**ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ให้การรับรองสถานะ หรือที่เรียกกันว่า “ปล่อยผี” ส.ส. 496 จาก 500 คน เกินจากเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและสามารถเดินหน้าเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ตามกำหนด
**มองมุมหนึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ภายใต้สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 24 เริ่มทำงาน และเปิดโอกาสให้ “ฝ่ายบริหาร” ชุดใหม่เข้ามาประจำการทำหน้าที่ได้เสียที
ขณะที่อีกมุมหนึ่งต้องประหลาดใจไม่น้อยที่การเลือกตั้งหนนี้ กกต.สั่งแขวนว่าที่ ส.ส.เพียง 4 ที่นั่ง โดยในจำนวนนี้มีสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือ “ใบเหลือง” แค่ 2 ใบ ที่ จ.หนองคาย-สุโขทัย และสั่งให้นับคะแนนใหม่ที่ จ.ยะลาอีก 1 เขต รวมทั้งรายของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ยังโดยแขวนในเรื่องคุณสมบัติอยู่อีกคน
**โดยไม่มีการการเพิกถอนการเลือกตั้งหรือ “ใบแดง” แม้แต่เขตเดียว
จนอดที่จะตั้งคำถามถึง “มาตรฐาน” การพิจารณาตัดสินลงโทษ “นักเลือกตั้ง” ที่ผ่านๆ มาของ กกต.ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เริ่มกติกา ใบเหลือง-แดงเป็น “อาญาสิทธิ์” ให้กกต.ใช้เป็นเครื่องมือในการปราบคนโกงเลือกตั้งนั้นก็พบว่า ครั้งแรกในการเลือกตั้งเมื่อ 6 ม.ค.44 โดย กกต. ชุดแรกที่มี ธีรศักดิ์ กรรณสูต เป็นประธาน มีการแจกใบเหลือง-แดง ว่อนสนาม “ใบแดง” ถึง 15 ใบ และ “ใบเหลือง” ถึง 62 ใบ
ถัดมายุค “3 หนา” ที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน ในการเลือกตั้งเมื่อ 6 ก.พ.48 ซึ่งว่ากันว่า เป็นยุคที่กกต.ถูกฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซง สมัยที่ “พรรคไทยรักไทย” เบ่งบานครองเมือง มีการแจกใบเหลือง-แดง แค่ 2 ใบแดง และ 6 ใบเหลือง เท่านั้น ส่วนการเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 ภายใต้การจัดของ กกต.ชุดเดียวกันนั้น ถูกตัดสินให้เป็นโมฆะ
ขณะที่การเลือกตั้ง 23 ธ.ค.50 ซึ่งเป็นการทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งครั้งแรกของ กกต.ชุดปัจจุบันที่มี อภิชาต สุขัคคานันท์ เป็นประธาน มีสถิติการแจก “ใบเหลือง” ก่อนการเลือกตั้ง มีจำนวน 22 ราย หลังการเลือกตั้งส่งศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา จำนวน 1 ราย ส่วน “ใบแดง” นั้นแจกก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง จำนวน 7 ราย หลังประกาศผลการเลือกตั้งส่งศาลฏีกาอีก 2 ราย รวมเป็น 32 ราย ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิ์และเลือกตั้งใหม่
มาถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา กลับมีการชูใบเหลืองเพียง 2 ใบ น้อยกว่าสมัยปี 48 ที่ว่ากันว่า การเมืองเข้ามาแทรกแซงอย่างหนักด้วยซ้ำ ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.บางคนก็ออกมาระบุเองว่า มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมหลายกรณี ทั้งการใช้อำนาจเงินซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซง ข่มขู่ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต สอดคล้องกับเรื่องร้องเรียนที่มีเข้ามายังสำนักงาน กกต.ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นหลายร้อยเรื่อง
การเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เหมือนการโปรโมตภาพยนตร์ ที่ กกต.ในฐานะผู้อำนวยการสร้างออกมาโฆษณาชวนเชื่อว่า เป็นหนังแอ็คชั่น ชวนตี่นเต้นเร้าใจ มีการประหัต ประหารวิสามัญคนร้ายหลายราย แต่พอดูจบ คนดูกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
** จืดชืด ไม่สมราคาคุย แถมปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล
เพราะในกฎหมาย และในประกาศของ กกต.เองก็ระบุชัดเจนถึงหลักการแจกใบเหลือง-แดง ว่า สามารถให้ได้เมื่อกกต. เห็นว่า “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้” ว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนหลายร้อยเรื่อง กกต.กลับใช้ “เหลี่ยมคู” หลบเลี่ยงที่จะบังคับใช้กฎหมาย และอาศัยครรลองกฎหมาย “โยนภาระ” ไปให้ศาลฏีกา แผนกคดีเลือกตั้ง เป็นผู้ชี้ขาดแทน
เหมือนพยายาม “ลอยตัว” จากความขัดแย้ง ปล่อยให้“ผู้แทนสีเทา” เหล่านี้เข้ามายกมือชูจั๊กกะแร้ เลือกบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ประธานรัฐสภา และนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นถึง “ประมุข” ของฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร
ส่วนการแขวน “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จากเหตุผลเรื่องคุณสมบัติที่ไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนั้น ไม่ใช่บทพิสูจน์ความ “ตงฉิน” ของ 5 เสือ กกต. แต่ทำให้ “จตุพร” กลายเป็นเพียงเครื่องบูชายัญการทำหน้าที่ของ กกต.เท่านั้น ทั้งที่การพิจารณาในส่วนของคุณสมบัตินั้นได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งรับรองคุณสมบัติผู้สมัคร การที่ กกต.ปล่อยในตอนนั้น ก็ถือเป็นความบกพร่องอย่างร้ายแรงของ กกต.เอง
เมื่อกกต.ทำหน้าที่ไม่เด็ดขาด และไม่สมศักดิ์ศรี จนกลายเป็นบุคลิกของกกต.ชุดนี้ไปแล้ว ก็มีคำถามต่อมาได้ว่า ต่อไปทั้ง 5 เสือจะทำงานใหญ่หรือบ้านเมืองจะพึ่งพาได้อย่างไร
** เพราะอย่าลืมว่าทั้ง 5 กกต. ยังมีวาระการดำรงตำแหน่งอยู่อีกหลายปี
**มองมุมหนึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ภายใต้สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 24 เริ่มทำงาน และเปิดโอกาสให้ “ฝ่ายบริหาร” ชุดใหม่เข้ามาประจำการทำหน้าที่ได้เสียที
ขณะที่อีกมุมหนึ่งต้องประหลาดใจไม่น้อยที่การเลือกตั้งหนนี้ กกต.สั่งแขวนว่าที่ ส.ส.เพียง 4 ที่นั่ง โดยในจำนวนนี้มีสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือ “ใบเหลือง” แค่ 2 ใบ ที่ จ.หนองคาย-สุโขทัย และสั่งให้นับคะแนนใหม่ที่ จ.ยะลาอีก 1 เขต รวมทั้งรายของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ยังโดยแขวนในเรื่องคุณสมบัติอยู่อีกคน
**โดยไม่มีการการเพิกถอนการเลือกตั้งหรือ “ใบแดง” แม้แต่เขตเดียว
จนอดที่จะตั้งคำถามถึง “มาตรฐาน” การพิจารณาตัดสินลงโทษ “นักเลือกตั้ง” ที่ผ่านๆ มาของ กกต.ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เริ่มกติกา ใบเหลือง-แดงเป็น “อาญาสิทธิ์” ให้กกต.ใช้เป็นเครื่องมือในการปราบคนโกงเลือกตั้งนั้นก็พบว่า ครั้งแรกในการเลือกตั้งเมื่อ 6 ม.ค.44 โดย กกต. ชุดแรกที่มี ธีรศักดิ์ กรรณสูต เป็นประธาน มีการแจกใบเหลือง-แดง ว่อนสนาม “ใบแดง” ถึง 15 ใบ และ “ใบเหลือง” ถึง 62 ใบ
ถัดมายุค “3 หนา” ที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน ในการเลือกตั้งเมื่อ 6 ก.พ.48 ซึ่งว่ากันว่า เป็นยุคที่กกต.ถูกฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซง สมัยที่ “พรรคไทยรักไทย” เบ่งบานครองเมือง มีการแจกใบเหลือง-แดง แค่ 2 ใบแดง และ 6 ใบเหลือง เท่านั้น ส่วนการเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 ภายใต้การจัดของ กกต.ชุดเดียวกันนั้น ถูกตัดสินให้เป็นโมฆะ
