แท้จริงแล้วการกระจายหุ้นปตท.โดยมิชอบนั้นมีหลักฐานยืนยันความผิดปกติมานานแล้วหากแต่ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บริหารบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)และฝ่ายการเมืองกลับไม่นำพาจึงทำให้เหตุการณ์ฉ้อฉลปล้นเอาสิทธิ์ที่ประชาชนทั่วไปควรจะได้กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่งไป
หลักฐานมัดบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ว่าขาดความโปร่งใสไม่ดำเนินตามธรรมาภิบาล และยังเป็นเครื่องมัดว่ามีการสมคบกันปล้นเอาสิทธิ์ที่ควรได้ของประชาชนไปจากการกระจายหุ้นครั้งประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ “หนังสือชี้ชวน” การกระจายหุ้นซึ่งได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2544
หนังสือชี้ชวนฉบับดังกล่าวถือเป็น “เอกสารมหาชน” และเป็นสัญญาประชาคมของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ให้ไว้แก่ประชาชนตลอดถึงผู้จองซื้อรายย่อยทุกคน เพื่อความเป็นธรรม จึงเป็นสาระสำคัญที่จะต้องได้รับการปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
หนังสือชี้ชวน บ่งบอกชัดเจนบอกถึงวิธีจัดสรรหุ้นดังนี้ คือ ผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (ซึ่งก็คือธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารอื่น ๆ) จะใช้หลักการจัดสรรให้ผู้จองซื้อก่อนจ่ายเงินก่อนมีสิทธิ์ได้รับจัดสรรก่อน(First Come Fist Serve) โดยข้อมูลการจองซื้อนั้นจะต้องปรากฏที่ศูนย์กลางข้อมูลที่ผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น(ธนาคารไทยพาณิชย์) ซึ่งสิทธิ์นี้บังคับใช้กับผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน
ข้อความต่อไปในหนังสือชี้ชวนลงรายละเอียดเงื่อนไขขั้นตอนการจองอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและรัดกุมมาก เช่นกล่าวว่า โดยผู้จองซื้อจะต้องกรอกรายละเอียดการจองซื้อในใบจองซื้อหุ้นสีน้ำเงินให้ถูกต้องครบถ้วนชัดเจน พร้อมลงลายมือชื่อ/ ผู้จองซื้อหนึ่งรายสามารถยื่นใบจองซื้อได้ครั้งละหนึ่งใบจองเท่านั้นและจะต้องชำระเงินค่าจองซื้อครั้งเดียวเต็มจำนวนที่จองซื้อ ณ วันจองซื้อ ที่ราคา 35บาทต่อหุ้น/ ผู้จองซื้อจะต้องเข้าแถวตามวิธีการหรือรูปแบบที่ตัวแทนจำหน่ายหุ้นได้จัดเตรียมไว้ในแต่ละสถานที่ / เจ้าหน้าที่ที่รับใบจองซื้อหุ้นจะทำการเรียกผู้ประสงค์จองซื้อเพื่อดำเนินการจองซื้อตามลำดับ /โดยในการจองซื้อเจ้าหน้าที่ที่รับจองซื้อหุ้นจะลงลำดับเลขที่ในการจองซื้อลงในใบจองซื้อหุ้นทุกใบและลงลายมือชื่อรับจองเพื่อเป็นหลักฐานในการจองหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อ/ฯลฯ และวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนโดยเคร่งครัด และตัวแทนจำหน่ายหุ้นจะปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนจำหน่ายหุ้นให้ถูกต้องและชอบธรรมด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม เพื่อให้ผู้จองซื้อได้รับความสะดวกในการจองซื้อหุ้น และมีโอกาสจองซื้อหุ้นได้โดยเท่าเทียมกัน
แต่ในความเป็นจริงเงื่อนไขรายละเอียดตามหนังสือชี้ชวนซึ่งเป็นเอกสารสัญญามหาชนกลับถูกฉีกทิ้ง
กรณีความผิดปกติดังกล่าวถูกรายงานโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 ระบุว่า มีผู้จองซื้อหุ้นรายย่อยจำนวน 854 ราย สมคบกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และมีผู้จองซื้อหุ้นรายย่อยจำนวน 4 ราย สมคบกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ซึ่งธนาคารทั้งสองบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ได้แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนรับจองซื้อหุ้นรายย่อยจากประชาชนทั่วไป การฉ้อฉลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้จองซื้อหุ้นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนั้นได้เปรียบผู้จองซื้อรายอื่น
แทนที่จะทำเรื่องง่าย ๆ แก้ปัญหาที่เกิดโดยพลันแต่ผู้บริหารของปตท. กลับไม่ทำ ! อาจเพราะว่าไม่อยากให้เหตุการณ์ที่สังคมจับตาลุกลามบานปลายออกหรือกระไรไม่สามารถทราบได้ แต่ที่สุดแล้วผู้บริหารของปตท.กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใด ๆทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีการดำเนินการละเมิดเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวนที่ตนกำหนดขึ้น
