“สอดแนมการเมือง”
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
โลกใบนี้..“เวลา”กับ“พญามัจจุราช”นั้น..ยิ่งใหญ่ที่สุด ใครหน้าไหนล้วนหยุดเวลาไม่ได้ และใครหน้าไหนต่างหนีความตายไม่พ้น!
ก่อนอื่น..ขอแสดงความเสียใจและขอคาระวะด้วยความจริงใจ ต่อทหารหาญของชาติ 17 ชีวิต ที่ต้องสูญเสียอย่างไม่คาดฝันไปกับโศกนาฏกรรม ในเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์กองทัพบกตกถึง 3 ลำ!
โดยเฉพาะทหารหาญอย่าง พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 ที่ได้กล่าวก่อนจะก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์“แบล็กฮอว์ก” เพื่อปฏิบัติภาระกิจเสี่ยงชีวิตในครั้งนี้ว่า
“..จะไปรับน้องๆ ทั้ง 5 คน กลับมาให้ญาติๆของพวกเขาที่รออยู่..”
แต่แล้ว..พล.ต.ตะวันกับนายทหารใต้บังคับบัญชา ก็ไม่มีโอกาสรับศพน้องๆทหารหาญด้วยตนเอง เพราะนายทหาร ผบ.พล.ร.9 ที่รักลูกน้องยิ่งชีวิต กลับต้องสูญเสียชีวิตตามน้องๆอย่างไม่มีวันกลับตลอดกาล..
นับเป็นการสูญเสียชีวิตทหารกล้าของชาติไทย ที่สร้างความสะเทือนให้กับจิตใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกครั้งหนึ่ง
ขอดวงวิญญาณเหล่าทหารหาญทั้ง 17 ชีวิต..จงไปสู่สุขคติ..สุขคติ..เทอญ..!
ส่วนประเด็นเฮลิคอปเตอร์กองทัพบกตกในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 3 ลำ จะมีเบื้องหน้า-เบื้องหลังอย่างไร กองทัพบกต้องค้นหาความจริงกันเอาเอง แต่สิ่งที่ประชาชนเป็นห่วง และตั้งคำถามต่อระบบราชการ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ-จัดจ้างทั้งหลาย ก็คือ
ความโปร่งใสในการจัดซื้อมีหรือเปล่า? ให้ความสำคัญกับระบบซ่อมบำรุงอาวุธยุทธภัณฑ์แค่ไหน? ราคากับคุณภาพของอาวุธยุทธภัณฑ์สมเหตุสมผลหรือไม่? ความจำเป็นของการซื้อใหม่กับการดูแลอาวุธยุทธภัณฑ์เก่า สมดุลกันหรือไม่-เหมาะสมหรือไม่?
สำคัญที่สุด..คือ..การดูแลบุคคลากรทั้งการฝึกซ้อม รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ดีและอนาคตทางหน้าที่การงาน ดีพอหรือได้มาตราฐานหรือเปล่า?
ผู้นำกองทัพและผู้นำส่วนราชการใดก็ตาม ที่ประสบกับเหตุการณ์สูญเสียทั้งบุคคลากรและอาวุธยุทธภัณฑ์ จะโดยประมาท-จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์-จะโดยบริหารจัดการบกพร่องหรือไม่ดีหรือจะโดยอาวุธที่ซื้อด้อยคุณภาพ หรือขาดการบำรุงรักษาเท่าที่ควร เพราะมีการคอร์รัปชั่นโกงกินกัน ฯลฯ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้นำองค์กรจะต้องใส่ใจกับการ ปรับปรุง-แก้ไขให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้น จึงไม่มีประโยชน์ใดๆเลย แถมยังเป็นเรื่องตลกน่าขำ ที่ผู้นำหน่วยงานที่สูญเสียบุคคลากรและอาวุธยุทธภัณฑ์ราคาแพง ออกมาตีโพยตีพายด้วยความน้อยใจ หรือไม่พอใจกับการวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการ และสื่อมวลชนที่เห็นต่างหรือตั้งคำถาม-คุ้ยแคะ-เจาะลึกถึงปัญหาทุกครั้งทีเกิดโศกนาฏกรรมการสูญเสียขึ้นมา
หากแต่ทุกหน่วยงานที่ประสบกับการสูญเสีย พึงควรให้ผู้รู้ออกมาชี้แจงด้วยเหตุผลและข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสังคมจะได้รับรู้ในทุกมิติของเหตุ นั่นต่างหาก..ที่พึงกระทำยามเผชิญหน้ากับการสูญเสีย อันไม่พึงปรารถนาและไม่คาดฝันไว้ล่วงหน้าไงล่ะครับ
ต้องขอบอกกับนายทหารบางคนให้รู้ไว้ ณ ที่นี้ว่า ชีวิตทหารทุกนาย-คือ-ลูกหลานญาติพี่น้องของประชาชนในชาติ ประชาชนรักทหาร-เป็นห่วงทหารและครอบครัว เพราะทหารหาญเป็นบุคคลที่เสียสละความสุขไปเผชิญกับอันตรายนานัปการ เพื่อเป็นปราการรักษาความมั่นคงของชาติ
บางประเทศจึงถือหลักการ.. ประชาชน-คือ-น้ำ ทหาร-คือ-ปลา ปลา..ขาดน้ำไม่ได้!
