วานนี้ (3 ส.ค.) ที่พรรครักประเทศไทย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้า และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย แถลงปฏิเสธกรณีที่ได้ย้ายป้ายชื่อและเปลี่ยนที่นั่งของพรรครักประเทศไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนาในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (2 ส.ค.) ว่า ตนไม่ได้คำนึงถึงเรื่องฮวงจุ้ยหรือหลักโหราศาสตร์ ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว และยืนยันว่าเรื่องนี้ตนไม่เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องฮวงจุ้ย ไม่มีนักข่าวคนไหนโทรศัพท์มาสอบถาม แต่ไปเขียนเอง พร้อมขอตำหนินายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า อาจมีอคติ ที่จัดที่นั่งให้พรรคของตนนั่งหลังสุดของห้องประชุม ไม่ถูกต้องตามจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติ ซึ่งเคยจัดฝั่งขวาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ฝั่งซ้ายเป็นที่นั่งพรรคฝ่ายค้าน และตนควรได้นั่งตรงกลาง จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงจัดที่นั่งเช่นนี้ รวมทั้งการจัดให้พรรคชาติไทยพัฒนานั่งตรงกลางห้องประชุม ทั้งที่จริงแล้วตามหลักพรรคชาติไทยพัฒนาควรนั่งฝั่งขวา เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้ง ส.ส.ทุกคนมีความเท่าเทียมได้รับเงินเดือนเท่ากัน จึงขอเรียกร้องให้จัดที่นังใหม่
ทั้งนี้ระหว่างแถลงนายชูวิทย์ได้นำแผนผังที่นั่งของพรรคการเมืองต่างๆในห้องประชุมสภาฯมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย
“เลขาสภาฯอยู่นานเกินไปหรือเปล่า มีอคติกับพรรคเล็ก อย่าเห็นพรรคเล็กเป็นแค่ตัวประกอบ ผมขยันมาแต่เช้าก็มีสิทธิเลือกที่นั่ง ซึ่งที่ไหนก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น เพราะเป็นระบอบประชาธิปไตยและเป็นจารีตประเพณีที่เคยจัดกันมา” นายชูวิทย์ กล่าวก่อนนำหนังสือประวัติการประชุมรัฐสภาเล่มใหญ่มาเปิดโชว์แล้ะางว่าได้ศึกษาประวัติศาสตร์การประชุมสภา ทุกพรรคการเมืองในสภาเท่าเทียมกัน ในการประชุมครั้งต่อไป วันที่ 5 ส.ค.เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ตนจะมาแต่เช้า และจะนั่งที่เดิม
“หากใครนั่งอยู่ก่อน ก็จะนั่งทับคนนั้นเลย อย่าหาว่าไม่เกรงใจ ไม่ต้องคำนึงอาวุโส ไม่ใช่ว่าไม่เกรงใจ แต่เป็นเพราะทุกคนได้รับเงินเดือนเท่ากัน และพรรคตนก็ได้เปลี่ยนมานั่งที่ดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเป็นพรรคเล็กมี ส.ส.แค่ 4 คน หากรวมกับบรรดาพรรคการเมืองเล็กที่ถูกจัดให้อยู่ด้านหลังรวมมานั่งตรงกลางก็จะเป็นการเสมอภาค ทุกพรรคเท่าเทียมกัน”เสี่ยอ่างกล่าว
ทั้งนี้ระหว่างแถลงนายชูวิทย์ได้นำแผนผังที่นั่งของพรรคการเมืองต่างๆในห้องประชุมสภาฯมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย
“เลขาสภาฯอยู่นานเกินไปหรือเปล่า มีอคติกับพรรคเล็ก อย่าเห็นพรรคเล็กเป็นแค่ตัวประกอบ ผมขยันมาแต่เช้าก็มีสิทธิเลือกที่นั่ง ซึ่งที่ไหนก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น เพราะเป็นระบอบประชาธิปไตยและเป็นจารีตประเพณีที่เคยจัดกันมา” นายชูวิทย์ กล่าวก่อนนำหนังสือประวัติการประชุมรัฐสภาเล่มใหญ่มาเปิดโชว์แล้ะางว่าได้ศึกษาประวัติศาสตร์การประชุมสภา ทุกพรรคการเมืองในสภาเท่าเทียมกัน ในการประชุมครั้งต่อไป วันที่ 5 ส.ค.เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ตนจะมาแต่เช้า และจะนั่งที่เดิม
“หากใครนั่งอยู่ก่อน ก็จะนั่งทับคนนั้นเลย อย่าหาว่าไม่เกรงใจ ไม่ต้องคำนึงอาวุโส ไม่ใช่ว่าไม่เกรงใจ แต่เป็นเพราะทุกคนได้รับเงินเดือนเท่ากัน และพรรคตนก็ได้เปลี่ยนมานั่งที่ดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเป็นพรรคเล็กมี ส.ส.แค่ 4 คน หากรวมกับบรรดาพรรคการเมืองเล็กที่ถูกจัดให้อยู่ด้านหลังรวมมานั่งตรงกลางก็จะเป็นการเสมอภาค ทุกพรรคเท่าเทียมกัน”เสี่ยอ่างกล่าว