"มาร์ค" ซัดรัฐบาลเยอรมนี ไม่มีสิทธิ์บีบรัฐบาลไทยให้จ่ายเงิน เพราะคดียังไม่จบ ยันถ้าจบไทยพร้อมรับผิดชอบแน่ นัดคุยอสส. เล็งฟ้องกลับ "วอลเตอร์ บาว" พร้อมแฉเอกชนรายนี้เสนอเงื่อนไขประนีประนอมให้ไทยจ่ายเงินทันทีไม่ต้องรอคำตัดสิน ไม่รู้ข่าวเยอรมนีปล่อย"นช.แม้ว" เข้าประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงถึงกรณี สถานทูตเยอรมนีออกแถลงการณ์ ให้ไทยจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทวอลเตอร์ บาว ตามคำสั่งศาลว่า กระทรวงการต่างประเทศได้แสดงท่าทีไปแล้ว คิดว่าปัญหานี้กระบวนการต่างๆ ยังไม่จบ ฉะนั้นไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เท่าที่ทราบเขาพูดคนละคดีกัน เป็นการพูดถึงตัวคดีหลัก ไม่ใช่เรื่องเครื่องบิน และขอยืนยันว่าในส่วนรัฐบาลไทย ยังอยู่ในกระบวนการของการต่อสู้ในเรื่องที่จะมาใช้สิทธิ์ของวอลเตอร์ บาว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าที่สถานทูตเยอรมนีอ้างว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ไม่ใช่ความจริงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาคงพูดในแง่ของอนุญาโตฯ แต่เรากำลังพูดถึงกรณีที่มีการฟ้องในการที่จะบังคับให้ชำระหนี้ที่นิวยอร์ก และตนถือว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีคดีอยู่ที่นิวยอร์ก ฉะนั้นถือว่ายังไม่สิ้นสุด และไม่เห็นว่าเยอรมนีจะมีเหตุผลอะไรที่จะมาทำแบบนี้ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีหนังสือไปแล้ว เพราะโดยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ยังไม่จบ ถ้าจบรัฐบาลไทยก็มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว
ฉะนั้นฝ่ายบริหารของเยอรมนีไม่ควรต้องมากังวลเรื่องนี้ และไม่มีสิทธิ์มาบีบรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่ไทยจะมีการฟ้องร้อง บริษัท วอลเตอร์ บาว ฐานใช้สิทธิไม่สุจริตนั้น ในวันนี้ (28 ก.ค.) อัยการสูงสุดจะมาคุยกับตน
"ผมเชื่อว่าเป็นความพยายามของเขา คงฟังจากภาคเอกชน เพราะภาคเอกชนรายนี้พยายามใช้ทุกวิถีทางในการที่จะให้เรานำเงินไปวาง ไปใช้ บางทีก็มาเสนอว่า จะประนีประนอมอย่างนั้นอย่างนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้า เบื้องหลังอย่างไร หรือไม่ ถึงเพิ่งมารุกตอนที่จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นจังหวะเวลาที่มีคำตัดสินในชั้นต้นของคดีที่นิวยอร์ก และอยู่รอยต่อระหว่างคำพิพากษากับการอุทธรณ์ ซึ่งต้องยื่นก่อนวันที่ 29 ก.ค.นี้ ส่วนที่อ้างว่าจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีต่อไทยนั้น เห็นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา เราก็ให้ความเป็นธรรม หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มีกระบวนการต่อสู้กัน
เมื่อถามว่าปัญหาจะบานปลายไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะไปลุกลามบานปลายอะไร และรายอื่นก็ไม่มีปัญหาแบบนี้ เอกชนรายนี้ ตนทราบว่าพยายามติดต่อทางนั้น ทางนี้ มาโดยตลอดเพื่อให้มีการจ่ายเงิน โดยมีเงื่อนไขการประนีประนอม เช่น ให้ชำระเงิน อาจจะลดดอกเบี้ยให้แต่ต้องจ่ายเลย โดยไม่ต้องรอคำตัดสินต่างๆ ซึ่งมีการเสนอมาหลายครั้ง ถือเป็นความดิ้นรนของบริษัทในการที่จะให้เราชำระเงิน ความจริงทุกอย่างมีกระบวนการของมันอยู่ จบสิ้นเมื่อไรทุกคนก็เคารพกระบวนการอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ควรมาดิ้นรนอะไร
เมื่อถามว่าแสดงว่า วอลเตอร์ บาว มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลเยอรมนี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช้คำว่ามีอิทธิพล แต่เวลามีปัญหาเอกชน ทางฝ่ายบริหารมักจะไปพูดกับประเทศที่เกี่ยวข้องเหมือนเวลาที่นักลงทุนของเรามาร้องเรียน เราก็พูดให้เขาบ้าง แต่รูปแบบที่ทำมาเมื่อวันศุกร์ มันไม่เหมาะสม และกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ทำหนังสือไปแล้ว คิดว่าสมควรแก่กรณี
