พลันที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง สมาชิกและผู้คนที่ลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยต่างปลื้มปีติยินดีในชัยชนะอันท่วมท้นกันอย่างอึกทึกครึกโครม ในขณะที่สังคมโดยรวมต่างก็ยอมรับในชัยชนะของพรรคเพื่อไทยเฝ้ามอง และติดตามไปในอนาคตว่านโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ตอนหาเสียงนั้นทำได้หรือไม่อย่างไร ดำเนินการไปแล้วจะกระทบต่อส่วนไหนอย่างไร แต่จู่ๆ สังคมไทยก็ต้องมาสะดุดกับความคิดของคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง ที่รักและชื่นชอบอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะจัดงานวันเกิดให้กับท่านในวันที่ 26 กรกฎานี้และใช้ชื่องานวันเกิดนี้ว่า “ทักษิณมหาราษฎร์” ก็พูดได้คำเดียวว่า..ว้าว
คำประกาศของคนเสื้อแดงที่ต้องการการเมืองที่ไม่มีสองมาตรฐาน การเมืองที่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม การเมืองที่ความสุจริตยุติธรรมโปร่งใส ตรวจสอบได้ การเมืองที่กินได้ ..ฯลฯ คนเสื้อแดงและแกนนำป่าวประกาศทั้งในเวทีการชุมนุมเล็กใหญ่หรือเวทีการหาเสียง ก็คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยอมรับในกติกาประชาธิปไตย ยอมรับว่าพรรคการเมืองที่ชนะในการเลือกตั้งควรจะได้มีโอกาสได้ลงมือกระทำในนโยบาย ซึ่งในวันนี้ก็คือโอกาสของพรรคเพื่อไทย....
แต่สิ่งที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยคลางแคลงใจอยู่ก็ตรงที่ว่า ชัยชนะที่ได้มาในครั้งนี้นั้น มันคือนโยบายอันสวยหรู อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่เกิดจากการระดมมันสมองของสมาชิกพรรค ของกรรมการบริหารพรรคจนนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หรือมันเป็นฝีมือและเม็ดเงินโดยเฉพาะเงินทองจำนวนมหาศาลของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทุ่มเทลงมากับการเลือกตั้งที่ผ่านมา จึงทำให้ได้รับชัยชนะกันแน่???
เพราะนอกจากการนำคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวแท้ๆ มาเป็นผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นักการเมืองกว่าจะมีสิทธิ์ขึ้นมาในตำแหน่งสูงสุดในการบริหารประเทศนั้น จะต้องมีความรู้มีประสบการณ์ทางการเมืองผ่านการพิสูจน์ตัวเองในการทำงานเพื่อสังคมมามากพอสมควร การที่คุณยิ่งลักษณ์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของพรรคเพื่อไทยได้นั้น จริงหรือที่เธอเหมาะสมที่สุด เก่งที่สุด ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร??? มันจึงมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจของผู้คน หลายๆ คนรู้สึกพะอืดพะอมกับการที่เธอจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้เสียด้วยซ้ำ
“พรึ่บ! ไม่ต้องเกณฑ์กูจัดเอง 62 ปีทักษิณมหาราษฎร์” พาดหัวข่าวของไทยอีนิวส์ที่พูดถึงการจัดงานวันเกิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 กรกฎานี้ ได้ก่อกระแสความรู้สึกตอกย้ำว่าบรรยากาศของความขัดแย้งในสังคมยังจะต้องดำเนินต่อไป การนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณฯมาเป็นตัวเดินเรื่องที่ส่วนหนึ่งเป็นจุดกำเนิดของความขัดแย้งในหลายเนื้อหา ไม่ว่าปัญหาการทุจริตไม่โปร่งใสในการใช้อำนาจ การใช้อำนาจเหนือกฎหมายในการละเมิดสิทธิชุมชนสิทธิมนุษยชนหลายๆ กรณี หรือการทุจริตคอร์รัปชันทางนโยบายในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐจนสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองและครอบครัวอย่างมโหฬาร หนึ่งในเนื้อหาที่เป็นจุดอ่อนไหวสำหรับสังคมไทยก็คือเนื้อหาความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
พลันที่ “การคิดออกมาดังๆ” ของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ก่อให้เกิดความตกใจประหวั่นพรั่นพรึงให้กับผู้คนในสังคมหลายระดับ สังคมโดยรวมต่างวาดหวังเอาไว้ว่าการประคับประคองสังคมไม่ให้มีความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นอีก คาดหวังบรรยากาศแห่งความปรองดองและสมานฉันท์ ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนทุกองค์กรของสังคมได้มีเวลาทบทวนบทเรียน และปรับตัวไปตามสถานการณ์และยุคสมัยโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่จะทำให้ต้องขัดแย้งกันจนยากที่จะสมานแผลนั้น ความคาดหวังนี้ดูจะถูกสั่นคลอนและสร้างความหวั่นไหวไปทั่วทุกหมู่เหล่าของผู้คนที่มีจิตใจห่วงข้องปัญหาของบ้านเมืองไม่น้อย
คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งก็แสดงออกซึ่งความไม่พอใจต่อท่าทีของเพื่อนร่วมขบวน มีผู้ที่ใช้นามว่า “ฉันเห็นแดงตาย” ได้เขียนกระทู้ในเว็บบอร์ดประชาทอล์ก “... ชื่องานวันเกิดสุดคลาสสิก “ทักษิณมหาราษฎร์” ว่า “... ถ้าจะจัดให้ได้จริงๆ เปลี่ยนเป็น “ทักษิณมหาราษฎร” จะดีกว่า ตัดการันต์ทิ้งไปตัวเดียวเท่ากับตัดปัญหาได้หมดทุกประการอย่าเขี่ยลูกไปเข้าทางตีนเหิ้ยอีกเลยครับพยายามกุมสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ให้ได้นานที่สุดดีกว่า เป็นผลดีกับพวกเราที่อยู่ในคุกด้วย เป็นผลดีกับพวกเราที่สูญเสียลูกผัวพ่อแม่ด้วย ถ้าจะเอาพวกเราออกมาสู่อิสรภาพเยียวยาครอบครัววีรชน เราจำเป็นต้องมีอำนาจรัฐในมือ จริงอยู่ อำนาจรัฐครึ่งๆ กลางๆ ไม่สมกับ 15 ล้านเสียงก็จริง แต่เราก็รอมาได้ 5 ปี แล้วค่อยๆ กินทีละคำๆ...”
