วานนี้ (13 ก.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม (สุขธนะ) อดีตรมว.สาธารณสุข กล่าวบรรยายแก่ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล เรื่อง “ธรรมะเปลี่ยนชีวิต” ซึ่งจัดโดยคณะทำงานดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
พระรักเกียรติ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในสมัยที่เป็นนักการเมือง เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีถึง 5 สมัย ตกอยู่ในวังวนของสุรา นารี ภาชี กีฬาบัตร ถ้าอยากไปต่างประเทศก็มีคนพาไป เมื่อไปทุกประเทศต้องได้ผู้หญิงหมดทุกประเทศ มิฉะนั้นเรียกว่าไปไม่ถึง และถ้าอยากนอนกับนางงามจักรวาลคนไหน ก็ชี้ได้เลยเดี๋ยวจัดมาให้ อีกทั้งถ้าอยากเล่นคาสิโน ก็ได้เล่น ถ้าเล่นเสียก็มีคนมาตามจ่าย เป็นการใช้ชีวิตแบบสุดๆบนความประมาท
ตอนนั้นคิดว่ามีความสุขที่สุดแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่เลย และเมื่อเกิดทุกข์และต้องรับโทษ อาตมาจึงไม่โทษใคร เพราะทั้งหมดเป็นผลจากการกระทำของตัวเอง อาตมาถือเป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกพิจารณาคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลเห็นว่าเป็นถึงข้าราชการการเมือง และได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ แต่กลับเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง จึงให้ถูกลงโทษสถานหนัก 3 เท่าของโทษปกติ
พระรักเกียรติ กล่าวอีกว่า อาตมาจึงขอเตือนข้าราชการให้ตระหนักด้วยว่าถ้ากระทำผิด จะต้องรับโทษหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และขออย่าได้มีความหลงใหลในอำนาจและความอยากได้ใคร่มี เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์ในทุกด้าน ชื่อเสียงป่นปี้ ทรัพย์สินถูกยึด และลูกเมียลำบากตกเป็นจำเลยสังคม
ยกตัวอย่างคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการนิรโทษกรรมหรือการให้คนเสื้อแดงรวมชื่อกันเพื่อขออภัยโทษนั้น เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และผิดหลักของบ้านเมือง แต่ถ้าเขาอยากพ้นทุกข์และอยากกลับบ้าน ต้องรับโทษจำคุกก่อน ทำตัวดี แล้วจึงขออภัยโทษ
“อาตมารู้จักทักษิณ ดี เคยบอกแล้วว่าโทษจำคุก 2 ปี แต่เมื่อจำคุกจริงๆไม่ถึงหรอก อย่างมากไม่กี่เดือน เมื่อมาจำคุกจริงแล้ว ให้รัฐบาลของน้องตัวเองขออภัยโทษตามหลักปรองดองเลย อาตมาเขียนร่างขออภัยโทษให้เองก็ได้ คนจะยอมรับ ปัญหาจะได้จบ ความสามัคคีจะได้เกิด มิฉะนั้นจะตอบคำถามคนอื่นอย่างไร จะต้องยอมนิรโทษกรรมให้คนอื่น เช่น วัฒนา อัศวเหม และสมชาย คุณปลื้ม ด้วยหรือไม่ และจะตอบคำถามคนที่ติดคุกยอมรับโทษตามกฎหมายได้อย่างไร” พระรักเกียรติ กล่าว
พระรักเกียรติ กล่าวว่า ดังนั้นสิ่งที่จะทำเพื่อคนคนเดียวนั้น ไม่มีวันที่จะสร้างความปรองดองได้ ตราบเท่าที่ยังมีคนไม่ยอมรับ และไม่ได้รับการปฎิบัติบนมาตรฐานเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ
“อย่างคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่จะมีการนิรโทษกรรม ถ้าเขาอยากพ้นทุกข์ และอยากกลับบ้านต้องรับโทษจำคุกก่อน ทำตัวดี แล้วจึงขออภัยโทษ อาตมารู้จักทักษิณดี เคยบอกแล้วว่าโทษจำคุก 2 ปี แต่เมื่อจำคุกจริงๆ ไม่ถึงหรอก อย่างมากไม่กี่เดือน เมื่อมาจำคุกจริงแล้ว ให้รัฐบาลของน้องตัวเอง (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ขออภัยโทษตามหลักปรองดองเลย” พระรักเกียรติกล่าว
