วานนี้ (18 ก.ค.) นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า การประชุม กกต.ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ จะมีการพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ และกลุ่มแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) รวมถึงคำร้องกรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าที่ประชุมอย่างแน่นอน ส่วนจะรับรองหรือไม่ขึ้นอยู่ที่เสียงข้างมากในที่ประชุม
ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีแรงกดดันจากอำนาจทางใดมากดดันกกต.ให้แขวนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะการตัดสินต้องขึ้นอยู่กับสำนวนหลักฐานที่ชัดเจนของงานด้านสืบสวนเท่านั้น และที่การพิจารณาล่าช้าเพราะมีการยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาจำนวนมากจึงต้องการให้เกิดความรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า ควรจะรับรองให้มีจำนวนสส.เพียงพอที่จะเปิดประชุมสภาได้ก่อนเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้และเมื่อสำนวนคำร้องคัดค้านเสร็จสิ้นก็สามารถตัดสิทธิ์ภายหลังได้ ส่วนการที่จะกำหนดให้วันที่19 ก.ค.นี้เป็นวันสุดท้ายในการรับเรื่องคัดค้านหรือไม่จะขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมจะเห็นอย่างไร
**รับรอง ส.ส.ชุดแรกได้ไม่มีร้องเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ที่ศูนย์ประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญ เทศบาลนครอุดรธานี นายพนมยงค์ สิงห์สว่าง สมาชิกองค์กรตรวจสอบอำนาจรัฐแห่งชาติ นำประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขต 4 อุดรธานี กว่า 200 คน มารวมตัวขอพบ และยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เดินทางมาเป็นประธานเปิด "การศึกษาอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง" จาก 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้ตัวแทนเข้าพบยื่นหนังสือ และนายอภิชาตออกมาพบประชาชน จึงแยกย้ายกลับ
นายพนมยงค์ กล่าวว่า ชาวบ้านเดินทางมาร้องเรียน 2 เรื่อง เรื่องแรก คือการเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายผู้สมัครส.ส.อุดรธานีรายหนึ่งในข้อหาซื้อเสียง และเรื่องที่สองร้องเรียนเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง
นายอภิชาตกล่าวว่า ตามที่ กกต.ได้ประกาศรับรอง ส.ส.ไปแล้วรอบแรกเกือบทั้งหมดไม่มีผู้ร้องคัดค้าน หรือร้องคัดค้านแต่ไม่เข้าเกณฑ์ ที่เหลืออยู่ก็คือมีผู้ร้องคัดค้าน ก็ต้องมีขั้นตอนในการสอบสวน โดยให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง แล้วจึงส่งมาให้ กกต.พิจารณา ซึ่งในวันที่ 19 ก.ค. ก็จะมีการประชุมพิจารณา ก็ไม่รู้ว่าจะได้พิจารณากี่เรื่องแล้วจะมีผลการพิจารณาออกมาอย่างไร ซึ่ง กกต.เราก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ ช่วงนี้ก็หยุดติดต่อกันถึง 4 วัน ก็เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2550 เราประกาศรับรองถึง 3 รอบ ก็ทยอยออกมาแบบนี้ ไม่เห็นมีปัญหาทักท้วงอะไร
**เผยส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์รับใบแดงเท่านั้น
รายงานระบุว่า การพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. เพิ่มเติมในวันที่19ก.ค.นี้นั้น ยังไม่มีการยืนยันได้ว่าจะรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ ฝ่ายสืบสวนสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนการสอบสวน เรื่องร้องเรียนของทั้งคู่มาให้กกต.กลาง ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่รายงานว่าการสืบสวนไม่มีมูล ก็น่าจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้เลย แต่หากไม่เรียบร้อยก็อาจจะต้องพิจารณาว่าให้เสร็จทันใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หรือกกต.จะประกาศรับรองไปก่อนได้หรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงในการประกาศรับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์และนายอภิสิทธิ์
ทั้งนี้ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กกต.ไม่สามารถที่จะออกใบเหลือง หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ เพราะต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ และผู้สมัครบางคนก็ไม่ได้กระทำผิด และบางส่วนกกต.ก็ได้รับรองไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือ ต้องออกใบแดงเท่านั้น แต่ต้องมีความชัดเจนทั้งเรื่องความผิดและหลักฐานด้วย
