ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นอกจากคนเสื้อแดงที่ถูกล้างสมองแล้ว เชื่อแน่ว่าคนไทยหลายล้านคนทั่วประเทศคงรู้สึกอเนจอนาถใจกับภาพกลุ่ม “แกนนำไพร่แดง” ในชุดสูทเสื้อนอก เดินชูคอ แลบลิ้นปลิ้นตาในสภา 500 ยกระดับตัวเองเป็น “อำมาตย์” เต็มขั้น หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือที่หลายคนขนานนามให้ใหม่ว่า คณะกรรมการไร้น้ำยาหรือ “กกน.” ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้ “แกนนำไพร่แดง” ได้เป็น ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “แกนนำไพร่แดง” ซึ่งนำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, น.พ.เหวง โตจิราการ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาแสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยก่อนหน้านั้นไม่นาน มีรายงานว่า ได้มีตัวเงินตัวทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เหี้ย” สองตัวเข้ามาผสมพันธุ์บนถนนใกล้กับอ่างปลาคาร์พ ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นที่รับแสดงตนของ ส.ส. ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสภาที่พบเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติ เพราะก่อนหน้านี้ตัวเงินตัวทอง หรือ “เหี้ย” คู่ดังกล่าวไม่เคยออกมาผสมพันธุ์ให้ได้เห็น มีเพียงแค่เดินเล่น ผ่านไป-ผ่านมาเท่านั้น
แถมสองวันต่อมาได้มีตัวเงินตัวทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เหี้ย” อีก 1 ตัว เข้ามาในรัฐสภา โดยเหี้ยตัวนั้นได้ไต่ขึ้นไปอยู่บนคานทางเชื่อมระหว่างตัวอาคารกับเสาด้านหลังอาคารรัฐสภา 1 ชั้น 2 สร้างความงุนงงให้กับผู้พบเห็นอย่างมาก ทั้งนี้ ตัวเงินตัวทอง หรือ “เหี้ย” ตัวดังกล่าวได้เข้ามาในรัฐสภาก่อนหน้าที่ กกต. หรือที่ชาวบ้านหลายคนเรียกว่า กกน. มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เห็นชอบประกาศให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นสัญลักษณ์ของอะไรนั้น คงไม่มีใครรู้ซึ้งถึงพฤติกรรมของสัตว์ หรือเจตนาของ “เหี้ย” ที่เข้ามาในสภา ว่ามัน(อาจ)ต้องการบอกอะไร แต่ที่รู้แน่ๆ และเห็นชัดๆ ก็คือ “อาการ” ที่ไพร่แดงกระสันอยากเป็น “อำมาตย์” จนตัวสั่น อาการ “ระริกระรี้” เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ที่เก็บอาการกันไม่อยู่ในตอนนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาปิดแยกราชประสงค์ สาปแช่งอำมาตย์ จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ ฆ่าทหาร ปล้นศูนย์การค้า บุกโรงพยาบาล เผาบ้านเผาเมือง และฯลฯ จนทำให้ประเทศชาติและประชาชนฉิบหายวายป่วงกันไปหมด ขณะที่ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองเหล่านี้ แม้จะถูกจับติดคุก แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกมา “สมัคร ส.ส.” ในเวลาเพียงไม่นาน เหตุผลนั้นได้ยินเขาเล่าลือกันว่า เพื่อความ “ปรองดอง” ของคนในชาติ อะไรทำนองนั้น
กระทั่งมาถึงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคเพื่อไทย ของทักษิณมหาราษฎร์ ชนะการเลือกตั้งทั่วไปแบบขาดลอย จนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ว่าที่ ส.ส. หลายคนของพรรคเพื่อไทยถูกกกต. “แขวน” โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ 12 แกนนำเสื้อแดง ถูก กกต. แขวน เพราะมีการร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาฟาดงวงฟาดงา “กร่าง-ซ่า” กันใหญ่ และเริ่มป่าเถื่อนเหิมเกริมหนักข้อกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนราวกับว่า บ้านนี้เมืองนี้ถูกยึดครองโดยคนเสื้อแดงไปแล้ว ด้วยการใช้กฎหมู่ข่มขู่คุกคามเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ มิฉะนั้นจะถูกตอบโต้ด้วยวิธีการที่พวกเขาถนัด “อย่าให้เหนื่อยอีก!” นั่นคือสิ่งที่พวกเขาจะจัดการกับใครก็ตามที่มาขวาง โดยไม่สนว่าสิ่งที่ทำนั้นจะเป็นการย่ำยีกฎหมาย ใช้ความโหด ถ่อย เถื่อน ข่มขู่ชาวบ้าน คุกคามข้าราชการจนหงอ ทำให้ กกต. กลายเป็น กกน. ไปในชั่วข้ามคืน ไม่กล้าหือ หมดสภาพ ตัวสั่นงันงก จกใบแดงไม่ออกแม้แต่ใบเดียว น่าอนาถยิ่งนัก!
“ขณะนี้คนเสื้อแดงมีความวิตกกังวลและไม่พอใจกรณีที่ กกต.ไม่รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. จึงขอให้คนเสื้อแดงใช้เวลาช่วงนี้ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์!” นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ เมียหมอเหวง ในฐานะรักษาการประธาน นปช. ประกาศกร้าว
นั่นคือสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยแบบคนเสื้อแดง ที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกพ้องของตน โดยใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย เป็นมาเฟียธิปไตย ถ้าไม่ได้ดั่งใจ พวกมึงโดนพวกกูแน่!
อย่างไรก็ตาม เสียงแห่งการข่มขู่คุกคามที่ออกมาจากมวลชนและกลุ่มแกนนำไพร่แดง เพื่อบีบบังคับให้ กกต. รับรองสถานภาพการเป็น ส.ส. ของบรรดาแกนนำของพวกเขา แรงแห่งความปรารถนาและความกระสันอยากมีอำนาจทางการเมืองแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านการปฏิบัติทางการเมืองและถ้อยคำที่พวกเขาข่มขู่และแถลงต่อสาธารณะ
อย่างเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา มวลชนคนเสื้อแดงเดินทางมาประท้วง กกต. ที่ไม่รับรองผลการเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่หน้าศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง กกต. ก็รับรองให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ เป็น ส.ส. สมใจปรารถนาของบรรดาไพร่แดงและแกนนำ
วันถัดมา นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำไพร่แดงซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า “หาก กกต.จะแขวนแกนนำคนเสื้อแดงไปเรื่อยๆ คิดว่ามวลชนคนเสื้อแดงคนที่เลือกผู้แทนของเขามาคงไม่พอใจมาก และพี่น้องเหล่านี้ก็คงไม่มีใครบังคับหรือสั่งการได้”
วันเดียวกัน นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ก็กล่าวข่มขู่อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า "อย่าเรื่องมาก อย่าให้ต้องเหนื่อย ประชาชนต้องการให้พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.ทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ กกต.และเครือข่ายอำมาตย์ได้ยินหรือไม่ เดี๊ยน! ไม่ได้ต้องการข่มขู่ แต่อยากขอให้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรเท่านั้น"
จากนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตตัวตลกประจำสภาโจ๊ก ที่ผันตัวเองมาเป็นแกนนำไพร่แดง รับใช้ นช.ทักษิณ จนร่ำรวยเละ และได้ดิบได้ดีในวันนี้ ก็ส่งเสียงคำรามกร้าวว่า "กกต.ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนก็ได้ เพียงแค่ 'แหกตา' ดูความจริงก็จะทราบว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย”
สุดท้าย การข่มขู่คุกคามของบรรดาแกนนำและกองกำลังคนเสื้อแดงก็สัมฤทธิผล เมื่อ 5 เสือ กกน. เกิดความหวั่นไหวในการทำหน้าที่ กระทั่งรับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของพรรคพวกเขาในที่สุด
เมื่อจัดการกับ กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย เหลือเพียงอย่างเดียวก็คือ “นายใหญ่” จะอนุญาตให้ “ไพร่” ได้มีโอกาสเป็น “อำมาตย์” กับเขาบ้างหรือไม่
ทั้งๆ ที่ตอนชุมนุมอยู่ที่ข้างถนนพวกเขาด่า “อำมาตย์” อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่วันนี้พวกแกนนำไพร่แดงกลับกระสันอยากเป็น “อำมาตย์” เสียเอง และถ้าหากคนเสื้อแดงที่ยังไม่ถูกล้างสมองรู้จักตรองสิ่งที่นายจตุพรบอกกับเหล่าสาวกที่ไปรอต้อนรับ หลังออกมาจากคุกหมาดๆ ว่า “ผมพร้อมจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อคนเสื้อแดง หากให้เลือกระหว่างเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี กับเป็นคนเสื้อแดง ถ้าเลือกได้เพียงอย่างเดียว จะขอเลือกเป็นคนเสื้อแดง” วิญญูชนคนเสื้อแดงถ้าหากยังมีสติอยู่ก็ย่อมฟังออกว่า ไอ้คนที่พูดอย่างนี้มัน “ตอแหล” !