เอกสารบรรยายคำฟ้องของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินกล่าวโทษบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ครั้งนี้ว่า “บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) กระทำโดยไม่สุจริต และเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้จองซื้อรายอื่น” เนื่องจากว่าปตท.ควรจะปฏิเสธไม่สนองรับจองหุ้นที่กระทำโดยฉ้อฉลดังกล่าวยิ่งมื่อทราบว่าการจองซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นไปโดยกลฉ้อฉลก็ชอบที่จะใช้สิทธิ์บอกล้างโมฆียกรรมดังกล่าว แต่ผู้บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) หาได้กระทำเช่นว่านั้นไม่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงก็คือทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีผู้จองจำนวน 863 รายกระทำไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขแต่กลับสวนทางโดยการออกใบหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยกลุ่มดังกล่าวอันถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันใบจองซื้อที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนที่กำหนดไว้สำหรับการเสนอจองซื้อหุ้นที่ตนเองเป็นผู้ประกาศไว้
หลักฐานชุดต่อมาในคำฟ้องได้พบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขที่ระบุหนังสือชี้ชวนอีกเรื่องหนึ่งก็คือมีผู้ยื่นใบจองมากกว่า 1 ใบจองจำนวน 428 รายรวมแล้วมากถึง 67,357,600 หุ้น ผู้จองทั้ง 428 รายทำผิดเงื่อนไขและเอาเปรียบผู้จองรายอื่น ๆ โดยตรง แต่บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)ทราบเรื่องแล้วก็ยังเพิกเฉย ทั้ง ๆ ที่ควรปฎิเสธการจองซื้อที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวนแถมยังได้ออกใบหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยจำนวน 428 ราย ดังกล่าวอีกต่างหาก
ลักษณะการกระทำผิดของบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ทั้งสองกรณีคล้ายคลึงกันคือเมื่อพบการกระทำผิดเงื่อนไขการจองซื้อ ทั้งเรื่องการใช้เทคนิคเอาเปรียบก่อนเวลาและการสั่งจองมากกว่าสิทธิ์ที่คนอื่น ๆ ได้รับ แต่ปตท.ก็ยังแสร้งทำไม่รู้เห็นปล่อยให้เรื่องราวฉ้อฉลเงียบหาย และให้ผู้ที่ผิดเงื่อนไขได้ประโยชน์ไป
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินจึงฟ้องขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้หุ้นของผู้จองซื้อก่อนเวลา 9.30 น.ของวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 จำนวน 863 ราย และผู้ยื่นจองซื้อหุ้นของผู้ซื้อรายย่อยมากกว่า 1 ใบจอง รวม 428 ราย ดังกล่าวข้างต้นกลับคืนเป็นของกระทรวงการคลังต่อไปพร้อม ๆ กับคำฟ้องในประเด็นอื่นอีกหลายประเด็นที่จะกล่าวถึงในตอนต่อไป .
หลักฐานมัดบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ว่าขาดความโปร่งใสไม่ดำเนินตามธรรมาภิบาล และยังเป็นเครื่องมัดว่ามีการสมคบกันปล้นเอาสิทธิ์ที่ควรได้ของประชาชนไปจากการกระจายหุ้นครั้งประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ “หนังสือชี้ชวน” การกระจายหุ้นซึ่งได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2544
หนังสือชี้ชวนฉบับดังกล่าวถือเป็น “เอกสารมหาชน” และเป็นสัญญาประชาคมของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ให้ไว้แก่ประชาชนตลอดถึงผู้จองซื้อรายย่อยทุกคน เพื่อความเป็นธรรม จึงเป็นสาระสำคัญที่จะต้องได้รับการปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
หนังสือชี้ชวน บ่งบอกชัดเจนบอกถึงวิธีจัดสรรหุ้นดังนี้ คือ ผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (ซึ่งก็คือธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารอื่น ๆ) จะใช้หลักการจัดสรรให้ผู้จองซื้อก่อนจ่ายเงินก่อนมีสิทธิ์ได้รับจัดสรรก่อน(First Come Fist Serve) โดยข้อมูลการจองซื้อนั้นจะต้องปรากฏที่ศูนย์กลางข้อมูลที่ผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น(ธนาคารไทยพาณิชย์) ซึ่งสิทธิ์นี้บังคับใช้กับผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน
ข้อความต่อไปในหนังสือชี้ชวนลงรายละเอียดเงื่อนไขขั้นตอนการจองอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและรัดกุมมาก เช่นกล่าวว่า โดยผู้จองซื้อจะต้องกรอกรายละเอียดการจองซื้อในใบจองซื้อหุ้นสีน้ำเงินให้ถูกต้องครบถ้วนชัดเจน พร้อมลงลายมือชื่อ/ ผู้จองซื้อหนึ่งรายสามารถยื่นใบจองซื้อได้ครั้งละหนึ่งใบจองเท่านั้นและจะต้องชำระเงินค่าจองซื้อครั้งเดียวเต็มจำนวนที่จองซื้อ ณ วันจองซื้อ ที่ราคา 35บาทต่อหุ้น/ ผู้จองซื้อจะต้องเข้าแถวตามวิธีการหรือรูปแบบที่ตัวแทนจำหน่ายหุ้นได้จัดเตรียมไว้ในแต่ละสถานที่ / เจ้าหน้าที่ที่รับใบจองซื้อหุ้นจะทำการเรียกผู้ประสงค์จองซื้อเพื่อดำเนินการจองซื้อตามลำดับ /โดยในการจองซื้อเจ้าหน้าที่ที่รับจองซื้อหุ้นจะลงลำดับเลขที่ในการจองซื้อลงในใบจองซื้อหุ้นทุกใบและลงลายมือชื่อรับจองเพื่อเป็นหลักฐานในการจองหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อ/ฯลฯ และวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนโดยเคร่งครัด และตัวแทนจำหน่ายหุ้นจะปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนจำหน่ายหุ้นให้ถูกต้องและชอบธรรมด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม เพื่อให้ผู้จองซื้อได้รับความสะดวกในการจองซื้อหุ้น และมีโอกาสจองซื้อหุ้นได้โดยเท่าเทียมกัน
แต่ในความเป็นจริงเงื่อนไขรายละเอียดตามหนังสือชี้ชวนซึ่งเป็นเอกสารสัญญามหาชนกลับถูกฉีกทิ้ง
กรณีความผิดปกติดังกล่าวถูกรายงานโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 ระบุว่า มีผู้จองซื้อหุ้นรายย่อยจำนวน 854 ราย สมคบกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และมีผู้จองซื้อหุ้นรายย่อยจำนวน 4 ราย สมคบกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ซึ่งธนาคารทั้งสองบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ได้แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนรับจองซื้อหุ้นรายย่อยจากประชาชนทั่วไป การฉ้อฉลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้จองซื้อหุ้นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนั้นได้เปรียบผู้จองซื้อรายอื่น
แทนที่จะทำเรื่องง่าย ๆ แก้ปัญหาที่เกิดโดยพลันแต่ผู้บริหารของปตท. กลับไม่ทำ ! อาจเพราะว่าไม่อยากให้เหตุการณ์ที่สังคมจับตาลุกลามบานปลายออกหรือกระไรไม่สามารถทราบได้ แต่ที่สุดแล้วผู้บริหารของปตท.กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใด ๆทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีการดำเนินการละเมิดเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวนที่ตนกำหนดขึ้น
เอกสารบรรยายคำฟ้องของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินกล่าวโทษบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ครั้งนี้ว่า “บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) กระทำโดยไม่สุจริต และเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้จองซื้อรายอื่น” เนื่องจากว่าปตท.ควรจะปฏิเสธไม่สนองรับจองหุ้นที่กระทำโดยฉ้อฉลดังกล่าวยิ่งมื่อทราบว่าการจองซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นไปโดยกลฉ้อฉลก็ชอบที่จะใช้สิทธิ์บอกล้างโมฆียกรรมดังกล่าว แต่ผู้บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) หาได้กระทำเช่นว่านั้นไม่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงก็คือทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีผู้จองจำนวน 863 รายกระทำไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขแต่กลับสวนทางโดยการออกใบหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยกลุ่มดังกล่าวอันถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันใบจองซื้อที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนที่กำหนดไว้สำหรับการเสนอจองซื้อหุ้นที่ตนเองเป็นผู้ประกาศไว้
หลักฐานชุดต่อมาในคำฟ้องได้พบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขที่ระบุหนังสือชี้ชวนอีกเรื่องหนึ่งก็คือมีผู้ยื่นใบจองมากกว่า 1 ใบจองจำนวน 428 รายรวมแล้วมากถึง 67,357,600 หุ้น ผู้จองทั้ง 428 รายทำผิดเงื่อนไขและเอาเปรียบผู้จองรายอื่น ๆ โดยตรง แต่บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)ทราบเรื่องแล้วก็ยังเพิกเฉย ทั้ง ๆ ที่ควรปฎิเสธการจองซื้อที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวนแถมยังได้ออกใบหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยจำนวน 428 ราย ดังกล่าวอีกต่างหาก
ลักษณะการกระทำผิดของบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ทั้งสองกรณีคล้ายคลึงกันคือเมื่อพบการกระทำผิดเงื่อนไขการจองซื้อ ทั้งเรื่องการใช้เทคนิคเอาเปรียบก่อนเวลาและการสั่งจองมากกว่าสิทธิ์ที่คนอื่น ๆ ได้รับ แต่ปตท.ก็ยังแสร้งทำไม่รู้เห็นปล่อยให้เรื่องราวฉ้อฉลเงียบหาย และให้ผู้ที่ผิดเงื่อนไขได้ประโยชน์ไป
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินจึงฟ้องขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้หุ้นของผู้จองซื้อก่อนเวลา 9.30 น.ของวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 จำนวน 863 ราย และผู้ยื่นจองซื้อหุ้นของผู้ซื้อรายย่อยมากกว่า 1 ใบจอง รวม 428 ราย ดังกล่าวข้างต้นกลับคืนเป็นของกระทรวงการคลังต่อไปพร้อม ๆ กับคำฟ้องในประเด็นอื่นอีกหลายประเด็นที่จะกล่าวถึงในตอนต่อไป .