ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในสังคมออนไลน์ ได้มีการฟอร์เวิร์ดอีเมล์เรื่อง “วิธีทำให้แท็กซี่แดงหุบปาก” ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวคิดของคนขับรถแท็กซี่ ดังนี้
ผู้โดยสาร: ไป...ครับ
แท็กซี่: โอเค...น้องๆ ตั้งแต่เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อะไรๆ ก็ดีขึ้นอะ ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี่ก็ดี บลาๆๆ... อภิสิทธิ์ไม่ได้เรื่อง ไอ้นู่นก็เลว ไอ้นี่ก็เลว บลาๆๆ...
ผู้โดยสาร: เอ่อ...
แท็กซี่: ทักษิณเป็นพระเจ้า ยิ่งลักษณ์เป็นนางฟ้า อภิสิท...ธิ์เป็นซาตาน บลาๆๆ...
ผู้โดยสาร: คือ...
แท็กซี่: ทักษิณอัจฉริยะ ยิ่งลักษณ์ ฉลาดโคตรๆ อภิสิทธิ์ โง่เง่า บลาๆๆ...
ผู้โดยสาร: พี่ครับ!!!
แท็กซี่: ว่าไงน้อง
ผู้โดยสาร: ผมก็ชอบนโยบายเค้านะพี่ ผมว่ามันดีมากๆ เลย
แท็กซี่: ใช่เลยน้อง
ผู้โดยสาร: เนี่ยโดยเฉพาะนโยบายลดภาษีรถคันแรก พี่คิดดู นิสสันมาร์ช ตัวท็อบคันละสี่แสนนิดๆ ลดภาษีไปแสนนึงเหลือแค่สามแสน ยิ่งถ้าเป็นรุ่นล่างๆ หน่อย เหลือแค่สองแสนกว่า แถมไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินผ่อน เพราะมีนโยบายเงินเดือนขั้นต่ำหมื่นห้า ทีนี้ใครๆ ก็ซื้อรถได้แล้ว ใช่มั้ยพี่
แท็กซี่: อืม ใช่ๆ
ผู้โดยสาร: แถมยังมีนโยบายราคาน้ำมันไม่เกิน 35 บาท ทีนี้ละ จะได้มีรถขับกันเต็มบ้านเต็มเมือง แต่แบบนี้ผมก็ไม่ได้ขึ้นแท็กซี่แล้วล่ะ และพี่ก็คงจะยิ่งขับยากขึ้นละ เพราะรถมันเต็มถนน รถติดไปทุกที่ แล้วรถพี่ใช้ LPG รึป่าว เนี่ยเค้าจะปล่อยลอยตัวแล้วจะ ราคาน่าจะพอๆ กับเบนซินนี่แหละ พี่ก็ลำบากหน่อยนะ
แท็กซี่: เอ่อ...
ผู้โดยสาร: อ๋อออ แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ เค้าประกันราคาข้าวเกวียนละหมื่นห้าเหมือนกัน พี่จะกลับไปปลูกข้าวทำนาที่บ้านก็ได้ ราคาดีอยู่ แต่ก็ระวังหน่อยนะพี่ ถ้าน้ำท่วม เพลี้ยลง หรือโดนขโมยเกี่ยวข้าว ไม่มีข้าวไปจำนำ พี่ก็อดนะ เพราะเค้าไม่ให้พี่ประกันรายได้แล้ว เพราะนโยบายมันกาก อภิสิทธิ์โง่ คิดได้ไงไม่รู้
แท็กซี่: คือ...
ผู้โดยสาร: หรือพี่จะมาหางานรับจ้างอย่างอื่นทำก็ได้นะ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 แน่ะ เดือนนึงได้ตั้ง 9000 แต่พี่ก็ต้องขยันๆ หน่อยนะ เห็นได้ข่าวว่าตอนนี้พวกเขมร กัมพูชา เข้าประเทศไทยเพราะอยากได้ค่าแรง 300 แล้วทักษิณก็บอกว่า ให้เฉพาะในกรุงเทพนะพี่ พี่ก็ต้องมาแย่งชิงหางานกันในกรุงเทพนี่แหละ อยู่กันเยอะๆ อบอุ่นดีนะพี่ ว่ามั้ย
แท็กซี่:....