** พีเน็ตให้กำลังใจกกต.ไม่รีบรับรอง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะกรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) แถลงถึงการทำงานของ กกต. ว่า สิ่งที่ต้องให้ดอกไม้ กกต.คือ กรณีที่ กกต.ยังไม่รับรองความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึงว่าที่ ส.ส.อีก 142 คนนั้น พีเน็ตขอให้กำลังใจ กกต.ในการปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรองจะเป็นใคร แม้ว่าหากภายใน 30 วัน กกต.ยังไม่สามารถรับรอง ส.ส.ได้ครบจำนวนเปิดประชุมสภา เพราะยังต้องพิจารณาหลักฐานต่างๆ กกต.อาจถูกสังคมมองว่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ขอให้ทำหน้าที่เหมือนที่ กกต.ชุดแรกเคยทำ คือใครมีปัญหาก็ให้ใบเหลืองใบแดงให้เลือกตั้งซ้ำอยู่อย่างนั้น ดีกว่าปล่อยคนผิดเข้าสภา ซึ่งความเห็นที่ว่า ให้ปล่อยไปก่อนแล้วสอยทีหลังนั้น ถือว่า เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง และจะแสดงว่า กกต.ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะผู้ที่ทุจริตจะไปลงคะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้ ในอนาคต ใครต้องการเป็นรัฐบาล ก็ทุจริตเลือกตั้งจนได้ ส.ส.เต็มสภาไปก่อน และการให้ใบแดงหลังการรับรอง ก็ทำได้ยาก
แต่สิ่งที่ต้องให้ก้อนอิฐกับ กกต.คือ การทำงานที่มีปัญหามาตลอด ทั้งการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหา ทำให้คนเสียสิทธิ์ไปประมาณสองล้านคน และยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่ขัดแย้งกัน อาทิ จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่คงที่ในการประกาศแต่ละครั้ง นับตั้งแต่ 19 พ.ค.ถึง 11 ก.ค. มีจำนวนไม่เท่ากัน แตกต่างกันมากที่สุดถึง 399,498 คน และการประกาศผลจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งสองระบบคือแบบเขตและบัญชีรายชื่อไม่เท่ากัน ผู้มาใช้สิทธิ์สองระบบต่างกันถึง 83,222 คน โดย กกต.ได้แจ้งว่า มาจากการรวมเลขของจังหวัดหนึ่งผิดไป 9 หมื่นคะแนน ซึ่งจังหวัดนั้นมีผู้มาใช้สิทธิ์จริง 101,681 คน เมื่อพีเน็ตได้ตรวจสอบแล้ว กลับไม่พบว่า มีจังหวัดใดมีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนดังกล่าว ซึ่ง กกต.ควรเร่งชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงในประเด็นว่า จังหวัดไหนมีการรวมคะแนนผิดพลาด ชี้แจงเหตุผลที่ตัวเลขแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ให้มีคนกลางเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายวรินทร์ เทียมจรัส กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การพิมพ์บัตรเลือกตั้งครั้งนี้ เกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถึงร้อยละ 13 ไม่ใช่ร้อยละ 7 ตามที่ กกต.แจ้ง ซึ่งความเป็นจริง กกต.ไม่ควรพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน เพราะเราไม่เคยพบสถิติการใช้สิทธิ์เกินร้อยละ 80
**คนปชป.จี้สำนักโพลรับผิดชอบ
อีกเรื่องนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และรักษาการกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงผลสำรวจเอแบคโพลล์ที่ระบุประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองสถานภาพ ส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ ว่า น่าแปลกใจที่สังคมไทยในขณะนี้ยังไม่เห็นนักวิชาการออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการทำโพล ที่ทำให้สังคมมุ่งไปที่กระแสมากกว่าการเป็นสังคมที่สร้างปัญญา ทำให้สังคมถูกกลืนไปกับกระแสซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง โดยเฉพาะการสำรวจในเรื่องที่เกี่ยวกับหลักกฎหมาย ซึ่งไม่ควรที่จะมาถามความเห็นของประชาชน เนื่องจากเป็นเรื่องของเหตุและผล ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกที่จะนำมาตัดสินกันได้ จึงอยากให้คนทำโพลมีความเป็นมืออาชีพและจิตสำนึกด้วย
ทั้งนี้ ช่วงที่มีการเลือกตั้งการทำโพลสามารถทำได้ เพราะเป็นการสำรวจความรู้สึกของประชาชน แต่เรื่องของ กกต.ที่จะให้ใบเหลือง ใบแดง ไม่ควรทำโพล เพราะเป็นเรื่องของนิติธรรม จะนำกระแสมาตัดสินไม่ได้ ดังนั้น กกต.จะต้องตัดสินใจทำงานโดยยึดหลักกฎหมายพิจารณาให้รอบคอบเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานที่ดี ไม่ควรนำกระแสเหล่านี้มากดดันการทำงาน เพราะที่ผ่านมา กกต.ก็พลาดถึง 3 เรื่อง
ส่วนที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้ กกต.เร่งรับรองสถานภาพ ส.ส.นั้น นายชินวรณ์กล่าวว่า ถือเป็นการพูดเอาแต่ได้ โดยนำโพลมาอ้างอิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ควรให้ กกต.ทำงานด้วยความเป็นอิสระ หากจะเรียกร้องก็ควรที่จะเร่งรัดให้ กกต.ทำงานโดยยึดหลักของกฎหมายไม่ควรไปกดดัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รักษาการกรรมการบริหารพรรค ปชป. กล่าวว่า โพลที่ทำออกมาในขณะนี้หลายคนสับสนว่ามีความเป็นกลางทางวิชาการจริงหรือไม่ เพราะก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ก็มีการทำโพลออกมาชี้นำประชาชน ที่สำคัญหลังการเลือกตั้ง ก็มีการทำเอ็กซิตโพล ซึ่งมีความผิดพลาดมาก และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีโพลใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ดังนั้น หากจะมีการทำโพลออกมาก็ควรจะมีความเป็นวิชาการมากกว่าที่เป็นอยู่ ต้องไม่มีผลต่อการทำงานของ กกต.หรือองค์กรใดๆ เพราะจากคำถามที่สอบถามประชาชน บางคนกลัวว่าจะมีความรุนแรงหาก กกต.ไม่รับรองผล ซึ่งไม่ใช่การสำรวจความเห็นทางวิชาการ แต่มีการใช้ความรู้สึกเข้ามาตัดสิน
**ปลอดโวย! แขวน“ปู”เจตนาไม่ดี
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่กังวลที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย หากไม่สามารถดำเนินการนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้ โดยมองว่า พรรคประชาธิปัตย์พูดเพื่อปูทางเตรียมที่จะไม่ไว้วางใจ ในการเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านมากกว่า
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น มองว่าเป็นการพยายามดึงเรื่องไว้ ซึ่งไม่ทราบว่ามีเจตนาอะไรหรือไม่ แต่ในท้ายที่สุด กกต.จะต้องไม่ลืมว่า คนไทยทั้งประเทศกว่า 20 ล้านคน ได้เลือกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า กกต.จะรับรอง ส.ส.ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้
นายปลอดประสพ ยังปฏิเสธที่จะตอบเรื่องการจัดโผคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นคนพูดถึงการจัดโผคณะรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะมีความชัดเจนในทันทีที่ กกต.ประกาศรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นที่เรียบร้อย
**เผาไทยกดดันรายวัน จี้รับรองโดยเร็ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เร่งรับรองส.ส.โดยเร็ว ว่า ตนอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งประกาศรับรองส.ส.ทั้งในระบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อให้โดยเร็ว ส่วนการจัดโผคณะรัฐมนตรี(ครม.)ของพรรคเพื่อไทย พรรคแคร์ความรู้สึกของประชาชน เพราะการตั้งครม.ชุดที่ผ่านมา ไม่เกร็งเท่าชุดนี้ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจะตั้งครม.ให้ดีที่สุด รวมทั้งขออย่ารังเกียจคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีไม่ว่าจะสวมเสื้อสีใด แต่ขอให้เป็นคนเก่งและมีความรู้ความสามารถพอ
เรื่องสำคัญหลังการตั้งรัฐบาล คือการหาเงินเข้าประเทศ เนื่องจากการกู้ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาถือว่าสาหัส เมื่อเทียบกับการกู้จากไอเอ็มเอฟ ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องแบกรับภาระหลายเรื่อง ทั้งนี้ การหาเงินเข้าประเทศถือว่าสำคัญ ส่วนปัญหาปากท้อง ความสมานฉันท์ ปรองดอง อาชญากรรม ยาเสพติด ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน และปัญหาล่าสุดกรณีการยึดโบอิ้ง 737 ซึ่งพรรคทราบว่า เรื่องดังกล่าวทางรัฐบาลเยอรมันได้ส่งเรื่องถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ มาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าทำไมรัฐบาลอภิสิทธิ์ถึงกลับนิ่งนอนใจจนเกิดปัญหาการยึดโบอิ้ง 737
ส่วนการคัดเลือกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจิรายุ กล่าวว่า พรรคไม่ขอก้าวล่วง แต่ก็ขอให้ทำนโยบายที่ดีให้กับประเทศ และที่ออกมากล่าวหาพรรคเพื่อไทยถึงเรื่องนโยบายว่า ไม่สามารถทำได้จริง ก็อยากให้เอากระจกส่องตนเองก่อน เพราะนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น 99 วันทำได้จริงและการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ที่ประกาศไว้ก็ไม่สามารถดำเนินการตามที่พูดได้ ทั้งนี้ที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับตัวแปรที่จะเข้ามาทั้งสิ้น จึงต้องดูระยะยาว และพรรคประชาธิปัตย์ควรค้านอย่างสร้างสรรค์
