ASTV ผู้จัดการรายวัน - ก.ล.ต. ปรับปรุงการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ทุกร้อยละ 5 และการลงทุนของกองทุนรวม รองรับการลดการคุ้มครองเงินฝาก และโอกาสในการเข้าลงทุนผ่านธนาคารอิสลาม
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับตลาดทุน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 7/2554 ประจำเดือนกรกฎาคมว่า คณะกรรมการเห็นชอบให้ปรับปรุงการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รายงานทุกร้อยละ 5) และปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน เพื่อรองรับการมีผลใช้บังคับของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และเพิ่มทางเลือกให้กองทุนสามารถลงทุนในศุกูกและเงินฝากธนาคารอิสลามได้
โดยมีการปรับปรุง ดังนี้ 1. ปรับปรุงการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ ลดภาระการรายงานทุกร้อยละ 5 และปรับปรุงเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น โดยเรื่องที่ปรับปรุงในกลุ่มแรกซึ่งเป็นไปเพื่อการลดภาระได้แก่ (1) ให้รายงานทุกร้อยละ 5 เฉพาะหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน(2) ยกเลิกการส่งสำเนารายงานให้ตลาดหลักทรัพย์ (3) ยกเว้นการรายงานทุกร้อยละ 5 ให้แก่ ผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ในธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และการนำหลักทรัพย์ไปเป็นหลักประกันในธุรกรรม SBL , ผู้ที่ได้หลักทรัพย์ตามสิทธิการเป็นผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (right offering)และผู้ที่ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์อ้างอิงของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (Depository Receipt: DR) ที่ออกโดยบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกลุ่มเรื่องที่ปรับปรุงเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย (1) เพิ่มเติมให้การรายงานทุกร้อยละ 5 ครอบคลุมไปถึงตราสารที่ออกโดยบุคคลอื่น ที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือตราสารดังกล่าวในการแปลงสภาพ เช่น ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (derivative warrant) (2) กำหนดให้บุคคลที่มีการเพิ่มหรือลดนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่กระทำการร่วมกัน (concert party) และทำให้ผลรวมของหลักทรัพย์ที่ถืออยู่ในบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นหรือลดลงผ่านทุกร้อยละ 5 ต้องยื่นรายงานทุกร้อยละ 5 ต่อ ก.ล.ต.
ขณะเดียวกันที่ประชุมอนุมัติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน สืบเนื่องจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะทยอยลดวงเงินที่คุ้มครองลง โดยจะลดวงเงินคุ้มครองเป็นไม่เกิน 50 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 และไม่เกิน 1 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 ซึ่งอาจมีผลให้ความเสี่ยงของกองทุน ที่ลงทุนในเงินฝากของสถาบันการเงินเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ก.ล.ต. จึงจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน โดยกำหนดอัตราส่วนการลงทุน (company limit) ในเงินฝาก รวมถึงตราสารและธุรกรรมกรรมที่ทำกับสถาบันการเงิน โดยพิจารณาจากอันดับความน่าเชื่อถือ (rating) ของตราสารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อให้กองทุนมีการกระจายการลงทุนที่สอดคล้องคล้องกับคุณภาพของตราสาร โดยกองทุนจะสามารถลงทุนกับสถาบันการเงินรายใดรายหนึ่งที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า investment grade หรือไม่มีการจัดอันดับการลงทุน ได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และเมื่อคำนวณรวมการลงทุนดังกล่าวกับทรัพย์สินอื่นที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า investment grade หรือไม่มีการจัดอันดับการลงทุน ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้เพิ่มทางเลือกการลงทุนโดยเปิดโอกาสให้กองทุนสามารถลงทุนในศุกูกและเงินฝากธนาคารอิสลามได้ โดยอัตราส่วนการลงทุนในศุกูกและเงินฝากธนาคารอิสลามจะกำหนดให้เป็นไปตามอัตราส่วนการลงทุนของตราสารหนี้และเงินฝากในสถาบันการเงินทั่วไป
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับตลาดทุน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 7/2554 ประจำเดือนกรกฎาคมว่า คณะกรรมการเห็นชอบให้ปรับปรุงการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รายงานทุกร้อยละ 5) และปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน เพื่อรองรับการมีผลใช้บังคับของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และเพิ่มทางเลือกให้กองทุนสามารถลงทุนในศุกูกและเงินฝากธนาคารอิสลามได้
โดยมีการปรับปรุง ดังนี้ 1. ปรับปรุงการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ ลดภาระการรายงานทุกร้อยละ 5 และปรับปรุงเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น โดยเรื่องที่ปรับปรุงในกลุ่มแรกซึ่งเป็นไปเพื่อการลดภาระได้แก่ (1) ให้รายงานทุกร้อยละ 5 เฉพาะหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน(2) ยกเลิกการส่งสำเนารายงานให้ตลาดหลักทรัพย์ (3) ยกเว้นการรายงานทุกร้อยละ 5 ให้แก่ ผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ในธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และการนำหลักทรัพย์ไปเป็นหลักประกันในธุรกรรม SBL , ผู้ที่ได้หลักทรัพย์ตามสิทธิการเป็นผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (right offering)และผู้ที่ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์อ้างอิงของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (Depository Receipt: DR) ที่ออกโดยบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกลุ่มเรื่องที่ปรับปรุงเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย (1) เพิ่มเติมให้การรายงานทุกร้อยละ 5 ครอบคลุมไปถึงตราสารที่ออกโดยบุคคลอื่น ที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือตราสารดังกล่าวในการแปลงสภาพ เช่น ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (derivative warrant) (2) กำหนดให้บุคคลที่มีการเพิ่มหรือลดนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือบุคคลที่กระทำการร่วมกัน (concert party) และทำให้ผลรวมของหลักทรัพย์ที่ถืออยู่ในบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นหรือลดลงผ่านทุกร้อยละ 5 ต้องยื่นรายงานทุกร้อยละ 5 ต่อ ก.ล.ต.
ขณะเดียวกันที่ประชุมอนุมัติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน สืบเนื่องจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะทยอยลดวงเงินที่คุ้มครองลง โดยจะลดวงเงินคุ้มครองเป็นไม่เกิน 50 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 และไม่เกิน 1 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 ซึ่งอาจมีผลให้ความเสี่ยงของกองทุน ที่ลงทุนในเงินฝากของสถาบันการเงินเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ก.ล.ต. จึงจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน โดยกำหนดอัตราส่วนการลงทุน (company limit) ในเงินฝาก รวมถึงตราสารและธุรกรรมกรรมที่ทำกับสถาบันการเงิน โดยพิจารณาจากอันดับความน่าเชื่อถือ (rating) ของตราสารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อให้กองทุนมีการกระจายการลงทุนที่สอดคล้องคล้องกับคุณภาพของตราสาร โดยกองทุนจะสามารถลงทุนกับสถาบันการเงินรายใดรายหนึ่งที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า investment grade หรือไม่มีการจัดอันดับการลงทุน ได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และเมื่อคำนวณรวมการลงทุนดังกล่าวกับทรัพย์สินอื่นที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า investment grade หรือไม่มีการจัดอันดับการลงทุน ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้เพิ่มทางเลือกการลงทุนโดยเปิดโอกาสให้กองทุนสามารถลงทุนในศุกูกและเงินฝากธนาคารอิสลามได้ โดยอัตราส่วนการลงทุนในศุกูกและเงินฝากธนาคารอิสลามจะกำหนดให้เป็นไปตามอัตราส่วนการลงทุนของตราสารหนี้และเงินฝากในสถาบันการเงินทั่วไป