ASTVผู้จัดการายวัน - กกต.เริ่มส่งกลิ่นพิรุธ จ้องยกสำนวนคำร้องเป็นว่าเล่น หวังเร่งประกาศรับรอง ส.ส.ที่เหลืออีก 96 คน เพื่อให้ได้ครบร้อยละ 95 ภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่กระแสข่าวผู้บริหารสำนักงานกกต.ออกก๊วนกอฟล์ร่วมกับนักการเมือง วงเงินเดิมพันหลักล้านกระฉ่อน
วานนี้ (24 ก.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการนัดประชมพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง เพื่อประกาศรับรองผลการเลือกตั้งที่เหลือจำนวน 96 คน ซึ่ง กกต.จะต้องเร่งพิจารณาประกาศรายชื่อภายในสัปดาห์นี้ให้ได้ 475 คน เพื่อให้ครบจำนวน ส.ส.ที่สามารถไปเปิดประชุมสภาได้ ซึ่งไม่รวมกับ 2 เขตเลือกตั้ง ที่กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.หนองคาย และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.สุโขทัย แต่ตอนนี้ กกต.ประกาศไปแล้ว 402 คน ดังนั้นในสัปดาห์นี้กกต.จะต้องประกาศไม่น้อยกว่า 73 คน ถึงจะเปิดประชุมสภาได้
ทั้งนี้ ส.ส.ที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลรับรองเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาสืบสวนสอบสวนกรณีมีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งเข้ามา ซึ่งก็จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากถึงกำหนดระยะเวลา 30 วันไปแล้ว หากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จก็สามารถที่จะพิจารณาได้ภายใน 1 ปี เพียงแต่ถ้ากกต.ประกาศผลรับรองการเลือกตั้งไปแล้ว และเมื่อพิจารณาแล้วมีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แล้วต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ก็จะต้องส่งมติให้ศาลพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีมูลและรับเรื่องไว้พิจารณา ส.ส.ผู้นั้นก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในการพิจารณาในวันจันทร์ที่ 25 ก.ค.นั้น จะเป็นการพิจาณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่คณะอนุกกรรมการการเลือกตั้งได้เร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันในระดับจังหวัดก็ได้เร่งดำเนินการส่งมาให้กกต.พิจารณาเช่นกั้น เพราะทาง กกต.ต้องการที่จะพิจารณาประกาศรับรองผล ส.ส.ให้มากที่สุดในวันที่ 26 ก.ค.แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบางสำนวนของ กกต.เริ่มที่จะมีข้อน่าสงสัยที่บางสำนวนที่ก่อนเลือกตั้งนั้นดูแล้วค่อนข้างที่จะมีหลักฐานปรากฏชัดว่ามีการซื้อเสียงกัน โดยเฉพาะในส่วนเขต 1 ชัยนาท ที่ นางพรทิวา นาคาสัย ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องร้องเข้ามายังกกต.เป็นจำนวนมากและในวันจันทร์นี้ก็มีเข้ามา 1 สำนวนที่เป็นการซื้อเสียง ซึ่งสำนวนทางกกต.จังหวัดเสนอยกคำร้อง
“กรณีดังกล่าวนี้เท่าที่ปรากฏตามหน้าสื่อค่อนข้างที่จะมีหลักฐานที่ชัดเจน ว่ามีการจ่ายเงินให้คนไปฟังปราศรัย กรณีดังกล่าวน่าจะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ แต่เมื่อให้ไปสอบเพิ่มเติมกลับสรุปสำนวนส่งมาให้ กกต.ว่า ไม่มีหลักฐานจนฟังไม่ได้ว่ามีการแจกเงิน ซึ่งกรณีการสืบสวนสอบสวนสำนวนของ กกต.ขณะนี้เป็นที่น่าจะมีปัญหา ควรที่จะจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะน่าจะมีหลายสำนวนแล้วค่อนข้างน่าแปลกใจว่า สำนวนที่ กกต.ให้ไปสอบหลักฐานเพิ่มเติม แต่ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแถมหลักฐานที่เคยมีไม่คืบพร้อมกับสรุปสำนวนให้ กกต.ยกคำร้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของ กกต.เองออกมาระบุว่าเรื่องมีความเป็นไปได้ถึง 70% ที่จะโดนแดง ทำให้มีคนมองว่ากรณีน่าจะส่งกลิ่นไม่ค่อยดี” แหล่งข่าวกล่าว อย่างไรก็ตาม กรณีของนางพรทิวา นั้น มีเรื่องร้องคัดค้านหลายเรื่องไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียว ยังมีเรื่องอื่นอีกด้วยทั้งในเรื่องของการสัญญา ว่า จะให้และซื้อเสียงอีก 2-3 สำนวน ที่ยังไม่ส่งเข้ามาให้ กกต.เป็นไปด้วยว่า ซึ่งกรณีของ จ.ชัยนาท ยังมีบุคคลมาล็อบบี้ให้ซึ่งเป็นอดีต ส.ว.เลือกตั้งคนหนึ่ง
สำหรับการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนฯ และด้านฝ่ายบริหารงารเลือกตั้ง โดยรองเลขาธิการฯทั้ง 2 คน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ด้าน จะนำข้อมูลในรายที่ต้องประกาศผลมาตรวจสอบความถูกต้องว่ามีเรื่องร้องหรือไม่ แต่ในการประกาศผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ค่อยได้เปิดเผยข้อมูลทั้งที่เป็นข้อมูลที่ต้องเปิดเผยได้ ทำให้หลายคนคิดว่ากรณีดังกล่าวอาจจะมีการไม่ชอบมาพากลได้ ประกอบกับอาจจะทำให้การพิจารณาของ กกต.อาจจะผิดพลาดได้ หลายคนในกกต.เป็นห่วงเกรงว่าจะมีการวิ่งเต้นสำนวน และไม่มีการรักษาความลับเป็นเห็นให้ในหลายๆสำนวนที่กกต.พิจารณาไปแล้วถูกยกคำร้อง ไม่สามารถออกใบเหลืองใบแดงได้ และมาถึงขณะนี้ก็สามารถแจกได้เพียง 2 เขตเลือกตั้งเท่านั้น คือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ยังไม่ถึงกับต้องเพิกถอนสิทธิหากมีการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของสำนักงาน กกต.ระดับผู้ใหญ่ที่ชอบเล่นกอล์ฟ ก็มักจะไปเล่นกอล์ฟกับนักการเมืองเป็นประจำ และวงเงินในการเดิมพันก็เป็นนับเป็นหลักล้านขึ้น และชื่อก็กระฉ่อนในวงแวดวงเก่าๆของนักการเมืองก็รู้กิตติศัพท์เป็นอย่างดีว่าผู้ใหญ่คนนี้ใน กกต.มีพฤติกรรมเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในสำนวนที่ กกต.ยกคำร้องไปแล้วนั้นจะไม่สามารถนำมาพิจารณาเป็นสำนวนใหม่ได้ นอกจากว่า กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วก็ต้องร้องเข้ามาใหม่ภายใน 30 วันหลังประกาศผลการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ต้องเป็นเรื่องใหม่ไม่ใช่เรื่องเดิม
ทั้งนี้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 8 คน ประกอบด้วย 1.นายชัย ชิดชอบ ภูมิใจไทย 2.นางพัชรินทร์ มั่นปาน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 3.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ 4.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 5.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 6.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 7.นายพายัพ ปั้นเกตุ 8.น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ขณะที่เหลือ ส.ส.ระบบเขตอีก 88 คน ที่คาดว่าจะมีการรับรองในวันที่ 26 ก.ค.นี้
**ปธ.กกต.รับรองทันกรอบ 30 วัน
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวยืนยันว่า จะพิจารณารับรอง ส.ส.ให้ทันการเปิดสภาได้ตามกรอบภายใน 30 วัน และไม่กังวลกับกระแสกดดันจากกลุ่มต่างๆ เนื่องจากมีอยู่ตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกติแล้ว
ส่วนบรรยากาศการรายงานตัวส.ส.ใหม่ต่อสำนักงานเลขาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อาคารรัฐสภาเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากว่าไม่มีส.ส.คนใดมารายงานตัวเพิ่มเติม และตลอด 10 วันที่ผ่านมา ได้มีส.ส.มารายงานตัวทั้งสิ้น 361 คน จากส.ส.ที่ผ่านการรับรองสมาชิกภาพแล้ว 402 คน แบ่งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ 117 คน ส.ส. แบบแบ่งเขต 285 คน
**ปชป.ห่วง กตต.เร่งรับรองสส.
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่สบายใจในธงคำตอบ ที่กกต.จะรับรองส.ส.ให้ครบจำนวนให้ทันเปิดประชุม ซึ่งเกรงว่าการทำงานของกกต.ที่จะเร่งมีการรับรองส.ส.นี้ จะทำให้เกิดการปล่อยปะละเลย ไม่เข็มงวด ยึดเอาปริมาณมากกว่าคุณภาพ เพราะถ้าเป็นหลักการที่ถูกต้องแล้ว กกต.ควรจะพิจารณาตรวจสอบว่าที่ส.ส.อย่างละเอียดรอบคอบ ยึดเอาความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรมเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายในการเปิดประชุมสภา
การเปิดประชุมสภาเป็นเรื่องของอนาคต แต่ที่สำคัญคือค่านิยมในการเลือกตั้ง หากกกต.จะปล่อยผีเข้าสภาไปก่อนแล้วมาต่อสู้ในภายหลัง จะทำให้เจตนารมณ์ของการมีกกต. เสียหายและจนบัดนี้กกต.ยังให้ใบเหลือเพียง 2 ใบเท่านั้น ทั้งๆที่ความรู้สึกคนไทยคิดว่าจะมีใบแดงไม่น้อยกว่า 50 ใบด้วยซ้ำ
วานนี้ (24 ก.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการนัดประชมพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง เพื่อประกาศรับรองผลการเลือกตั้งที่เหลือจำนวน 96 คน ซึ่ง กกต.จะต้องเร่งพิจารณาประกาศรายชื่อภายในสัปดาห์นี้ให้ได้ 475 คน เพื่อให้ครบจำนวน ส.ส.ที่สามารถไปเปิดประชุมสภาได้ ซึ่งไม่รวมกับ 2 เขตเลือกตั้ง ที่กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.หนองคาย และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.สุโขทัย แต่ตอนนี้ กกต.ประกาศไปแล้ว 402 คน ดังนั้นในสัปดาห์นี้กกต.จะต้องประกาศไม่น้อยกว่า 73 คน ถึงจะเปิดประชุมสภาได้
ทั้งนี้ ส.ส.ที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลรับรองเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาสืบสวนสอบสวนกรณีมีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งเข้ามา ซึ่งก็จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากถึงกำหนดระยะเวลา 30 วันไปแล้ว หากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จก็สามารถที่จะพิจารณาได้ภายใน 1 ปี เพียงแต่ถ้ากกต.ประกาศผลรับรองการเลือกตั้งไปแล้ว และเมื่อพิจารณาแล้วมีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แล้วต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ก็จะต้องส่งมติให้ศาลพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีมูลและรับเรื่องไว้พิจารณา ส.ส.ผู้นั้นก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในการพิจารณาในวันจันทร์ที่ 25 ก.ค.นั้น จะเป็นการพิจาณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่คณะอนุกกรรมการการเลือกตั้งได้เร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันในระดับจังหวัดก็ได้เร่งดำเนินการส่งมาให้กกต.พิจารณาเช่นกั้น เพราะทาง กกต.ต้องการที่จะพิจารณาประกาศรับรองผล ส.ส.ให้มากที่สุดในวันที่ 26 ก.ค.แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบางสำนวนของ กกต.เริ่มที่จะมีข้อน่าสงสัยที่บางสำนวนที่ก่อนเลือกตั้งนั้นดูแล้วค่อนข้างที่จะมีหลักฐานปรากฏชัดว่ามีการซื้อเสียงกัน โดยเฉพาะในส่วนเขต 1 ชัยนาท ที่ นางพรทิวา นาคาสัย ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องร้องเข้ามายังกกต.เป็นจำนวนมากและในวันจันทร์นี้ก็มีเข้ามา 1 สำนวนที่เป็นการซื้อเสียง ซึ่งสำนวนทางกกต.จังหวัดเสนอยกคำร้อง
“กรณีดังกล่าวนี้เท่าที่ปรากฏตามหน้าสื่อค่อนข้างที่จะมีหลักฐานที่ชัดเจน ว่ามีการจ่ายเงินให้คนไปฟังปราศรัย กรณีดังกล่าวน่าจะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ แต่เมื่อให้ไปสอบเพิ่มเติมกลับสรุปสำนวนส่งมาให้ กกต.ว่า ไม่มีหลักฐานจนฟังไม่ได้ว่ามีการแจกเงิน ซึ่งกรณีการสืบสวนสอบสวนสำนวนของ กกต.ขณะนี้เป็นที่น่าจะมีปัญหา ควรที่จะจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะน่าจะมีหลายสำนวนแล้วค่อนข้างน่าแปลกใจว่า สำนวนที่ กกต.ให้ไปสอบหลักฐานเพิ่มเติม แต่ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแถมหลักฐานที่เคยมีไม่คืบพร้อมกับสรุปสำนวนให้ กกต.ยกคำร้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของ กกต.เองออกมาระบุว่าเรื่องมีความเป็นไปได้ถึง 70% ที่จะโดนแดง ทำให้มีคนมองว่ากรณีน่าจะส่งกลิ่นไม่ค่อยดี” แหล่งข่าวกล่าว อย่างไรก็ตาม กรณีของนางพรทิวา นั้น มีเรื่องร้องคัดค้านหลายเรื่องไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียว ยังมีเรื่องอื่นอีกด้วยทั้งในเรื่องของการสัญญา ว่า จะให้และซื้อเสียงอีก 2-3 สำนวน ที่ยังไม่ส่งเข้ามาให้ กกต.เป็นไปด้วยว่า ซึ่งกรณีของ จ.ชัยนาท ยังมีบุคคลมาล็อบบี้ให้ซึ่งเป็นอดีต ส.ว.เลือกตั้งคนหนึ่ง
สำหรับการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนฯ และด้านฝ่ายบริหารงารเลือกตั้ง โดยรองเลขาธิการฯทั้ง 2 คน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ด้าน จะนำข้อมูลในรายที่ต้องประกาศผลมาตรวจสอบความถูกต้องว่ามีเรื่องร้องหรือไม่ แต่ในการประกาศผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ค่อยได้เปิดเผยข้อมูลทั้งที่เป็นข้อมูลที่ต้องเปิดเผยได้ ทำให้หลายคนคิดว่ากรณีดังกล่าวอาจจะมีการไม่ชอบมาพากลได้ ประกอบกับอาจจะทำให้การพิจารณาของ กกต.อาจจะผิดพลาดได้ หลายคนในกกต.เป็นห่วงเกรงว่าจะมีการวิ่งเต้นสำนวน และไม่มีการรักษาความลับเป็นเห็นให้ในหลายๆสำนวนที่กกต.พิจารณาไปแล้วถูกยกคำร้อง ไม่สามารถออกใบเหลืองใบแดงได้ และมาถึงขณะนี้ก็สามารถแจกได้เพียง 2 เขตเลือกตั้งเท่านั้น คือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ยังไม่ถึงกับต้องเพิกถอนสิทธิหากมีการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของสำนักงาน กกต.ระดับผู้ใหญ่ที่ชอบเล่นกอล์ฟ ก็มักจะไปเล่นกอล์ฟกับนักการเมืองเป็นประจำ และวงเงินในการเดิมพันก็เป็นนับเป็นหลักล้านขึ้น และชื่อก็กระฉ่อนในวงแวดวงเก่าๆของนักการเมืองก็รู้กิตติศัพท์เป็นอย่างดีว่าผู้ใหญ่คนนี้ใน กกต.มีพฤติกรรมเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในสำนวนที่ กกต.ยกคำร้องไปแล้วนั้นจะไม่สามารถนำมาพิจารณาเป็นสำนวนใหม่ได้ นอกจากว่า กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วก็ต้องร้องเข้ามาใหม่ภายใน 30 วันหลังประกาศผลการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ต้องเป็นเรื่องใหม่ไม่ใช่เรื่องเดิม
ทั้งนี้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 8 คน ประกอบด้วย 1.นายชัย ชิดชอบ ภูมิใจไทย 2.นางพัชรินทร์ มั่นปาน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 3.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ 4.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 5.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 6.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 7.นายพายัพ ปั้นเกตุ 8.น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ขณะที่เหลือ ส.ส.ระบบเขตอีก 88 คน ที่คาดว่าจะมีการรับรองในวันที่ 26 ก.ค.นี้
**ปธ.กกต.รับรองทันกรอบ 30 วัน
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวยืนยันว่า จะพิจารณารับรอง ส.ส.ให้ทันการเปิดสภาได้ตามกรอบภายใน 30 วัน และไม่กังวลกับกระแสกดดันจากกลุ่มต่างๆ เนื่องจากมีอยู่ตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกติแล้ว
ส่วนบรรยากาศการรายงานตัวส.ส.ใหม่ต่อสำนักงานเลขาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อาคารรัฐสภาเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากว่าไม่มีส.ส.คนใดมารายงานตัวเพิ่มเติม และตลอด 10 วันที่ผ่านมา ได้มีส.ส.มารายงานตัวทั้งสิ้น 361 คน จากส.ส.ที่ผ่านการรับรองสมาชิกภาพแล้ว 402 คน แบ่งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ 117 คน ส.ส. แบบแบ่งเขต 285 คน
**ปชป.ห่วง กตต.เร่งรับรองสส.
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่สบายใจในธงคำตอบ ที่กกต.จะรับรองส.ส.ให้ครบจำนวนให้ทันเปิดประชุม ซึ่งเกรงว่าการทำงานของกกต.ที่จะเร่งมีการรับรองส.ส.นี้ จะทำให้เกิดการปล่อยปะละเลย ไม่เข็มงวด ยึดเอาปริมาณมากกว่าคุณภาพ เพราะถ้าเป็นหลักการที่ถูกต้องแล้ว กกต.ควรจะพิจารณาตรวจสอบว่าที่ส.ส.อย่างละเอียดรอบคอบ ยึดเอาความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรมเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายในการเปิดประชุมสภา
การเปิดประชุมสภาเป็นเรื่องของอนาคต แต่ที่สำคัญคือค่านิยมในการเลือกตั้ง หากกกต.จะปล่อยผีเข้าสภาไปก่อนแล้วมาต่อสู้ในภายหลัง จะทำให้เจตนารมณ์ของการมีกกต. เสียหายและจนบัดนี้กกต.ยังให้ใบเหลือเพียง 2 ใบเท่านั้น ทั้งๆที่ความรู้สึกคนไทยคิดว่าจะมีใบแดงไม่น้อยกว่า 50 ใบด้วยซ้ำ