พระรักเกียรติ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในสมัยที่เป็นนักการเมือง เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีถึง 5 สมัย ตกอยู่ในวังวนของสุรา นารี ภาชี กีฬาบัตร ถ้าอยากไปต่างประเทศก็มีคนพาไป เมื่อไปทุกประเทศต้องได้ผู้หญิงหมดทุกประเทศ มิฉะนั้นเรียกว่าไปไม่ถึง และถ้าอยากนอนกับนางงามจักรวาลคนไหน ก็ชี้ได้เลยเดี๋ยวจัดมาให้ อีกทั้งถ้าอยากเล่นคาสิโน ก็ได้เล่น ถ้าเล่นเสียก็มีคนมาตามจ่าย เป็นการใช้ชีวิตแบบสุดๆบนความประมาท
ตอนนั้นคิดว่ามีความสุขที่สุดแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่เลย และเมื่อเกิดทุกข์และต้องรับโทษ อาตมาจึงไม่โทษใคร เพราะทั้งหมดเป็นผลจากการกระทำของตัวเอง อาตมาถือเป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกพิจารณาคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลเห็นว่าเป็นถึงข้าราชการการเมือง และได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ แต่กลับเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง จึงให้ถูกลงโทษสถานหนัก 3 เท่าของโทษปกติ
พระรักเกียรติ กล่าวอีกว่า อาตมาจึงขอเตือนข้าราชการให้ตระหนักด้วยว่าถ้ากระทำผิด จะต้องรับโทษหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และขออย่าได้มีความหลงใหลในอำนาจและความอยากได้ใคร่มี เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์ในทุกด้าน ชื่อเสียงป่นปี้ ทรัพย์สินถูกยึด และลูกเมียลำบากตกเป็นจำเลยสังคม
ยกตัวอย่างคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการนิรโทษกรรมหรือการให้คนเสื้อแดงรวมชื่อกันเพื่อขออภัยโทษนั้น เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และผิดหลักของบ้านเมือง แต่ถ้าเขาอยากพ้นทุกข์และอยากกลับบ้าน ต้องรับโทษจำคุกก่อน ทำตัวดี แล้วจึงขออภัยโทษ
“อาตมารู้จักทักษิณ ดี เคยบอกแล้วว่าโทษจำคุก 2 ปี แต่เมื่อจำคุกจริงๆไม่ถึงหรอก อย่างมากไม่กี่เดือน เมื่อมาจำคุกจริงแล้ว ให้รัฐบาลของน้องตัวเองขออภัยโทษตามหลักปรองดองเลย อาตมาเขียนร่างขออภัยโทษให้เองก็ได้ คนจะยอมรับ ปัญหาจะได้จบ ความสามัคคีจะได้เกิด มิฉะนั้นจะตอบคำถามคนอื่นอย่างไร จะต้องยอมนิรโทษกรรมให้คนอื่น เช่น วัฒนา อัศวเหม และสมชาย คุณปลื้ม ด้วยหรือไม่ และจะตอบคำถามคนที่ติดคุกยอมรับโทษตามกฎหมายได้อย่างไร” พระรักเกียรติ กล่าว
พระรักเกียรติ กล่าวว่า ดังนั้นสิ่งที่จะทำเพื่อคนคนเดียวนั้น ไม่มีวันที่จะสร้างความปรองดองได้ ตราบเท่าที่ยังมีคนไม่ยอมรับ และไม่ได้รับการปฎิบัติบนมาตรฐานเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ
“อย่างคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่จะมีการนิรโทษกรรม ถ้าเขาอยากพ้นทุกข์ และอยากกลับบ้านต้องรับโทษจำคุกก่อน ทำตัวดี แล้วจึงขออภัยโทษ อาตมารู้จักทักษิณดี เคยบอกแล้วว่าโทษจำคุก 2 ปี แต่เมื่อจำคุกจริงๆ ไม่ถึงหรอก อย่างมากไม่กี่เดือน เมื่อมาจำคุกจริงแล้ว ให้รัฐบาลของน้องตัวเอง (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ขออภัยโทษตามหลักปรองดองเลย” พระรักเกียรติกล่าว