ขณะที่การเลือกตั้ง 23 ธ.ค.50 ซึ่งเป็นการทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งครั้งแรกของ กกต.ชุดปัจจุบันที่มี อภิชาต สุขัคคานันท์ เป็นประธาน มีสถิติการแจก “ใบเหลือง” ก่อนการเลือกตั้ง มีจำนวน 22 ราย หลังการเลือกตั้งส่งศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา จำนวน 1 ราย ส่วน “ใบแดง” นั้นแจกก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง จำนวน 7 ราย หลังประกาศผลการเลือกตั้งส่งศาลฏีกาอีก 2 ราย รวมเป็น 32 ราย ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิ์และเลือกตั้งใหม่
มาถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา กลับมีการชูใบเหลืองเพียง 2 ใบ น้อยกว่าสมัยปี 48 ที่ว่ากันว่า การเมืองเข้ามาแทรกแซงอย่างหนักด้วยซ้ำ ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.บางคนก็ออกมาระบุเองว่า มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมหลายกรณี ทั้งการใช้อำนาจเงินซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซง ข่มขู่ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต สอดคล้องกับเรื่องร้องเรียนที่มีเข้ามายังสำนักงาน กกต.ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นหลายร้อยเรื่อง
การเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เหมือนการโปรโมตภาพยนตร์ ที่ กกต.ในฐานะผู้อำนวยการสร้างออกมาโฆษณาชวนเชื่อว่า เป็นหนังแอ็คชั่น ชวนตี่นเต้นเร้าใจ มีการประหัต ประหารวิสามัญคนร้ายหลายราย แต่พอดูจบ คนดูกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
** จืดชืด ไม่สมราคาคุย แถมปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล
เพราะในกฎหมาย และในประกาศของ กกต.เองก็ระบุชัดเจนถึงหลักการแจกใบเหลือง-แดง ว่า สามารถให้ได้เมื่อกกต. เห็นว่า “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้” ว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนหลายร้อยเรื่อง กกต.กลับใช้ “เหลี่ยมคู” หลบเลี่ยงที่จะบังคับใช้กฎหมาย และอาศัยครรลองกฎหมาย “โยนภาระ” ไปให้ศาลฏีกา แผนกคดีเลือกตั้ง เป็นผู้ชี้ขาดแทน
เหมือนพยายาม “ลอยตัว” จากความขัดแย้ง ปล่อยให้“ผู้แทนสีเทา” เหล่านี้เข้ามายกมือชูจั๊กกะแร้ เลือกบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ประธานรัฐสภา และนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นถึง “ประมุข” ของฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร
ส่วนการแขวน “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จากเหตุผลเรื่องคุณสมบัติที่ไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนั้น ไม่ใช่บทพิสูจน์ความ “ตงฉิน” ของ 5 เสือ กกต. แต่ทำให้ “จตุพร” กลายเป็นเพียงเครื่องบูชายัญการทำหน้าที่ของ กกต.เท่านั้น ทั้งที่การพิจารณาในส่วนของคุณสมบัตินั้นได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งรับรองคุณสมบัติผู้สมัคร การที่ กกต.ปล่อยในตอนนั้น ก็ถือเป็นความบกพร่องอย่างร้ายแรงของ กกต.เอง
เมื่อกกต.ทำหน้าที่ไม่เด็ดขาด และไม่สมศักดิ์ศรี จนกลายเป็นบุคลิกของกกต.ชุดนี้ไปแล้ว ก็มีคำถามต่อมาได้ว่า ต่อไปทั้ง 5 เสือจะทำงานใหญ่หรือบ้านเมืองจะพึ่งพาได้อย่างไร
** เพราะอย่าลืมว่าทั้ง 5 กกต. ยังมีวาระการดำรงตำแหน่งอยู่อีกหลายปี