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะมีมาตรการกดดันอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรมีและไม่น่าจะมี ซึ่งเราได้ทำความเข้าใจไปแล้วว่า ข้อพิพาทอยู่ที่ไหน หากให้กระบวนการเสร็จสิ้นเรียบร้อยทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าเยอรมันอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศได้แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่าไม่ทราบ และไม่ทราบว่ากระบวนตรงนี้ทั้งหมดเป็นอย่างไร และที่ผ่านมาจำไม่ได้ว่าเดินทางไปบ้างหรือไม่ แต่ก็เข้าไปยุโรปบ้าง เมื่อถามว่า การเปลี่ยนรัฐบาลจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศอื่นง่ายขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สถานะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่ต้องดูว่ารัฐบาลชุดใหม่ปฏิบัติอย่างไร
เมื่อถามว่าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปคิดไปอะไรเอง ถ้ามีหลักฐานเหตุผลค่อยว่ากัน ส่วนรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะดำเนินการอย่างไรต้องถามรัฐบาลใหม่ว่า จะปฏิบัติอย่างไร แต่ยืนยันว่าควรปฏิบัติเช่นเดียวกับคนอื่นที่หนีคดี ซึ่งตรงนี้จะเป็นบททดสอบว่า คนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเอาผลประโยชน์ประเทศชาติ หลักการความถูกต้อง หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเห็นใจ คิดว่าต้องแสดงให้ชัด
อย่างไรก็ตาม ตนคาดหวังว่าใครก็ตามที่เป็นนายกฯ ต้องยึดถือผลประโยชน์ประเทศมาก่อน แต่วันนี้ยังเร็วเกินไปเพราะยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย เราย้ำในหลักการและเชื่อสังคมต้องส่งสัญญาณให้ชัดว่าเมื่อมาดำรงตำแหน่งขอให้ยึดประโยชน์ส่วนรวมคือปฏิบัติอย่างที่พึงปฏิบัติคือใครที่หนีคดีอยู่เป็นใครก็ตามก็ต้องปฏิบัติเหมือนกัน
เมื่อถามว่าช่วงกลางปีมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาพำนักยังประเทศลาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ คือเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มันข่าวเยอะ
***ออสซี่สอบเครื่องการบินไทยบินต่ำเกิน
สำนักความปลอดภัยการขนส่งออสเตรเลียแถลงว่า ได้เดินหน้าตรวจสอบความจริงกรณี “เหตุการณ์ร้ายแรง” หลังเครื่องบินโดยสารของการบินไทย บินต่ำกว่าความสูงที่กำหนด ขณะนำเครื่องร่อนลงจอดในท่าอากาศยานเมลเบิร์น
เครื่องโบอิ้ง 777 เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ร่อนลงจอดอย่างปลอดภัย ทว่า เครื่องลำดังกล่าวถูกตรวจพบว่าทำการบินด้วยความสูงต่ำกว่ากำหนดเหนือน่านฟ้านครเมลเบิร์น ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากท่าอากาศยานเมลเบิร์นไปทางใต้ประมาณ 11 กิโลเมตร เมื่อเวลา 20.19 น.(ตรงกับ 17.19 น.ตามเวลาประเทศไทย) วันอาทิตย์ (24 ก.ค.) ที่ผ่านมา
สื่อออสเตรเลีย รายงานว่า เครื่องโบอิ้งของไทยลำนี้บินอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,000 ฟุต เหนือย่านซันไชน์ นอร์ธ (Sunshine North) เขตชานเมืองของนครเมลเบิร์น ขณะที่มีข้อบังคับการบินกำหนดความสูงไว้ที่ประมาณ 2,000 ฟุต
“ระหว่างบินมาถึงนครเมลเบิร์น เครื่องของการบินไทยได้ลดเพดานบินลงต่ำกว่าความสูงที่กำหนด” สำนักความปลอดภัยการขนส่งแห่งออสเตรเลียแถลง พร้อมทั้งนิยามเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็น “เหตุการณ์ร้ายแรง”