ผู้โดยสาร: นโยบายเพื่อไทยเทพมากๆ อ่ะ คิดได้ไงไม่รู้ ผมล่ะรักทักษิณมากเลย ยิ่งลักษณ์ก็เหมือนกัน ทำไมถึงเพิ่งมาก็ไม่รู้ ถ้าตอนที่ทักษิณเป็นนายกแล้วยิ่งลักษณ์มาช่วย บ้านเมืองเราจะเจริญขนาดไหน ป่านนี้ผมคงขับรถไปทำงานเอง ไม่ต้องมารบกวนพี่ให้ไปส่งหรอก
แท็กซี่:....
ผู้โดยสาร: อ่าวพี่ ทำไมเงียบอะ ...พระเจ้าไง ทักษิณน่ะ อัจฉริยะโคดๆ หล่อก็หล่อ รวยก็รวย...พี่... (อิอิ อุอุ อะอะ สะจายยย)
.................
ไม่เพียงแค่แท็กซี่ คนขับรถรับจ้างตามปากซอยก็ประกาศว่า ทักษิณกลับมา พวกเขาจะหายจน
นัยสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ ปัญหาทางการเมืองต้องวนกลับมาสู่จุดเดิม แต่ปัญหาใหญ่ขึ้นกว่า
แปลไทยเป็นไทยอีกรอบก็คือ ไม่มีใครก้าวข้ามใครพ้น !! ทักษิณ ยังกลายเป็นปัญหาของสังคมไทยเช่นเดิม คนอีก 31.2 ล้านคน ไม่เอาทักษิณ และแก๊งนปช.
อันที่จริงปัญหากลุ่มเสื้อแดงก็คือ นปช. โดยเฉพาะแกนนำ นปช. ที่ใช้กองกำลังชุดดำ ( ซึ่งกำลังพิจารณาคดีอยู่ในชั้นศาล ) สร้างสถานการณ์ขยายฐานมวลชน
หากินบนความตายของคนอื่น !!
ถ้าพรรคเพื่อไทยสลัดคราบ “แก๊ง นปช.” ออกจากพรรค โดยไม่ต้องอุ้มชูให้เข้าสภา พรรคเพื่อไทย ก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยกำลังเลี้ยงโจรเสื้อดำในพรรค เพื่อ “อะไรบางอย่าง” ที่ไม่ใช่วิธีการประชาธิปไตย นั่นทำให้ “ความเกลียด” ยังปกคลุมไปทั่วสังคมไทย
คนไม่เอาทักษิณ ก็เกลียดแกนนำ นปช. แต่คนไม่เลือกประชาธิปัตย์ ก็ไม่ชอบอภิสิทธิ์ ศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะ
เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีต คปร. วิเคราะห์สถานการณ์หลังเลือกตั้งไว้อย่างน่าสนใจ ในระหว่างการอภิปรายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า “คงจะหวังได้ยากว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการแสดงวิสัยทัศน์ที่ผ่านมาพรรคนี้ไม่เคยสนใจปัญหาความเหลื่อมล้ำเลย รวมถึงพรรคการเมืองอื่นด้วย”
รศ.ณรงค์ วิเคราะห์ปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมาว่า “ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งระหว่างชนชั้น แต่เกิดระหว่างกลุ่มคน ซึ่งในกลุ่มคนนั้นๆ มีหลายชนชั้นอยู่ภายใน เมื่อผลการเลือกตั้งแบ่งออกมาชัดขนาดนี้ ความขัดแย้งก็จะดำรงอยู่ต่อไป”
“จากเดิมพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงเรียกตัวเองว่าไพร่ แต่เมื่อไพร่เข้าสู่อำนาจรัฐก็จะกลายเป็นอำมาตย์ไปโดยปริยาย คนที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจ ก็กลายเป็นไพร่แทน ในเมื่อสังคมมันจำกัดกันอยู่ที่คน 2 กลุ่มนี้ ไม่ได้เปิดโอกาสให้มีการแก้ไขปัญหาอื่นๆ หรือการรวมตัวกันของคนกลุ่มอื่น สุดท้ายก็จะเกิดความขัดแย้งกันเหมือนเดิม” รศ.ณรงค์ วิจารณ์การแย่งชิงอำนาจทางการเมือง
ที่สำคัญนักวิชาการด้านแรงงานผู้นี้ยังเห็นว่า “ พรรคการเมืองต้องการให้มีความเหลื่อมล้ำมากๆ เพื่อให้สามารถบริหารอำนาจของตัวเองได้ง่ายขึ้น และลดพลังการต่อรองทางอำนาจลง ซึ่งผมเชื่อว่าหลังจากนี้คงไม่มีนโยบายการปฏิรูปประเทศไทยออกมาให้เห็น” รศ.ณรงค์ กล่าว
รศ.ณรงค์ ยกตัวอย่างข้อเสนอของคปร. ที่ต้องการให้มีการรวมตัวของแรงงานเพื่อการต่อรอง หรือเรียกร้องสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการมากขึ้น แต่ไม่มีพรรคการเมืองใดตอบรับ สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีพรรคการเมืองใดอยากจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง ทั้งที่มีอดีตผู้นำแรงงาน เป็นคณะทำงานด้านนโยบายของทั้งสองพรรคการเมือง