ในขณะที่ทหารหาญเสียสละชีวิตเพื่อชาติ แต่นักการเมืองซื้อเสียงทั้งหลาย กลับแก่งแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกันอย่างไร้สติ-ไร้จิตสำนึกที่ดี
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย พร่ำพูดพร่ำเพ้อว่า..คนตั้ง ครม.รัฐบาล“ปูแดง1”นั้น..อยู่ในประเทศไทย แต่สส.พรรคเพื่อไทยก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม เพราะรู้ว่า“นายห้างหน้าเหลี่ยมดูไบ”ต่างหาก ที่มีอำนาจเต็มในการจัดสรรแบ่งปันตำแหน่งรัฐมนตรี ให้กับบรรดาท่านสส.ผู้ทรงเกียรติ์ทั้งหลาย
สส.มากมายจึงแอบตีตั๋วเครื่องบิน..เดินทางต่อสายตรงไปยังดูไบ เพื่อขอตำแหน่งรัฐมนตรีจาก“นายห้างหน้าเหลี่ยม”
สส.คนใดได้มีโอกาสพบ“คนหน้าเหลี่ยม”แล้ว ก็มักจะกลับมาปล่อยข่าวว่า สส.คนนั้น-คนนี้จะได้เป็นรัฐมนตรี ตำแหน่งนั้นบ้าง-ตำแหน่งนี้บ้างจน“นายกฯปูแดง” ต้องออกมาเบรกจนตัวโกร่งว่า
“นายห้างหน้าเหลี่ยมดูไบ”ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับการแต่งตั้งรัฐมนตรีแต่ประการใด จากนั้น“ปูแดง”ก็ผลักดันให้พรรคเพื่อไทยลงมติ ให้ว่าที่นายกฯ“ปูแดง”กับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเฉพาะกิจ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ มีอำนาจเต็มในการแต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาล“ปูแดง 1”ทันที
อย่างไรก็ตาม..เรื่องตั้งรัฐมนตรี 35 หน่อของรัฐบาล “ปูแดง1”นั้น ยังไงๆยิ่งลักษณ์ก็ลบล้างความเชื่อของคนไทยไม่ได้อยู่ดี เพราะผู้คนรู้อยู่แก่ใจว่า “นายห้างหน้าเหลี่ยมดูไบ”คือเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง-เสียงจริง-ของจริง ดังนั้น การตั้งรัฐมนตรีทุกกระทรวงล้วนต้องได้รับ“ไฟเขียว”จาก“นายห้างหน้าเหลี่ยม”ก่อน
โถ..ก็ขนาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ยิ่งลักษณ์เองแท้ๆ หากไม่ได้“ไฟเขียว”จาก“นายห้างหน้าเหลี่ยม”ก่อน ชาตินี้-ชาติหน้า-ชาติโน้นตอนบ่ายแก่ๆ ยิ่งลักษณ์..ก็ไม่มีวันจะได้เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของชาติไทยหรอกครับ
ที่สำคัญ..ประชาชนคนไทยยังรู้อีกว่า ยิ่งลักษณ์..จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี“โคลนนิ่ง”หรือนายกฯหุ่นเชิดของ“นายห้างหน้าเหลี่ยม”โดยตรง ชนิดหลีกก็ไม่ได้-เลี่ยงก็ไม่พ้นอีกต่างหาก