**อดีตส.ส.ร.เชื่อ กกต.รับรองทันเปิดสภา
นายเดโช สวนานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 และ 2550 กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การทำหน้าที่ของกกต. ว่า เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องรับฟัง แม้ กกต.จะมีกรอบเวลาในการทำงาน 30 วัน แต่หากพบกรณีการทุจริต หรือเข้าข่ายความผิดกฎหมายเลือกตั้ง หากต้องประกาศเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องดำเนินการทันที เพราะอย่างกรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่ความผิดที่เกิดจากการทุจริตเลือกตั้ง ดังนั้นต้องรับรองไปก่อน เพราะสามารถที่จะดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมได้ภายหลัง ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าการประชุมพิจารณาของ กกต.วันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) จะประกาศให้การรับรอง หากไม่ใช่รอบนี้ ก็ต้องเป็นรอบหน้า ก่อนเปิดประชุมสภาแน่นอน
**รายงานตัวแล้ว 251 คนเหลือ107 คน
บรรยากาศการแสดงตนของ ส.ส.ชุดที่ 24 วันที่ 5 มี ส.ส.ที่ได้รับใบรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เดินทางมาแสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มอีก 4 คน คือ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายถวิล ไพรสนฑ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายธีรภัทร์ พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และ น.พ.อสิ มะหะมัดยังกี ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลให้ยอดรวมขณะนี้มี ส.ส.ที่มาแสดงตนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 251 คน ยังเหลือ ส.ส.ที่ยังไม่มาแสดงตนอีก 107 คน โดยสำนักงานเลขาธิการนสภาผู้แทนราษฎรยังคงเปิดให้สมาชิกสามารถเข้ามาแสดงตนได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
**กกต.เหงา ส.ส.รับหนังสือแค่ 3 คน
สว่นที่ กกต.ก็เงียบเหงาเช่นกัน มีเพียง นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส. เขต 1 จ.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาเป็นรายแรกของวัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดสำคัญทางศาสนา และเป็นวันหยุดยาวทำให้ช่วง 4 วันที่ผ่านมา ส.ส. เดินทางเข้ารับใบประกาศรับรองกันอย่างบางตา
ต่อมาน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับ 42 เดินทางเข้ารับใบประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง โดยมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งภายการรับใบประกาศรับรองผลได้ให้สัมภาษณ์ ว่ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็น ส.ส.ครั้งแรก ถือว่าเป็นการเปลี่ยนงานใหม่ จากนี้ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้สมกับที่ประชาชนเลือกเข้ามา และต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่เข้ามาจุดนี้ได้ มาจากพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่เป็นพ่อ จึงเปรียบเสมือนเป็นของขวัญที่พ่อมอบไว้ให้
ส่วนกรณีที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผล แกนนำ นปช.ที่ได้รับเลือกตั้ง นั้น เชื่อว่าหากคุณสมบัติครบ กกต.ก็จะประกาศรับรองผลในที่สุด ทั้งนี้ภายหลังจากที่ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.แล้ว จะดำเนินการ เรื่อง การเสียชีวิตของ พล อย่างไรนั้น ทุกอย่างก็จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับผู้เสียชีวิต ทั้ง 91 ศพ จะไม่มีความพิเศษไปจากคนอื่น ขณะที่พรรคขัตติยะธรรม ที่พลตรีขัตติยะ เป็นผู้ก่อตั้งนั้น จะมีการตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยจะไม่ควบรวมกับพรรคเพื่อไทย ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้า ตอนนี้ได้ทาบทาม น.ส.กิตติยา สวัสดิผล พี่สาวของตน แต่ยังไม่ทราบว่าจะตอบรับหรือไม่ เนื่องจากพี่สาวของตนไม่ชอบงานทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากนั้นนายนภดล มาตรศรี ส.ส.เขต 3 สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ก็เดินทางมารับหนังสือรับรอง การเป็นส.ส.
ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีแรงกดดันจากอำนาจทางใดมากดดันกกต.ให้แขวนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะการตัดสินต้องขึ้นอยู่กับสำนวนหลักฐานที่ชัดเจนของงานด้านสืบสวนเท่านั้น และที่การพิจารณาล่าช้าเพราะมีการยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาจำนวนมากจึงต้องการให้เกิดความรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า ควรจะรับรองให้มีจำนวนสส.เพียงพอที่จะเปิดประชุมสภาได้ก่อนเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้และเมื่อสำนวนคำร้องคัดค้านเสร็จสิ้นก็สามารถตัดสิทธิ์ภายหลังได้ ส่วนการที่จะกำหนดให้วันที่19 ก.ค.นี้เป็นวันสุดท้ายในการรับเรื่องคัดค้านหรือไม่จะขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมจะเห็นอย่างไร
**รับรอง ส.ส.ชุดแรกได้ไม่มีร้องเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ที่ศูนย์ประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญ เทศบาลนครอุดรธานี นายพนมยงค์ สิงห์สว่าง สมาชิกองค์กรตรวจสอบอำนาจรัฐแห่งชาติ นำประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขต 4 อุดรธานี กว่า 200 คน มารวมตัวขอพบ และยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เดินทางมาเป็นประธานเปิด "การศึกษาอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง" จาก 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้ตัวแทนเข้าพบยื่นหนังสือ และนายอภิชาตออกมาพบประชาชน จึงแยกย้ายกลับ
นายพนมยงค์ กล่าวว่า ชาวบ้านเดินทางมาร้องเรียน 2 เรื่อง เรื่องแรก คือการเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายผู้สมัครส.ส.อุดรธานีรายหนึ่งในข้อหาซื้อเสียง และเรื่องที่สองร้องเรียนเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง
นายอภิชาตกล่าวว่า ตามที่ กกต.ได้ประกาศรับรอง ส.ส.ไปแล้วรอบแรกเกือบทั้งหมดไม่มีผู้ร้องคัดค้าน หรือร้องคัดค้านแต่ไม่เข้าเกณฑ์ ที่เหลืออยู่ก็คือมีผู้ร้องคัดค้าน ก็ต้องมีขั้นตอนในการสอบสวน โดยให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง แล้วจึงส่งมาให้ กกต.พิจารณา ซึ่งในวันที่ 19 ก.ค. ก็จะมีการประชุมพิจารณา ก็ไม่รู้ว่าจะได้พิจารณากี่เรื่องแล้วจะมีผลการพิจารณาออกมาอย่างไร ซึ่ง กกต.เราก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ ช่วงนี้ก็หยุดติดต่อกันถึง 4 วัน ก็เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2550 เราประกาศรับรองถึง 3 รอบ ก็ทยอยออกมาแบบนี้ ไม่เห็นมีปัญหาทักท้วงอะไร
**เผยส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์รับใบแดงเท่านั้น
รายงานระบุว่า การพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. เพิ่มเติมในวันที่19ก.ค.นี้นั้น ยังไม่มีการยืนยันได้ว่าจะรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ ฝ่ายสืบสวนสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนการสอบสวน เรื่องร้องเรียนของทั้งคู่มาให้กกต.กลาง ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่รายงานว่าการสืบสวนไม่มีมูล ก็น่าจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้เลย แต่หากไม่เรียบร้อยก็อาจจะต้องพิจารณาว่าให้เสร็จทันใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หรือกกต.จะประกาศรับรองไปก่อนได้หรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงในการประกาศรับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์และนายอภิสิทธิ์
ทั้งนี้ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กกต.ไม่สามารถที่จะออกใบเหลือง หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ เพราะต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ และผู้สมัครบางคนก็ไม่ได้กระทำผิด และบางส่วนกกต.ก็ได้รับรองไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือ ต้องออกใบแดงเท่านั้น แต่ต้องมีความชัดเจนทั้งเรื่องความผิดและหลักฐานด้วย