เพราะวิญญูชนจอมปลอมเหล่านี้รู้ดีว่า ตอนนี้ทุกอย่างสั่งได้ เพราะมีกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย และมีประชาชนที่จงรักภักดีที่พวกเขาจะใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่คุกคามใครต่อใคร หรือแม้แต่ใช้ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมหรือแม้แต่หน้าสวยๆ ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์!
เนื่องจากเธอพูดให้ “ไพร่” ต้องรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจว่า “ไม่รู้ว่าจะมีรายชื่อของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงร่วมอยู่ใน ครม. หรือไม่ เนื่องจากยังเร็วเกินไปที่จะระบุชัด”
หรือแม้แต่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์อดีตภริยาของ นช.ทักษิณ ที่บินไปดูไบ เพื่อนำรายชื่อ ส.ส. ไปหารือเรื่องการจัดโผ ครม. กับอดีตสามี ก็มีรายงานว่า คุณหญิงพจมาน “ไม่แฮปปี้” ที่จะให้แกนนำคนเสื้อแดงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในครม. ชุดนี้ เพราะต้องการให้ ครม. ออกมามีภาพลักษณ์ที่ดี เน้นความปรองดอง เพื่อเป็นการเปิดทางให้ นช.ทักษิณ กลับประเทศได้ง่ายขึ้น
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้ามี “ไพร่แดง” โผล่หัวเข้าไปเป็นรัฐมนตรีใน ครม. ชุดนี้แม้แต่รายเดียว ครม.ทั้งชุดจะตกต่ำลงทันที สัญญาณไม่เอา “ไพร่แดง” แรงไม่แรง ให้ดูจากชะตากรรมของ “รองโรมานอฟ” พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่เคยสร้างชื่อให้คนเสื้อแดง แต่กลับถูกเขี่ยพ้นทาง ในกระบวนการสร้างภาพลักษณ์รัฐบาลให้โดดเด่น
แต่เมื่อเรื่องการรังเกียจเดียดฉัน “คนเสื้อแดง” กระเด็นมากระทบบ้องหู “เดอะคางคก” ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง ที่เพิ่งออกจากคุกมาหมาดๆ ถึงกับคำรามลั่นสั่นสะเทือนไปทั้งอาคารรัฐสภาว่า
“อย่ามาให้เหตุผลว่าเป็นหรือไม่ได้เป็น เพราะเป็นคนเสื้อแดง อย่ามาบอกว่าภาพพจน์ของคนเสื้อแดงไม่ดี หากต้องการให้ภาพลักษณ์ดีเอาคนเสื้อแดงมาลงเลือกตั้งทำไม และก็ไม่เห็นมีใครพูดเรื่องนี้ก่อนวันที่ 3 ก.ค. ดังนั้นการไม่ได้เป็นถือเป็นเรื่องเล็ก แต่อย่าให้เหตุผลว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นคนเสื้อแดง สิ่งสำคัญของ ครม.หน้าตาดีต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่หน้าตาดีแล้วทรยศแม้กระทั่งรอบข้าง” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศลั่นอาคารรัฐสภา
ทั้งหมดนี้ก็คือ แรงแห่งความปรารถนา และความกระสันอยากมีอำนาจทางการเมือง และเมื่อไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการพวกเขาก็จะแสดงความ “อาฆาต” ออกมาอย่างชัดเจนผ่านการปฏิบัติทางการเมืองและถ้อยคำที่พวกเขาข่มขู่ คุกคาม และแถลงต่อสาธารณะ ความกักขฬะที่พบเห็นไม่ใช่อะไรนอกจากเป็นอาการที่ “ไพร่แดง” เสี้ยนกระสันอยากเป็น “อำมาตย์” กันจนจะทนไม่ไหวกันอยู่แล้วนั่นเอง
คำถามก็คือ หากไม่ให้เป็นเสนาบดีแล้ว จะให้ “ไพร่” อยู่ในสถานะใด หรือจะให้อะไรตอบแทน “ฤาเลือดไพร่ มันไร้ค่า” !!!