สำนักความปลอดภัยแห่งนี้ เปิดเผยว่า “เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาความจริง” และจะมีการติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากการบินไทย รวมทั้งคณะเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศชาวออสเตรเลีย ก่อนสรุปผลเหตุการณ์ตามข้อกล่าวหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงถึงกรณี สถานทูตเยอรมนีออกแถลงการณ์ ให้ไทยจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทวอลเตอร์ บาว ตามคำสั่งศาลว่า กระทรวงการต่างประเทศได้แสดงท่าทีไปแล้ว คิดว่าปัญหานี้กระบวนการต่างๆ ยังไม่จบ ฉะนั้นไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เท่าที่ทราบเขาพูดคนละคดีกัน เป็นการพูดถึงตัวคดีหลัก ไม่ใช่เรื่องเครื่องบิน และขอยืนยันว่าในส่วนรัฐบาลไทย ยังอยู่ในกระบวนการของการต่อสู้ในเรื่องที่จะมาใช้สิทธิ์ของวอลเตอร์ บาว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าที่สถานทูตเยอรมนีอ้างว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ไม่ใช่ความจริงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาคงพูดในแง่ของอนุญาโตฯ แต่เรากำลังพูดถึงกรณีที่มีการฟ้องในการที่จะบังคับให้ชำระหนี้ที่นิวยอร์ก และตนถือว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีคดีอยู่ที่นิวยอร์ก ฉะนั้นถือว่ายังไม่สิ้นสุด และไม่เห็นว่าเยอรมนีจะมีเหตุผลอะไรที่จะมาทำแบบนี้ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีหนังสือไปแล้ว เพราะโดยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ยังไม่จบ ถ้าจบรัฐบาลไทยก็มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว
ฉะนั้นฝ่ายบริหารของเยอรมนีไม่ควรต้องมากังวลเรื่องนี้ และไม่มีสิทธิ์มาบีบรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่ไทยจะมีการฟ้องร้อง บริษัท วอลเตอร์ บาว ฐานใช้สิทธิไม่สุจริตนั้น ในวันนี้ (28 ก.ค.) อัยการสูงสุดจะมาคุยกับตน
"ผมเชื่อว่าเป็นความพยายามของเขา คงฟังจากภาคเอกชน เพราะภาคเอกชนรายนี้พยายามใช้ทุกวิถีทางในการที่จะให้เรานำเงินไปวาง ไปใช้ บางทีก็มาเสนอว่า จะประนีประนอมอย่างนั้นอย่างนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้า เบื้องหลังอย่างไร หรือไม่ ถึงเพิ่งมารุกตอนที่จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นจังหวะเวลาที่มีคำตัดสินในชั้นต้นของคดีที่นิวยอร์ก และอยู่รอยต่อระหว่างคำพิพากษากับการอุทธรณ์ ซึ่งต้องยื่นก่อนวันที่ 29 ก.ค.นี้ ส่วนที่อ้างว่าจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีต่อไทยนั้น เห็นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา เราก็ให้ความเป็นธรรม หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มีกระบวนการต่อสู้กัน
เมื่อถามว่าปัญหาจะบานปลายไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะไปลุกลามบานปลายอะไร และรายอื่นก็ไม่มีปัญหาแบบนี้ เอกชนรายนี้ ตนทราบว่าพยายามติดต่อทางนั้น ทางนี้ มาโดยตลอดเพื่อให้มีการจ่ายเงิน โดยมีเงื่อนไขการประนีประนอม เช่น ให้ชำระเงิน อาจจะลดดอกเบี้ยให้แต่ต้องจ่ายเลย โดยไม่ต้องรอคำตัดสินต่างๆ ซึ่งมีการเสนอมาหลายครั้ง ถือเป็นความดิ้นรนของบริษัทในการที่จะให้เราชำระเงิน ความจริงทุกอย่างมีกระบวนการของมันอยู่ จบสิ้นเมื่อไรทุกคนก็เคารพกระบวนการอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ควรมาดิ้นรนอะไร
เมื่อถามว่าแสดงว่า วอลเตอร์ บาว มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลเยอรมนี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช้คำว่ามีอิทธิพล แต่เวลามีปัญหาเอกชน ทางฝ่ายบริหารมักจะไปพูดกับประเทศที่เกี่ยวข้องเหมือนเวลาที่นักลงทุนของเรามาร้องเรียน เราก็พูดให้เขาบ้าง แต่รูปแบบที่ทำมาเมื่อวันศุกร์ มันไม่เหมาะสม และกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ทำหนังสือไปแล้ว คิดว่าสมควรแก่กรณี
