เอเอฟพี - อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี แบลร์ แห่งอังกฤษ กล่าววันนี้ (26) ว่า นับเป็นช่วงเวลาที่ “ยากลำบากและน่าหวั่นวิตก” สำหรับเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายที่สหรัฐฯ อาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้ (default)
หลังจากที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ชาวอเมริกันช่วยกดดันพรรครีพับลิกันให้ยอมประนีประนอมในการขยายเพดานก่อหนี้ พร้อมเตือนว่าการผิดนัดชำระหนี้จะทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงต่อระบบเศรษฐกิจ แบลร์ก็ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุด
“ทุกคนคาดหวังและเชื่อมั่นว่า ก่อนเที่ยงคืนวันนี้ (26) สหรัฐฯ น่าจะบรรลุข้อตกลงที่ช่วยให้สถานการณ์นิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญต่อทุกฝ่าย” แบลร์ ให้สัมภาษณ์ ณ นครเมลเบิร์นของออสเตรเลีย
“แน่นอนว่า นี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบากและน่าหวั่นวิตกสำหรับเศรษฐกิจโลก”
โอบามา และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งปรับเพดานก่อหนี้เพิ่มจาก 14.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบัน ภายในวันที่ 2 สิงหาคม เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ทว่า ส.ส.เดโมแครตและรีพับลิกันกลับยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นการขึ้นภาษีและตัดลดงบประมาณ
แบลร์ ซึ่งเพิ่งหารือกับนายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด แห่งออสเตรเลีย เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ, วิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และความคืบหน้าในตะวันออกกลาง ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาหนี้สินของสหรัฐฯ ถูกทิ้งสะสมมานานหลายปี
“ประธานาธิบดีโอบามาพูดถูกที่บอกว่า ต้องการแนวทางที่จะขจัดปัญหาได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เขี่ยให้พ้นทาง ซึ่งอันที่จริงก็ใช่จะพ้นไปไกลที่ไหน เพราะนั่นจะไม่เป็นผลดีสำหรับฝ่ายใดเลย” แบลร์ระบุ
“วิกฤตเศรษฐกิจอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น แต่ที่จริงแล้วความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงนั้นมีอยู่ ซึ่งเป็นผลจากปัญหาที่สะสมมานาน” แบลร์กล่าว
จากความเป็นไปได้ที่ประเทศร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯ อาจต้องผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 2 สิงหาคม ทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาเตือนถึงภาวะ “ช็อกขั้นรุนแรง” ที่จะเกิดกับเศรษฐกิจทั่วโลก ในกรณีที่สหรัฐฯ ไม่สามารถหาทางออกได้