โดยที่ตลาดหุ้นโตเกียว, ฮ่องกง, โซล และซิดนีย์ต่างปิดตลาดในแดนลบ ลดลง 2.18%, 2.11%, 3.82% และ 2.91% ตามลำดับ
ขณะที่ราคาทองคำ ก็พุ่งพรวดขึ้นเลยเพดาน 1,700 ดอลลาร์ต่อ 7 ออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยแตะระดับสูงสุดอันเป็นสถิติใหม่ที่ระดับ 1,715.75 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงการซื้อขายที่ตลาดฮ่องกงเมื่อวานนี้ (8) อันเป็นผลจากการที่นักลงทุนแห่เทขายดอลลาร์ และหันไปซื้อทองคำกักตุนไว้
ในส่วนตลาดน้ำมันนั้น ราคากลับดำดิ่งลงมาเนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ทำให้เห็นกันว่าเศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่และจะมีความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” ของลอนดอน ถอยลึกลงถึง 105.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดจากช่วงปิดตลาดวันศุกร์(5) 3.94 ดอลลาร์ ก่อนจะขยับขึ้นบ้างโดยอยู่แถวๆ 106.00 ดอลลาร์ ในช่วง 12.45 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (จีเอ็มที ตรงกับ 19.45 น.เวลาเมืองไทย) ส่วนน้ำมันดิบชนิดไลต์ครูดของสหรัฐฯ ก็รูดลงถึงระดับ 82.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือถอยจากตอนปิดตลาดวันศุกร์ 4.23 ดอลลาร์ ก่อนขยับขึ้นถึงแถวๆ 83.00 ดอลลาร์ในเวลา 12.45 น.จีเอ็มที
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการแทรกแซงตลาดพันธบัตรชนิดเร่งด่วนโดยอีซีบี เพื่อผ่อนคลายความวิตกของตลาดการเงินในยูโรโซนโดยเฉพาะตลาดพันธบัตรนั้น เห็นผลชะงักงันเมื่อวันจันทร์ หลังจากอีซีบีดำเนินการรับซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสเปนและอิตาลีตามที่ให้คำมั่นไว้ในวันอาทิตย์ โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรของสองประเทศดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ต่างก็ปรับตัวลดลง ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะไถ่ถอน 10 ปีของอิตาลี ลดลงจากระดับ 6.189 เป็น 5.417 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพันธบัตรระยะไถ่ถอน 10 ปีของสเปน ก็ลดลงเหลือ 5.285 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ทะยานขึ้นสู่ระดับ 6.271 เปอร์เซ็นต์
ส่วนตลาดหลักทรัพย์สำคัญๆ ในยุโรป ทั้งลอนดอน, ปารีส, และแฟรงเฟิร์ต เมื่อวานนี้ต่างก็ปรับตัวผันผวนอยู่ทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยที่มาตรการแทรกแซงของอีซีบีส่งผลให้ตลาดเหล่านี้ขยับขึ้นบ้างในบางช่วง ทว่าในตอนกลางๆ ตลาด ดัชนีสำคัญของตลาดเหล่านี้ต่างติดลบในระดับ 2-3 %