xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศใต้ระบอบชินวัตร

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

คำแถลงของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยล่าสุดนั้น ได้ตอกย้ำว่า การต่อสู้ของภาคประชาชนในนามพันธมิตรฯ ได้ต่อสู้มาจนถึงทางตันแล้ว นับจากนี้ไปกลไกของบ้านเมืองจะต้องทำงานบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารของจอมทัพไทย และศาลในพระปรมาภิไธย

สิ่งที่พันธมิตรฯ น่าจะพูดออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นบ้างก็คือ ประเทศไม่ได้เป็นของพวกเราฝ่ายเดียว แต่ประเทศเป็นของคนไทยทุกคน

การแบกภาระของประเทศชาติไว้บนบ่าและการต่อสู้บนท้องถนนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ได้แลกมาด้วยชีวิตและข้อกล่าวหาพันธการต่างๆมากมายจากหน่วยงานของรัฐ และผู้ยึดกุมอำนาจรัฐ การลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติและประชาชนซึ่งถูกมองว่าเป็นการต่อสู้เพื่อสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เป็นแก๊งข้างถนน

ว่าไปแล้วก็นับเป็นเรื่องตลกและน่าขันสิ้นดี ในขณะที่พันธมิตรฯ กำลังต่อสู้กับคดีความต่างๆ นั้น ย้อนกลับไปมองพันธมิตรฯ ถูกกล่าวหาว่าเป็นม็อบมีเส้น และเมื่ออีกฝ่ายถูกเล่นงานตามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางศาลก็ถูกกล่าวหาว่ามีสองมาตรฐาน มีการเรียกร้องหาหลักนิติรัฐ

แต่วันนี้พันธมิตรฯ ก็ยังถูกพันธนาการด้วยคดีความต่างๆ มากมาย ไม่ได้มีอะไรบ่งชี้เลยว่า มีอำนาจอะไรจะมาพลิกผันคดีความของพันธมิตรฯ ได้ แต่กลับมีการเรียกร้องให้นิรโทษกรรมกับคนเสื้อแดงซึ่งเคยเป็นฝ่ายกล่าวหากระบวนการยุติธรรมว่าเป็นสองมาตรฐานและเคยเรียกร้องหาหลักนิติรัฐมาก่อน

เมื่อพันธมิตรฯ ได้ถอนสายบัวลาแล้ว นับต่อจากนี้ไปกระบวนการที่เชื่อมั่นในระบอบเลือกตั้งธิปไตยและชัยชนะส่วนใหญ่จากเสียงประชาชนก็จำต้องยอมรับให้ได้กับชัยชนะของพรรคทักษิณ เพราะเขาเป็นพรรคที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเลือก

ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยนั้นว่าไปแล้วสะท้อนให้เห็นว่า การเมืองไทยกำลังแบ่งฝ่ายกันเล่นระหว่างคนรวยกับคนจน ถ้าเราวัดกันด้วยรายได้ทางเศรษฐกิจ แสดงว่าคนจนหรือคนชั้นล่างนั้นเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่คนชั้นกลางขึ้นไปนั้นเลือกพรรคประชาธิปัตย์

ต้องยอมรับให้ได้ว่า คนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเขาเลือกพรรคของทักษิณ ไม่ว่าเขาจะเลือกด้วยความรู้สึกด้านไหน ข้อมูลเพียงใด หรือแรงชักจูงใดๆ ก็ตาม แต่มันย่อมสะท้อนถึงบทเรียนและการหันไปทบทวนต่อความผิดพลาดที่ผ่านมาของอีกฝ่าย

หลังเลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ มีคนเอาแผนผังจีดีพีของแต่ละจังหวัดมาจับกับผลการเลือกตั้งก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกันว่า จังหวัดที่มีจีดีพีต่ำนั้นส่วนใหญ่จะเลือกพรรคของทักษิณมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อประเทศของเรามีคนจนมากกว่าคนรวย และถ้าสมการการเมืองยังเป็นเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยก็คงจะเป็นพรรคผู้ชนะตลอดกาล

และถ้าพันธมิตรฯ ไม่ยอมเป็นเบี้ยในกระดานให้ใครอีกต่อไป การเมืองในระบอบเลือกตั้งธิปไตยแบบนี้ก็คงสู้กันที่พรรคการเมือง ซึ่งเห็นแล้วว่าเป็นเกมที่ไม่มีวันสู้พรรคของทักษิณได้เลย

การเมืองไทยนับจากนี้ก็คงจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน คือ พรรคของทักษิณและพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีพรรคเล็กพรรคน้อยที่พร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่ายอยู่ตรงกลาง แต่มองเห็นแล้วว่าโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลก็อาจเนิ่นนานถึงรุ่นหลานเหลนโหลนของคนรุ่นนี้ไปเลย ตราบที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถซื้อใจคนยากจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และนั่งอยู่กลางใจคนอีสานซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเช่นเดียวกันได้