คนไทยยังรู้อีกว่า..เมื่อยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกฯ เธอจะตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆสำคัญๆด้วยตนเองไม่ได้หรอก เพราะ“นายกฯปูแดง”ต้องรอการกดปุ่มจากนายกฯ“หน้าเหลี่ยม”เสียก่อน
คนไทยบางคนเลยบอกว่า..น่าสงสารว่าที่นายกฯ“ปูแดง” ที่ไม่มีวันจะเป็นตัวของตัวเองได้ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า อีกทั้งชาติไทยจะต้องตกอยู่ในสภาพประเทศเขมรในอดีต ที่มีนายกรัฐมนตรี 2 คน นั่นคือ นายกฯ“เจ้ารณฤทธิ์”และนายกฯ“ฮุนเซน”ไงล่ะครับ
เมื่อการบริหารชาติไทยต้องมีนายกฯถึง 2 คน แถมนายกฯตัวจริงยังต้องหนีคุกอยู่ในต่างแดน การตัดสินใจแก้ปัญหาหรือออกนโยบายสำคัญที่เร่งด่วน จึงไม่คล่องตัวเท่าที่ควรเป็นธรรมดายิ่งบรรดารัฐมนตรีรู้อยู่แก่ใจว่า ได้ตำแหน่งแห่งหนครั้งนี้เพราะ“นายห้างหน้าเหลี่ยม”ประเคนให้รัฐมนตรีกับสส.ในสภาย่อมให้ความเกรงใจ “นายกฯปูแดง”น้อยกว่าที่ควรจะเป็น..จริงไหม?
ดังจะเห็นได้จากกลุ่ม-ก๊วน-แก๊งทั้งเสื้อแดงและสวมเสื้อสส. ชอบที่จะต่อสายตรงคุยหรือบินตรงไปดูไบ เพื่อเจรจาต้าอ่วยกับ“นายห้างหน้าเหลี่ยม”โดยตรงมากกว่า เพราะการพูดจาร้องขอตำแหน่งจาก“ปูแดง” เพราะรู้ว่า..การขอตำแหน่งกับ“ปูแดง”นั้น..ไม่แน่นอน จะแน่นอนต้องโน่น..ให้“นายห้างหน้าเหลี่ยม”ยืนยันเสียก่อนครับ
หาก“นายห้างหน้าเหลี่ยม”ดูไบยังทำตัวเป็นนายกฯตัวจริง-เสียงจริง นายกฯหญิงคนแรกที่ชื่อ“ยิ่งลักษณ์”จะยิ่งถูกลดทอนความน่าเชื่อถือลงเป็นลำดับ ซึ่งจะทำให้“ยิ่งลักษณ์”ยากลำบากในการบริหารชาติบ้านเมือง
เรื่องประเทศไทยกำลังจะมีนายกฯ 2 คนนั้น มิใช่เรื่องเล็ก..หากแต่จะนำความเสียหาย มาสู่ทั้งตัว“ยิ่งลักษณ์”และ“นายห้างหน้าเหลี่ยม”เองด้วย ส่วนชาติบ้านเมืองนั้น..มีโอกาสจะเสียหายหรือเสียโอกาสที่ดี ทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม ฯลฯอีกด้วย
ยิ่งลักษณ์-จะต้องจัดการปัญหา ตำแหน่ง“นายกฯ”ซ้อน“นายกฯ” ระหว่าง“น้องหน้าหวาน”กับ“พี่ชายหน้าเหลี่ยม”ให้จงดี เพราะนี่เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องของบริษัทชินวัตร
ดังนั้น แม้ว-ปู..พึงต้องรู้ว่า อะไรควรทำ-อะไรไม่พึงกระทำ ที่สำคัญ..ชาติและส่วนรวมต้องมาก่อน..มิใช่“ชินวัตร”ต้องมาก่อน..นะเฟ้ย..!