“ ในอนาคตเรามีปัญหาแน่ เพราะผลวิจัยระบุชัดเจนว่า ในอนาคต เราจะมีจำนวนชาวนาลดลง และจะมีแรงงานที่เข้ามาทำงานในเมืองเพิ่มอีก 5-6 ล้านคน ภายในไม่กี่ปี หากยังปล่อยให้พรรคการเมืองนำนโยบายฉาบฉวยอย่างการขึ้นค่าแรง หรือการเอาใจคนด้วยการเพิ่มเงินเดือน”? ณรงค์ ระบุ
นโยบายประชานิยมของทุกพรรคการเมือง เปรียบเสมือน “ลูกกวาด” และเหตุที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนมากขนาดนี้ เนื่องจาก “ลูกกวาด” ของพรรคเพื่อไทย มีรสหวานหอมกว่า และกินง่ายกว่าลูกกวาดพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนเหนือพรรคประชาธิปัตย์
ณรงค์ ยังวิเคราะห์ไปถึงกลุ่มคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยว่า เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือคนชั้นกลางในเมือง หรือมนุษย์เงินเดือน แต่ปัญหาของคนเหล่านี้มักจะเชื่อในสิ่งที่หวือหวามากกว่า
ดังนั้น หลังจากนี้คือเร่งสร้างความเข้าใจในระยะยาวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาอะไร และจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร เช่น เรื่องทุนสำรองระหว่างประเทศ เรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในระยะยาว ซึ่งก็หวังว่าข้อสรุปที่คปร. เสนอมาจะมีประชาชนให้ความสนใจ และหยิบไปให้พรรคการเมืองนำไปปฏิบัติบ้างในอนาคต
ในระยะเวลาใกล้กัน ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ความขัดแย้งไว้อย่างน่าสนใจว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเผชิญกับทางแพร่ง ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องเครือข่าย กับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือนัยหนึ่งปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ( conflict of interest ) อันเป็นกลุ่มอาการประจำตัว ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก่อน
“ ทางแพร่งนี้จะแสดงออกอย่างรวมศูนย์ เป็นรูปธรรมในปัญหาการทวงคืนทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ และญาติมิตรที่ถูกรัฐยึดไป ”
นอกจากนี้ทางแพร่งระหว่างความจำเป็นสองด้านที่ต้องทั้งหาทางรอมชอมปรองดองกับชนชั้นนำเก่า กับตอบสนองความเรียกร้องต้องการของฐานมวลชนเสื้อแดง ทำให้รัฐบาลใหม่จะตกอยู่ในแรง กดดันสองด้านที่หนักหน่วงรุนแรงกว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เดิมก่อนเกิดการปะทะแตกหักกับกลุ่มชนชั้นนำเก่า และก่อนเกิดมวลชนเสื้อแดงเป็นฐานพลังสนับสนุนในยามพ่ายแพ้ลี้ภัย
“หากทำได้ รัฐบาลโคลนนิ่งทักษิณ คงต้องการทั้งรอมชอมกับชนชั้นนำเก่าและเอาใจมวลชน เสื้อแดงไปพร้อมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายอำนาจการเมืองและการทวงคืนความยุติธรรมของตน แต่หากต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง คงง่ายกว่าที่รัฐบาลโคลนนิ่งทักษิณ จะโน้มไปในทางเลือกรอมชอมกับชนชั้นนำเก่า แทนที่จะตอบสนองมวลชนเสื้อแดงอย่างเต็มที่” รศ.ดร.เกษียร วิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นั่นหมายความว่า หลังจากอารมณ์ห่ำหั่นคลี่คลาย หลายคนจะพบว่า คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังจนที่สุดของประเทศไทยเหมือนเดิม
แท็กซี่ คนขับซาเล้ง คนเก็บของเก่า ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนอาชีพ !!