ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยพาณิชย์เผยสินเชื่อบ้านครึ่งปีแรกขยายตัวได้เกินเป้า มาตรการรัฐ-ดบ.ขาขึ้นกระทบน้อย ครึ่งปีหลังหันเจาะกลุ่มระดับล่างมากขึ้น ระบุเพี่อรักษามาเก็ตแชร์ หลังแบงก์รัฐร่วมชิงตลาดบน
นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) กล่าวว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าความคาดหมายและเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดสินเชื่อใหม่ 4.3 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.8-3.9 ล้านบาท และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท เป็นยอดปล่อยกู้สุทธิ 1.5-1.7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มียอดคงค้างรวมของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครึ่งปีแรกที่ 3.1 แสนล้านบาท เป็นยอดสินเชื่อ และคาดว่า ณ สิ้นปี 2554 จะมียอดคงค้างรวม 3.3 แสนล้าน จากสิ้นปี 53 ที่อยู่ในระดับ 3 แสนล้านบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 3.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.7 หมื่นล้านบาท
"เราคาดว่าสินเชื่ออสังหาฯครึ่งปีแรกจะไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่มีมาตรการของภาครัฐช่วยหนุน ดอกเบี้ยก็เป็นขาขึ้น แต่ผลออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธของธนาคารที่มีแคมเปญที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีช่องทางการปล่อยกู้และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง"
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนั้น สินเชื่อที่อยู่อาศัยน่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยากขึ้น และคงจะปรับขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นไปแล้วไตรมาสละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีคงต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะมีนโยบายทางด้านนี้อย่างไร
ทั้งนี้ ในช่วงต่อไปธนาคารจะยังใช้กลยุทธเดิมในการขยายสินเชื่อ โดยในไตรมาส 3 จะมีแคมเปญสินเชื่อใหม่ ที่นอกจากฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆแล้ว หากลูกค้าผ่อนชำระกับธนาคารจนถึง 3 ปีสุดท้ายของอายุสัญญาจะได้รับสิทธิพิเศษดอกเบี้ย 0%
นอกจากนี้ ธนาคารยังหันมาขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับล่าง(วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 700,000 บาท)มากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารจะเน้นที่กลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก เพื่อให้ครอบคลุมถึงลูกค้าในทุกๆกลุ่มและรักษาระดับส่วนแบ่งการตลาด(มาเก็ตแชร์)ของธนาคารไว้ให้ได้ในระดับผู้นำตลาดที่ 30%
นางพิกุลกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ซึ่งปกติจะเน้นปล่อยกู้ให้ลูกค้าระดับล่าง หันมาลงเล่นในตลาดระดับกลาง-บนซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดของแบงก์พาณิชย์มากขึ้น ธนาคารก็จำเป็นต้องลงมาหาลูกค้าระดับล่างมากขึ้นเพื่อรักษามาเก็ตแชร์ของตัวเอง ซึ่งธนาคารก็เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปีก่อน จนปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 10%ของยอดสินเชื่อใหม่ และสิ้นปีก็คงจะประมาณ 20%
"เมื่อเราลงไปเล่นในตลาดล่างมากขึ้น ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องการปล่อยกู้ที่อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่การที่ธนาคารยังยึดหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด พิจารณายังระมัดระวังทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.2% และในสิ้นปีก็จะพยายามรักษาระดับนี้ไว้"
นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) กล่าวว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าความคาดหมายและเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดสินเชื่อใหม่ 4.3 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.8-3.9 ล้านบาท และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท เป็นยอดปล่อยกู้สุทธิ 1.5-1.7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มียอดคงค้างรวมของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครึ่งปีแรกที่ 3.1 แสนล้านบาท เป็นยอดสินเชื่อ และคาดว่า ณ สิ้นปี 2554 จะมียอดคงค้างรวม 3.3 แสนล้าน จากสิ้นปี 53 ที่อยู่ในระดับ 3 แสนล้านบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 3.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.7 หมื่นล้านบาท
"เราคาดว่าสินเชื่ออสังหาฯครึ่งปีแรกจะไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่มีมาตรการของภาครัฐช่วยหนุน ดอกเบี้ยก็เป็นขาขึ้น แต่ผลออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธของธนาคารที่มีแคมเปญที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีช่องทางการปล่อยกู้และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง"
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนั้น สินเชื่อที่อยู่อาศัยน่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยากขึ้น และคงจะปรับขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นไปแล้วไตรมาสละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีคงต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะมีนโยบายทางด้านนี้อย่างไร
ทั้งนี้ ในช่วงต่อไปธนาคารจะยังใช้กลยุทธเดิมในการขยายสินเชื่อ โดยในไตรมาส 3 จะมีแคมเปญสินเชื่อใหม่ ที่นอกจากฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆแล้ว หากลูกค้าผ่อนชำระกับธนาคารจนถึง 3 ปีสุดท้ายของอายุสัญญาจะได้รับสิทธิพิเศษดอกเบี้ย 0%
นอกจากนี้ ธนาคารยังหันมาขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับล่าง(วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 700,000 บาท)มากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารจะเน้นที่กลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก เพื่อให้ครอบคลุมถึงลูกค้าในทุกๆกลุ่มและรักษาระดับส่วนแบ่งการตลาด(มาเก็ตแชร์)ของธนาคารไว้ให้ได้ในระดับผู้นำตลาดที่ 30%
นางพิกุลกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ซึ่งปกติจะเน้นปล่อยกู้ให้ลูกค้าระดับล่าง หันมาลงเล่นในตลาดระดับกลาง-บนซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดของแบงก์พาณิชย์มากขึ้น ธนาคารก็จำเป็นต้องลงมาหาลูกค้าระดับล่างมากขึ้นเพื่อรักษามาเก็ตแชร์ของตัวเอง ซึ่งธนาคารก็เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปีก่อน จนปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 10%ของยอดสินเชื่อใหม่ และสิ้นปีก็คงจะประมาณ 20%
"เมื่อเราลงไปเล่นในตลาดล่างมากขึ้น ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องการปล่อยกู้ที่อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่การที่ธนาคารยังยึดหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด พิจารณายังระมัดระวังทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.2% และในสิ้นปีก็จะพยายามรักษาระดับนี้ไว้"