ไทยอีนิวส์เองก็ได้ออกมาขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “หากพาดหัวข่าวดังกล่าวของไทยอีนิวส์ จะทำให้เกิดความไม่สบายใจใดๆ ต่อขบวนเสื้อแดง ก็ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ อย่างไรก็ดี นี่เป็นการสะท้อนลักษณะประชาธิปไตยแบบหนึ่งของคนเสื้อแดง สำหรับไทยอีนิวส์แล้ว เราไม่ใช่เจ้าภาพงานนี้ และว่าไปแล้วเราไม่ใช่ผู้นิยมคุณทักษิณมากไปกว่าประชาธิปไตย ดังนั้นการคิดอ่านจะตั้งชื่องานแบบใด หรือจะจัดไม่จัดก็เชิญเป็นดุลพินิจของแต่ละท่าน...”
ดุลพินิจของกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาขับเคลื่อนในขณะนี้ ท่านอาจจะย่ามใจในชัยชนะที่เพิ่งได้มา อาจจะทำไปด้วยความสะใจคึกคะนองหรือแสดงความกล้าหาญทางความคิดที่แปรสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่การนำเอาความเป็นประชาธิปไตยไปผูกติดอยู่กับอดีตนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และถึงขั้นจะยกยอปอปั้นกันขึ้นให้เป็น “มหาราษฎร์” ของพวกท่านนั้นก็เชิญตามสบายเถิด แต่อย่ามาเหมารวมเอาว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะยอมรับ “ทักษิณมหาราษฎร์” ของพวกท่าน มากกว่า “มหาราช” ที่สังคมไทยมีอยู่ดั้งเดิมก็แล้วกัน.
คำประกาศของคนเสื้อแดงที่ต้องการการเมืองที่ไม่มีสองมาตรฐาน การเมืองที่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม การเมืองที่ความสุจริตยุติธรรมโปร่งใส ตรวจสอบได้ การเมืองที่กินได้ ..ฯลฯ คนเสื้อแดงและแกนนำป่าวประกาศทั้งในเวทีการชุมนุมเล็กใหญ่หรือเวทีการหาเสียง ก็คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยอมรับในกติกาประชาธิปไตย ยอมรับว่าพรรคการเมืองที่ชนะในการเลือกตั้งควรจะได้มีโอกาสได้ลงมือกระทำในนโยบาย ซึ่งในวันนี้ก็คือโอกาสของพรรคเพื่อไทย....
แต่สิ่งที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยคลางแคลงใจอยู่ก็ตรงที่ว่า ชัยชนะที่ได้มาในครั้งนี้นั้น มันคือนโยบายอันสวยหรู อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่เกิดจากการระดมมันสมองของสมาชิกพรรค ของกรรมการบริหารพรรคจนนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หรือมันเป็นฝีมือและเม็ดเงินโดยเฉพาะเงินทองจำนวนมหาศาลของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทุ่มเทลงมากับการเลือกตั้งที่ผ่านมา จึงทำให้ได้รับชัยชนะกันแน่???
เพราะนอกจากการนำคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวแท้ๆ มาเป็นผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นักการเมืองกว่าจะมีสิทธิ์ขึ้นมาในตำแหน่งสูงสุดในการบริหารประเทศนั้น จะต้องมีความรู้มีประสบการณ์ทางการเมืองผ่านการพิสูจน์ตัวเองในการทำงานเพื่อสังคมมามากพอสมควร การที่คุณยิ่งลักษณ์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของพรรคเพื่อไทยได้นั้น จริงหรือที่เธอเหมาะสมที่สุด เก่งที่สุด ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร??? มันจึงมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจของผู้คน หลายๆ คนรู้สึกพะอืดพะอมกับการที่เธอจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้เสียด้วยซ้ำ
“พรึ่บ! ไม่ต้องเกณฑ์กูจัดเอง 62 ปีทักษิณมหาราษฎร์” พาดหัวข่าวของไทยอีนิวส์ที่พูดถึงการจัดงานวันเกิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 กรกฎานี้ ได้ก่อกระแสความรู้สึกตอกย้ำว่าบรรยากาศของความขัดแย้งในสังคมยังจะต้องดำเนินต่อไป การนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณฯมาเป็นตัวเดินเรื่องที่ส่วนหนึ่งเป็นจุดกำเนิดของความขัดแย้งในหลายเนื้อหา ไม่ว่าปัญหาการทุจริตไม่โปร่งใสในการใช้อำนาจ การใช้อำนาจเหนือกฎหมายในการละเมิดสิทธิชุมชนสิทธิมนุษยชนหลายๆ กรณี หรือการทุจริตคอร์รัปชันทางนโยบายในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐจนสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองและครอบครัวอย่างมโหฬาร หนึ่งในเนื้อหาที่เป็นจุดอ่อนไหวสำหรับสังคมไทยก็คือเนื้อหาความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
พลันที่ “การคิดออกมาดังๆ” ของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ก่อให้เกิดความตกใจประหวั่นพรั่นพรึงให้กับผู้คนในสังคมหลายระดับ สังคมโดยรวมต่างวาดหวังเอาไว้ว่าการประคับประคองสังคมไม่ให้มีความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นอีก คาดหวังบรรยากาศแห่งความปรองดองและสมานฉันท์ ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนทุกองค์กรของสังคมได้มีเวลาทบทวนบทเรียน และปรับตัวไปตามสถานการณ์และยุคสมัยโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่จะทำให้ต้องขัดแย้งกันจนยากที่จะสมานแผลนั้น ความคาดหวังนี้ดูจะถูกสั่นคลอนและสร้างความหวั่นไหวไปทั่วทุกหมู่เหล่าของผู้คนที่มีจิตใจห่วงข้องปัญหาของบ้านเมืองไม่น้อย
คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งก็แสดงออกซึ่งความไม่พอใจต่อท่าทีของเพื่อนร่วมขบวน มีผู้ที่ใช้นามว่า “ฉันเห็นแดงตาย” ได้เขียนกระทู้ในเว็บบอร์ดประชาทอล์ก “... ชื่องานวันเกิดสุดคลาสสิก “ทักษิณมหาราษฎร์” ว่า “... ถ้าจะจัดให้ได้จริงๆ เปลี่ยนเป็น “ทักษิณมหาราษฎร” จะดีกว่า ตัดการันต์ทิ้งไปตัวเดียวเท่ากับตัดปัญหาได้หมดทุกประการอย่าเขี่ยลูกไปเข้าทางตีนเหิ้ยอีกเลยครับพยายามกุมสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ให้ได้นานที่สุดดีกว่า เป็นผลดีกับพวกเราที่อยู่ในคุกด้วย เป็นผลดีกับพวกเราที่สูญเสียลูกผัวพ่อแม่ด้วย ถ้าจะเอาพวกเราออกมาสู่อิสรภาพเยียวยาครอบครัววีรชน เราจำเป็นต้องมีอำนาจรัฐในมือ จริงอยู่ อำนาจรัฐครึ่งๆ กลางๆ ไม่สมกับ 15 ล้านเสียงก็จริง แต่เราก็รอมาได้ 5 ปี แล้วค่อยๆ กินทีละคำๆ...”
ไทยอีนิวส์เองก็ได้ออกมาขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “หากพาดหัวข่าวดังกล่าวของไทยอีนิวส์ จะทำให้เกิดความไม่สบายใจใดๆ ต่อขบวนเสื้อแดง ก็ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ อย่างไรก็ดี นี่เป็นการสะท้อนลักษณะประชาธิปไตยแบบหนึ่งของคนเสื้อแดง สำหรับไทยอีนิวส์แล้ว เราไม่ใช่เจ้าภาพงานนี้ และว่าไปแล้วเราไม่ใช่ผู้นิยมคุณทักษิณมากไปกว่าประชาธิปไตย ดังนั้นการคิดอ่านจะตั้งชื่องานแบบใด หรือจะจัดไม่จัดก็เชิญเป็นดุลพินิจของแต่ละท่าน...”
ดุลพินิจของกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาขับเคลื่อนในขณะนี้ ท่านอาจจะย่ามใจในชัยชนะที่เพิ่งได้มา อาจจะทำไปด้วยความสะใจคึกคะนองหรือแสดงความกล้าหาญทางความคิดที่แปรสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่การนำเอาความเป็นประชาธิปไตยไปผูกติดอยู่กับอดีตนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และถึงขั้นจะยกยอปอปั้นกันขึ้นให้เป็น “มหาราษฎร์” ของพวกท่านนั้นก็เชิญตามสบายเถิด แต่อย่ามาเหมารวมเอาว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะยอมรับ “ทักษิณมหาราษฎร์” ของพวกท่าน มากกว่า “มหาราช” ที่สังคมไทยมีอยู่ดั้งเดิมก็แล้วกัน.
