ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้โดยสารระทึก! โบอิ้ง747 เที่ยวบิน TG 201 เจอสภาพอากาศเลวร้าย ลงจอดสนามบินภูเก็ตไม่ได้ หลังกางล้อเตรียมร่อนลง เล่นเอาตื่นตระหนกทั้งลำ กัปตันตัดสินใจเด็ดขาดนำเครื่องกลับสุวรรณภูมิ รอสภาพอากาศปลอดภัย ก่อนนำเครื่องขึ้นสุดท้ายลงจอดได้อย่างปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวานนี้ (26 ก.ค.) เครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 201 กรุงเทพ-ภูเก็ต พร้อมผู้โดยสาร กว่า 400 คน ไม่สามารถลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ และต้องวนกลับมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กะทันหัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ปลายทาง จ.ภูเก็ต มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวยต่อการนำเครื่องลงจอด กัปตันจึงต้องตัดสินใจนำเครื่องบินกลับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งก่อนที่จะนำเครื่องขึ้นบินใหม่ในเวลาประมาณ 11.00 น. ทำให้เที่ยวบินดังกล่าวล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 3 ชั่วโมง
ทั้งนี้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงว่า สาเหตุดังกล่าว เกิดจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวยและมีฝนตกหนัก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานความปลดภัย นักบินจึงตัดสินใจนำเครื่องบินกลับมาลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อรอสภาพอากาศที่ท่าอากายานภูเก็ตดีขึ้น หลังจากนั้น เที่ยวบินจึงได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งในเวลา11.19 น. และลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตในเวลา 12.35 น. ซึ่งการปฏิบัติการบินในครั้งนี้ นักบินได้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำการบินอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารสูงสุด
สำหรับเที่ยวบิน TG 201 กำหนดเดินทางในเวลา 07.30 น. ก่อนจะเกิดอุปสรรค และกัปตันประกาศพร้อมนำเครื่องลงจอดที่สนามบินภูเก็ต ซึ่งล้อของเครื่องลำดังกล่าวกางแล้ว และอีกไม่ถึง 20 เมตร เครื่องกำลังจะแตะพื้นดิน แต่สุดท้ายเครื่องก็เหินขึ้นฟ้าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคน โดยกัปตันเที่ยวบินที่ TG 201 ได้ประกาศให้ผู้โดยสารทราบว่าสภาพอากาศเลวร้ายมาก ไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ จึงขอนำผู้โดยสารจำนวนเกือบ 400 คน กลับสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
จากการสอบถามแอร์โฮสเตส ระบุถึงเหตุที่ไม่นำเครื่องลงจอดที่จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินลำใหญ่มาก การลงจอด หากสนามบินถ้าไม่ใหญ่พอ ก็ไม่สามารถที่จะลงจอดได้สะดวก จึงต้องกลับมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้ง และการนำเครื่องกลับมาที่จุดหมายเดิมส่วนใหญ่จะมีน้อยมาก 15 ปีมีครั้ง โดยยืนยันว่าสนามบินภูเก็ตมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งจากสภาพอากาศปิด ดังนั้น กัปตันเครื่องบินลำนี้ จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้โดยสาร และตัดสินใจเสียเวลานำผู้โดยสารกลับกรุงเทพฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า เที่ยวบินดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสารเกือบเต็มลำ โดยผู้โดยสารส่วนหนึ่ง เป็นสื่อมวลชนจากสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ที่เดินทางไปทำข่าวร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จังหวัดพังงา และสุราษฎร์ธานี โดยเดินทางโดยเครื่องบินไปที่จังหวัดภูเก็ตก่อน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสารเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา เพิ่งเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของทหารตกหลายลำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวานนี้ (26 ก.ค.) เครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 201 กรุงเทพ-ภูเก็ต พร้อมผู้โดยสาร กว่า 400 คน ไม่สามารถลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ และต้องวนกลับมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กะทันหัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ปลายทาง จ.ภูเก็ต มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวยต่อการนำเครื่องลงจอด กัปตันจึงต้องตัดสินใจนำเครื่องบินกลับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งก่อนที่จะนำเครื่องขึ้นบินใหม่ในเวลาประมาณ 11.00 น. ทำให้เที่ยวบินดังกล่าวล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 3 ชั่วโมง
ทั้งนี้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงว่า สาเหตุดังกล่าว เกิดจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวยและมีฝนตกหนัก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานความปลดภัย นักบินจึงตัดสินใจนำเครื่องบินกลับมาลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อรอสภาพอากาศที่ท่าอากายานภูเก็ตดีขึ้น หลังจากนั้น เที่ยวบินจึงได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งในเวลา11.19 น. และลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตในเวลา 12.35 น. ซึ่งการปฏิบัติการบินในครั้งนี้ นักบินได้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำการบินอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารสูงสุด
สำหรับเที่ยวบิน TG 201 กำหนดเดินทางในเวลา 07.30 น. ก่อนจะเกิดอุปสรรค และกัปตันประกาศพร้อมนำเครื่องลงจอดที่สนามบินภูเก็ต ซึ่งล้อของเครื่องลำดังกล่าวกางแล้ว และอีกไม่ถึง 20 เมตร เครื่องกำลังจะแตะพื้นดิน แต่สุดท้ายเครื่องก็เหินขึ้นฟ้าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคน โดยกัปตันเที่ยวบินที่ TG 201 ได้ประกาศให้ผู้โดยสารทราบว่าสภาพอากาศเลวร้ายมาก ไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ จึงขอนำผู้โดยสารจำนวนเกือบ 400 คน กลับสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
จากการสอบถามแอร์โฮสเตส ระบุถึงเหตุที่ไม่นำเครื่องลงจอดที่จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินลำใหญ่มาก การลงจอด หากสนามบินถ้าไม่ใหญ่พอ ก็ไม่สามารถที่จะลงจอดได้สะดวก จึงต้องกลับมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้ง และการนำเครื่องกลับมาที่จุดหมายเดิมส่วนใหญ่จะมีน้อยมาก 15 ปีมีครั้ง โดยยืนยันว่าสนามบินภูเก็ตมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งจากสภาพอากาศปิด ดังนั้น กัปตันเครื่องบินลำนี้ จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้โดยสาร และตัดสินใจเสียเวลานำผู้โดยสารกลับกรุงเทพฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า เที่ยวบินดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสารเกือบเต็มลำ โดยผู้โดยสารส่วนหนึ่ง เป็นสื่อมวลชนจากสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ที่เดินทางไปทำข่าวร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จังหวัดพังงา และสุราษฎร์ธานี โดยเดินทางโดยเครื่องบินไปที่จังหวัดภูเก็ตก่อน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสารเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา เพิ่งเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของทหารตกหลายลำ