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะมีมาตรการกดดันอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรมีและไม่น่าจะมี ซึ่งเราได้ทำความเข้าใจไปแล้วว่า ข้อพิพาทอยู่ที่ไหน หากให้กระบวนการเสร็จสิ้นเรียบร้อยทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าเยอรมันอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศได้แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่าไม่ทราบ และไม่ทราบว่ากระบวนตรงนี้ทั้งหมดเป็นอย่างไร และที่ผ่านมาจำไม่ได้ว่าเดินทางไปบ้างหรือไม่ แต่ก็เข้าไปยุโรปบ้าง เมื่อถามว่า การเปลี่ยนรัฐบาลจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศอื่นง่ายขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สถานะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่ต้องดูว่ารัฐบาลชุดใหม่ปฏิบัติอย่างไร
เมื่อถามว่าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปคิดไปอะไรเอง ถ้ามีหลักฐานเหตุผลค่อยว่ากัน ส่วนรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะดำเนินการอย่างไรต้องถามรัฐบาลใหม่ว่า จะปฏิบัติอย่างไร แต่ยืนยันว่าควรปฏิบัติเช่นเดียวกับคนอื่นที่หนีคดี ซึ่งตรงนี้จะเป็นบททดสอบว่า คนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเอาผลประโยชน์ประเทศชาติ หลักการความถูกต้อง หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเห็นใจ คิดว่าต้องแสดงให้ชัด
อย่างไรก็ตาม ตนคาดหวังว่าใครก็ตามที่เป็นนายกฯ ต้องยึดถือผลประโยชน์ประเทศมาก่อน แต่วันนี้ยังเร็วเกินไปเพราะยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย เราย้ำในหลักการและเชื่อสังคมต้องส่งสัญญาณให้ชัดว่าเมื่อมาดำรงตำแหน่งขอให้ยึดประโยชน์ส่วนรวมคือปฏิบัติอย่างที่พึงปฏิบัติคือใครที่หนีคดีอยู่เป็นใครก็ตามก็ต้องปฏิบัติเหมือนกัน
เมื่อถามว่าช่วงกลางปีมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาพำนักยังประเทศลาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ คือเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มันข่าวเยอะ
***ออสซี่สอบเครื่องการบินไทยบินต่ำเกิน
สำนักความปลอดภัยการขนส่งออสเตรเลียแถลงว่า ได้เดินหน้าตรวจสอบความจริงกรณี “เหตุการณ์ร้ายแรง” หลังเครื่องบินโดยสารของการบินไทย บินต่ำกว่าความสูงที่กำหนด ขณะนำเครื่องร่อนลงจอดในท่าอากาศยานเมลเบิร์น
เครื่องโบอิ้ง 777 เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ร่อนลงจอดอย่างปลอดภัย ทว่า เครื่องลำดังกล่าวถูกตรวจพบว่าทำการบินด้วยความสูงต่ำกว่ากำหนดเหนือน่านฟ้านครเมลเบิร์น ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากท่าอากาศยานเมลเบิร์นไปทางใต้ประมาณ 11 กิโลเมตร เมื่อเวลา 20.19 น.(ตรงกับ 17.19 น.ตามเวลาประเทศไทย) วันอาทิตย์ (24 ก.ค.) ที่ผ่านมา
สื่อออสเตรเลีย รายงานว่า เครื่องโบอิ้งของไทยลำนี้บินอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,000 ฟุต เหนือย่านซันไชน์ นอร์ธ (Sunshine North) เขตชานเมืองของนครเมลเบิร์น ขณะที่มีข้อบังคับการบินกำหนดความสูงไว้ที่ประมาณ 2,000 ฟุต
“ระหว่างบินมาถึงนครเมลเบิร์น เครื่องของการบินไทยได้ลดเพดานบินลงต่ำกว่าความสูงที่กำหนด” สำนักความปลอดภัยการขนส่งแห่งออสเตรเลียแถลง พร้อมทั้งนิยามเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็น “เหตุการณ์ร้ายแรง”
สำนักความปลอดภัยแห่งนี้ เปิดเผยว่า “เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาความจริง” และจะมีการติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากการบินไทย รวมทั้งคณะเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศชาวออสเตรเลีย ก่อนสรุปผลเหตุการณ์ตามข้อกล่าวหา