ถ้าแก้สมการคนจนและคนอีสานในคณิตศาสตร์ทางการเมืองไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้เป็นฝ่ายค้านถาวร และอภิสิทธิ์อาจต้องตายแล้วเกิดใหม่จึงจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้ง

สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มผู้สนับสนุนจะต้องเริ่มต้นนับแต่บัดนี้คือการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ถ้าเราดูการแย่งชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเล่นกันแบบการเมืองเก่าใครเป็นคนของใคร ยึดหลักภาคนิยม โดยไม่ได้มองถึงความสามารถในการนำพาพรรค ถ้าเราลงไปดูให้ลึกถึงการวางตำแหน่งในพรรค การวางตัวผู้สมัครในแต่ละจังหวัดก็ยังคงเป็นการสืบทอดตำแหน่งทางกรรมพันธุ์วางเครือข่ายทายาทเพื่อสืบทอดตำแหน่งแทนกันแทบทั้งสิ้น

คนมีความรู้ความสามารถเข้าไปในพรรคประชาธิปัตย์ยาก นอกจากจะแบกกระเป๋าเงินเข้าไปด้วย เราจึงมองไม่เห็นเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคไม่เอามวลชนอยู่แล้วจะกลายเป็นพรรคของมหาชนได้อย่างไร

ผมวกเข้าพูดเรื่องภายในพรรคประชาธิปัตย์เพื่อปูทางให้พ่อยกแม่ยกของพรรคนี้สบายใจได้ว่า นับจากนี้คงจะต้องอยู่อย่างผู้พ่ายแพ้ตลอดไป แต่ว่าไปแล้วพรรคนี้ก็ไม่เคยชนะพรรคของทักษิณในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ทักษิณตั้งพรรคมากว่า 10 ปีมาแล้ว

และต้องยอมรับให้ได้ว่าความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็เกิดจากการกระทำของคนในพรรคเอง ความไร้ประสิทธิภาพในการใช้โอกาสระหว่างที่อยู่ในตำแหน่งบริหารของคนในพรรค ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า แท้จริงแล้วคนของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อขึ้นสู่อำนาจแล้ว นอกจากทำงานไม่เป็นแล้วก็มีพฤติกรรมไม่ได้ต่างจากนักการเมืองทั่วไปที่มักจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ

และต้องทำใจตราบที่สังคมยังนิยมคนที่หยิบยื่นผลประโยชน์ให้ และมีค่านิยมว่า ต้องการคนที่ทำงานมาเป็นแม้จะทุจริตมากกว่าคนที่ดีแต่พูด

ไม่น่าประหลาดใจเลยที่คนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ชอบพรรคของเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศ มากกว่าพรรคที่เชื่อกันว่าได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอำมาตย์อย่างพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้าพิจารณาจากนโยบายแล้วจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ทักษิณเข้ามาเล่นการเมืองนั้น เขาได้หยิบยื่นประชาธิปไตยที่กินได้ให้กับประชาชน เขายื่นปลาให้ประชาชนนำไปปรุงอาหารไม่ใช่ให้ประชาชนไปเผชิญชะตากรรมด้วยตัวเอง

การมองไม่เห็นโอกาสที่จะถีบฐานะทางสังคมของคนยากคนจน และการถูกกดบีบจากอำนาจรัฐในอดีตให้ยึดมั่นอยู่ในชะตากรรม ถูกสั่นคลอนด้วยนโยบายที่หยิบยื่นให้ของทักษิณ อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาได้เผยอหน้าขึ้นมาได้ เรารู้ว่านโยบายประชานิยมเป็นนโยบายที่ไม่ถูกต้องที่ทำให้ประชาชนงอมืองอเท้า แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงหายนะของระบอบทักษิณและนโยบายประชานิยม แต่พยายามสวมตอระบอบทักษิณและพยายามสร้างนโยบายประชานิยมให้เหนือกว่าทักษิณเพื่อซื้อใจประชาชน

แต่นโยบายประชานิยมลอกเลียนแบบก็ซื้อใจประชาชนไม่ได้ไปมากกว่านโยบายประชานิยมต้นตำรับ

นอกจากเลียนแบบนโยบายประชานิยมของทักษิณแล้ว พรรคประชาธิปัตย์และขบวนการต่างๆ ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ปรับปรุงปฏิรูปตัวเอง นอกเหนือจากการมองประชาชนเป็นเพียงผู้ใต้ปกครอง โดยลืมไปว่าในระบบเลือกตั้งธิปไตยนั้นประชาชนเป็นผู้ชี้ชะตากรรม และไม่เรียนรู้ว่าธรรมชาติของมนุษย์ถ้ายิ่งกดหัวเขาจะยิ่งต่อสู้

ประชาธิปไตยแบบกินได้ของทักษิณจึงถูกประชาชนมองว่ามีคุณค่ามากกว่าการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำพาโชคชะตามาให้

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์และผู้สนับสนุนเป็นเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะต้องทำใจว่า นับจากนี้เราจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของระบอบทักษิณและครอบครัว “ชินวัตร” ไปอีกนาน
กำลังโหลดความคิดเห็น