** พีเน็ตให้กำลังใจกกต.ไม่รีบรับรอง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะกรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) แถลงถึงการทำงานของ กกต. ว่า สิ่งที่ต้องให้ดอกไม้ กกต.คือ กรณีที่ กกต.ยังไม่รับรองความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึงว่าที่ ส.ส.อีก 142 คนนั้น พีเน็ตขอให้กำลังใจ กกต.ในการปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรองจะเป็นใคร แม้ว่าหากภายใน 30 วัน กกต.ยังไม่สามารถรับรอง ส.ส.ได้ครบจำนวนเปิดประชุมสภา เพราะยังต้องพิจารณาหลักฐานต่างๆ กกต.อาจถูกสังคมมองว่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ขอให้ทำหน้าที่เหมือนที่ กกต.ชุดแรกเคยทำ คือใครมีปัญหาก็ให้ใบเหลืองใบแดงให้เลือกตั้งซ้ำอยู่อย่างนั้น ดีกว่าปล่อยคนผิดเข้าสภา ซึ่งความเห็นที่ว่า ให้ปล่อยไปก่อนแล้วสอยทีหลังนั้น ถือว่า เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง และจะแสดงว่า กกต.ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะผู้ที่ทุจริตจะไปลงคะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้ ในอนาคต ใครต้องการเป็นรัฐบาล ก็ทุจริตเลือกตั้งจนได้ ส.ส.เต็มสภาไปก่อน และการให้ใบแดงหลังการรับรอง ก็ทำได้ยาก
แต่สิ่งที่ต้องให้ก้อนอิฐกับ กกต.คือ การทำงานที่มีปัญหามาตลอด ทั้งการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหา ทำให้คนเสียสิทธิ์ไปประมาณสองล้านคน และยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่ขัดแย้งกัน อาทิ จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่คงที่ในการประกาศแต่ละครั้ง นับตั้งแต่ 19 พ.ค.ถึง 11 ก.ค. มีจำนวนไม่เท่ากัน แตกต่างกันมากที่สุดถึง 399,498 คน และการประกาศผลจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งสองระบบคือแบบเขตและบัญชีรายชื่อไม่เท่ากัน ผู้มาใช้สิทธิ์สองระบบต่างกันถึง 83,222 คน โดย กกต.ได้แจ้งว่า มาจากการรวมเลขของจังหวัดหนึ่งผิดไป 9 หมื่นคะแนน ซึ่งจังหวัดนั้นมีผู้มาใช้สิทธิ์จริง 101,681 คน เมื่อพีเน็ตได้ตรวจสอบแล้ว กลับไม่พบว่า มีจังหวัดใดมีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนดังกล่าว ซึ่ง กกต.ควรเร่งชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงในประเด็นว่า จังหวัดไหนมีการรวมคะแนนผิดพลาด ชี้แจงเหตุผลที่ตัวเลขแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ให้มีคนกลางเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายวรินทร์ เทียมจรัส กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การพิมพ์บัตรเลือกตั้งครั้งนี้ เกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถึงร้อยละ 13 ไม่ใช่ร้อยละ 7 ตามที่ กกต.แจ้ง ซึ่งความเป็นจริง กกต.ไม่ควรพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน เพราะเราไม่เคยพบสถิติการใช้สิทธิ์เกินร้อยละ 80
**คนปชป.จี้สำนักโพลรับผิดชอบ
อีกเรื่องนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และรักษาการกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงผลสำรวจเอแบคโพลล์ที่ระบุประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองสถานภาพ ส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ ว่า น่าแปลกใจที่สังคมไทยในขณะนี้ยังไม่เห็นนักวิชาการออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการทำโพล ที่ทำให้สังคมมุ่งไปที่กระแสมากกว่าการเป็นสังคมที่สร้างปัญญา ทำให้สังคมถูกกลืนไปกับกระแสซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง โดยเฉพาะการสำรวจในเรื่องที่เกี่ยวกับหลักกฎหมาย ซึ่งไม่ควรที่จะมาถามความเห็นของประชาชน เนื่องจากเป็นเรื่องของเหตุและผล ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกที่จะนำมาตัดสินกันได้ จึงอยากให้คนทำโพลมีความเป็นมืออาชีพและจิตสำนึกด้วย
ทั้งนี้ ช่วงที่มีการเลือกตั้งการทำโพลสามารถทำได้ เพราะเป็นการสำรวจความรู้สึกของประชาชน แต่เรื่องของ กกต.ที่จะให้ใบเหลือง ใบแดง ไม่ควรทำโพล เพราะเป็นเรื่องของนิติธรรม จะนำกระแสมาตัดสินไม่ได้ ดังนั้น กกต.จะต้องตัดสินใจทำงานโดยยึดหลักกฎหมายพิจารณาให้รอบคอบเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานที่ดี ไม่ควรนำกระแสเหล่านี้มากดดันการทำงาน เพราะที่ผ่านมา กกต.ก็พลาดถึง 3 เรื่อง
ส่วนที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้ กกต.เร่งรับรองสถานภาพ ส.ส.นั้น นายชินวรณ์กล่าวว่า ถือเป็นการพูดเอาแต่ได้ โดยนำโพลมาอ้างอิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ควรให้ กกต.ทำงานด้วยความเป็นอิสระ หากจะเรียกร้องก็ควรที่จะเร่งรัดให้ กกต.ทำงานโดยยึดหลักของกฎหมายไม่ควรไปกดดัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รักษาการกรรมการบริหารพรรค ปชป. กล่าวว่า โพลที่ทำออกมาในขณะนี้หลายคนสับสนว่ามีความเป็นกลางทางวิชาการจริงหรือไม่ เพราะก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ก็มีการทำโพลออกมาชี้นำประชาชน ที่สำคัญหลังการเลือกตั้ง ก็มีการทำเอ็กซิตโพล ซึ่งมีความผิดพลาดมาก และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีโพลใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ดังนั้น หากจะมีการทำโพลออกมาก็ควรจะมีความเป็นวิชาการมากกว่าที่เป็นอยู่ ต้องไม่มีผลต่อการทำงานของ กกต.หรือองค์กรใดๆ เพราะจากคำถามที่สอบถามประชาชน บางคนกลัวว่าจะมีความรุนแรงหาก กกต.ไม่รับรองผล ซึ่งไม่ใช่การสำรวจความเห็นทางวิชาการ แต่มีการใช้ความรู้สึกเข้ามาตัดสิน
**ปลอดโวย! แขวน“ปู”เจตนาไม่ดี
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่กังวลที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย หากไม่สามารถดำเนินการนโยบายตามที่หาเสียงไว้ได้ โดยมองว่า พรรคประชาธิปัตย์พูดเพื่อปูทางเตรียมที่จะไม่ไว้วางใจ ในการเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านมากกว่า
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น มองว่าเป็นการพยายามดึงเรื่องไว้ ซึ่งไม่ทราบว่ามีเจตนาอะไรหรือไม่ แต่ในท้ายที่สุด กกต.จะต้องไม่ลืมว่า คนไทยทั้งประเทศกว่า 20 ล้านคน ได้เลือกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า กกต.จะรับรอง ส.ส.ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้
นายปลอดประสพ ยังปฏิเสธที่จะตอบเรื่องการจัดโผคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นคนพูดถึงการจัดโผคณะรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะมีความชัดเจนในทันทีที่ กกต.ประกาศรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นที่เรียบร้อย
**เผาไทยกดดันรายวัน จี้รับรองโดยเร็ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เร่งรับรองส.ส.โดยเร็ว ว่า ตนอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งประกาศรับรองส.ส.ทั้งในระบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อให้โดยเร็ว ส่วนการจัดโผคณะรัฐมนตรี(ครม.)ของพรรคเพื่อไทย พรรคแคร์ความรู้สึกของประชาชน เพราะการตั้งครม.ชุดที่ผ่านมา ไม่เกร็งเท่าชุดนี้ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจะตั้งครม.ให้ดีที่สุด รวมทั้งขออย่ารังเกียจคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีไม่ว่าจะสวมเสื้อสีใด แต่ขอให้เป็นคนเก่งและมีความรู้ความสามารถพอ
เรื่องสำคัญหลังการตั้งรัฐบาล คือการหาเงินเข้าประเทศ เนื่องจากการกู้ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาถือว่าสาหัส เมื่อเทียบกับการกู้จากไอเอ็มเอฟ ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องแบกรับภาระหลายเรื่อง ทั้งนี้ การหาเงินเข้าประเทศถือว่าสำคัญ ส่วนปัญหาปากท้อง ความสมานฉันท์ ปรองดอง อาชญากรรม ยาเสพติด ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน และปัญหาล่าสุดกรณีการยึดโบอิ้ง 737 ซึ่งพรรคทราบว่า เรื่องดังกล่าวทางรัฐบาลเยอรมันได้ส่งเรื่องถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ มาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าทำไมรัฐบาลอภิสิทธิ์ถึงกลับนิ่งนอนใจจนเกิดปัญหาการยึดโบอิ้ง 737
ส่วนการคัดเลือกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจิรายุ กล่าวว่า พรรคไม่ขอก้าวล่วง แต่ก็ขอให้ทำนโยบายที่ดีให้กับประเทศ และที่ออกมากล่าวหาพรรคเพื่อไทยถึงเรื่องนโยบายว่า ไม่สามารถทำได้จริง ก็อยากให้เอากระจกส่องตนเองก่อน เพราะนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น 99 วันทำได้จริงและการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ที่ประกาศไว้ก็ไม่สามารถดำเนินการตามที่พูดได้ ทั้งนี้ที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับตัวแปรที่จะเข้ามาทั้งสิ้น จึงต้องดูระยะยาว และพรรคประชาธิปัตย์ควรค้านอย่างสร้างสรรค์
**อดีตส.ส.ร.เชื่อ กกต.รับรองทันเปิดสภา
นายเดโช สวนานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 และ 2550 กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การทำหน้าที่ของกกต. ว่า เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องรับฟัง แม้ กกต.จะมีกรอบเวลาในการทำงาน 30 วัน แต่หากพบกรณีการทุจริต หรือเข้าข่ายความผิดกฎหมายเลือกตั้ง หากต้องประกาศเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องดำเนินการทันที เพราะอย่างกรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่ความผิดที่เกิดจากการทุจริตเลือกตั้ง ดังนั้นต้องรับรองไปก่อน เพราะสามารถที่จะดำเนินการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมได้ภายหลัง ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าการประชุมพิจารณาของ กกต.วันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) จะประกาศให้การรับรอง หากไม่ใช่รอบนี้ ก็ต้องเป็นรอบหน้า ก่อนเปิดประชุมสภาแน่นอน
**รายงานตัวแล้ว 251 คนเหลือ107 คน
บรรยากาศการแสดงตนของ ส.ส.ชุดที่ 24 วันที่ 5 มี ส.ส.ที่ได้รับใบรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เดินทางมาแสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มอีก 4 คน คือ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายถวิล ไพรสนฑ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายธีรภัทร์ พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และ น.พ.อสิ มะหะมัดยังกี ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลให้ยอดรวมขณะนี้มี ส.ส.ที่มาแสดงตนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 251 คน ยังเหลือ ส.ส.ที่ยังไม่มาแสดงตนอีก 107 คน โดยสำนักงานเลขาธิการนสภาผู้แทนราษฎรยังคงเปิดให้สมาชิกสามารถเข้ามาแสดงตนได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
**กกต.เหงา ส.ส.รับหนังสือแค่ 3 คน
สว่นที่ กกต.ก็เงียบเหงาเช่นกัน มีเพียง นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส. เขต 1 จ.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาเป็นรายแรกของวัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดสำคัญทางศาสนา และเป็นวันหยุดยาวทำให้ช่วง 4 วันที่ผ่านมา ส.ส. เดินทางเข้ารับใบประกาศรับรองกันอย่างบางตา
ต่อมาน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับ 42 เดินทางเข้ารับใบประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง โดยมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งภายการรับใบประกาศรับรองผลได้ให้สัมภาษณ์ ว่ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็น ส.ส.ครั้งแรก ถือว่าเป็นการเปลี่ยนงานใหม่ จากนี้ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้สมกับที่ประชาชนเลือกเข้ามา และต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่เข้ามาจุดนี้ได้ มาจากพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่เป็นพ่อ จึงเปรียบเสมือนเป็นของขวัญที่พ่อมอบไว้ให้
ส่วนกรณีที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผล แกนนำ นปช.ที่ได้รับเลือกตั้ง นั้น เชื่อว่าหากคุณสมบัติครบ กกต.ก็จะประกาศรับรองผลในที่สุด ทั้งนี้ภายหลังจากที่ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.แล้ว จะดำเนินการ เรื่อง การเสียชีวิตของ พล อย่างไรนั้น ทุกอย่างก็จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับผู้เสียชีวิต ทั้ง 91 ศพ จะไม่มีความพิเศษไปจากคนอื่น ขณะที่พรรคขัตติยะธรรม ที่พลตรีขัตติยะ เป็นผู้ก่อตั้งนั้น จะมีการตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยจะไม่ควบรวมกับพรรคเพื่อไทย ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้า ตอนนี้ได้ทาบทาม น.ส.กิตติยา สวัสดิผล พี่สาวของตน แต่ยังไม่ทราบว่าจะตอบรับหรือไม่ เนื่องจากพี่สาวของตนไม่ชอบงานทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากนั้นนายนภดล มาตรศรี ส.ส.เขต 3 สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ก็เดินทางมารับหนังสือรับรอง การเป็นส.ส.